พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,539 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4817-4818/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน - ไถ่ถอนจำนอง - ผลกระทบต่อสิทธิเจ้าหนี้
คำขอให้จำเลยทั้งสามจัดการไถ่ถอนจำนองเพื่อให้ที่ดินของโจทก์ทั้งสองปลอดจากการจำนอง ถ้าโจทก์มิได้ฟ้องผู้รับจำนองเข้ามาด้วยศาลไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอส่วนนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบกระเทือนสิทธิของผู้รับจำนองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4762/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อฉลเจ้าหนี้: เพิกถอนนิติกรรมเช่าช่วงเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับชำระหนี้
จำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ของโจทก์และโจทก์มีสิทธิในตึกแถวพิพาท โดยจำเลยที่ 1 นำสิทธิการเช่าช่วงตึกแถวพิพาทไปให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้การที่จำเลยที่ 3 ได้ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 แล้วได้ไปทำการจดทะเบียนยกเลิกสัญญาเช่าช่วงตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนให้จำเลยที่ 3 เช่าช่วงโดยจำเลยที่ 4 ให้ความยินยอมนั้น พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยทั้งสี่กระทำไปทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 เสียเปรียบ การกระทำของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการฉ้อฉลโจทก์ โจทก์มีสิทธิเพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยทั้งสี่กระทำลงไปนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4762/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อฉลเจ้าหนี้โดยการทำนิติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ โจทก์มีสิทธิเพิกถอนนิติกรรมได้
จำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ของโจทก์และโจทก์มีสิทธิในตึกแถวพิพาท โดยจำเลยที่ 1 นำสิทธิการเช่าช่วงตึกแถวพิพาทไปให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้การที่จำเลยที่ 3 ได้ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 แล้วได้ไปทำการจดทะเบียนยกเลิกสัญญาเช่าช่วงตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนให้จำเลยที่ 3 เช่าช่วงโดยจำเลยที่ 4 ให้ความยินยอมนั้น พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยทั้งสี่กระทำไปทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 เสียเปรียบ การกระทำของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการฉ้อฉลโจทก์ โจทก์มีสิทธิเพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยทั้งสี่กระทำลงไปในนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและการบังคับคดีกับที่ดินพิพาท: การร้องสอดไม่จำเป็นหากลูกหนี้มิได้ใช้สิทธิขัดทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ ให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนกรรมสิทธิ์แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย และได้ขอให้ศาลยึดที่ดินตามฟ้องไว้แล้ว เมื่อโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวมิได้ใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์ในคดีดังกล่าว ผู้ร้องย่อมดำเนินการบังคับคดีของตนต่อไปได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและการร้องสอดคดี เจ้าหนี้บังคับคดีได้เองหากไม่ขัดทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนกรรมสิทธิ์แล้วใส่ชื่อโจทก์แทนผู้ร้องสอดอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และได้ขอให้ศาลยึดที่ดินพิพาทไว้แล้ว ผู้ร้องสอดจึงมีแต่เพียงสิทธิจะบังคับคดีเอาทรัพย์ส่วนของลูกหนี้ในคดีดังกล่าวชำระหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น หาได้มีสิทธิจะบังคับเอากับที่ดินพิพาทโดยตรงได้ เมื่อผู้ร้องสอดนำยึดที่ดินพิพาทไว้แล้วโดยโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทมิได้ใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 ผู้ร้องสอดย่อมสามารถดำเนินการบังคับคดีของตนต่อไปได้โดยไม่มีความจำเป็นอย่างใด ที่จะมาร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและการบังคับคดี การร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนกรรมสิทธิ์แล้วใส่ชื่อโจทก์แทนผู้ร้องสอดเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย และได้ขอให้ศาลยึดที่ดินตามฟ้องไว้แล้ว เมื่อโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวมิได้ใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์ในคดีดังกล่าว ผู้ร้องย่อมดำเนินการบังคับคดีของตนต่อไปได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4602/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาช่วยเหลือทางการเงินเพื่อก่อสร้างทาง: ไม่ถือเป็นหุ้นส่วน, เจ้าหนี้ไม่ต้องรับผิด
สัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ได้ความว่าจำเลยที่ 3 เข้ามารับภาวะในการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนวัสดุ และน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่จำเลยที่ 1 โดยไม่มีประโยชน์ตอบแทน เพียงแต่เพื่อให้การก่อสร้างทางสำเร็จลุล่วงไปตามโครงการ จำเลยที่ 1 จะได้มีเงินชำระหนี้จำเลยที่ 3 เท่านั้น เงินและสิทธิประโยชน์ที่เหลือจากการชำระหนี้ จำเลยที่ 3 ต้องคืนแก่จำเลยที่ 1 ทั้งหมดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 มิได้มีความประสงค์จะแบ่งปันกำไรกัน ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 คงเป็นเพียงเจ้าหนี้เท่านั้น จึงไม่ต้องชดใช้ค่าน้ำมันตามฟ้องร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4556/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: ลูกหนี้ต้องปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วน เจ้าหนี้มีสิทธิบังคับคดีได้
โจทก์และจำเลยต่างมิได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความความทุกข้อที่ทำกันไว้ในศาลชั้นต้นแต่ที่จำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 6 โดยไม่ยอมให้โจทก์เช่าตึกแถวนั้นปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวดังกล่าวให้จำเลยตามสัญญาข้อ 2 โจทก์จะอ้างว่าจำเลยผิดสัญญายังมิได้ และที่จำเลยยังมิได้จัดการโอนหุ้นตามสัญญาข้อ 8 และยังมิได้โอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ตามสัญญาข้อ 2 นั้น เนื่องจากสัญญาข้อ 8 และข้อ 2 มิได้เกี่ยวข้องหรือเป็นเงื่อนไขของสัญญาข้ออื่น ทั้งสัญญาข้อ 10 ระบุว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด อีกฝ่ายบังคับคดีได้ทันที โจทก์ก็อาจบังคับคดีได้เช่นกัน ไม่เป็นเหตุขัดข้องในการที่โจทก์จะปฏิบัติตามสัญญาข้อ 2 ถึง ข้อ 5 เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมและคำบังคับ จำเลยก็มีสิทธิบังคับคดีแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ให้สินเชื่อแม้ลูกหนี้มีหนี้เดิม เหตุผลหลักทรัพย์มีมูลค่าเพียงพอ ไม่ถือว่ารู้อยู่แล้วว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
การที่เจ้าหนี้ฟ้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระเงินคืนตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลูกหนี้ชำระเงินตามฟ้องให้เจ้าหนี้แล้ว ลูกหนี้ไม่ชำระและเจ้าหนี้มิได้ดำเนินการบังคับเอากับทรัพย์สินของลูกหนี้ กลับให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีไปอีกแต่เมื่อปรากฎว่าหนี้ดังกล่าวมีที่ดินซึ่งมีมูลค่ามากกว่าจำนวนหนี้จำนองเป็นประกัน และไม่ปรากฎว่าเจ้าหนี้ทราบว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้รายอื่น ๆ มากมายไม่มีทางชำระหนี้ ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่า หนี้รายดังกล่าวเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้ทำขึ้นเมื่อได้รู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าหนี้จึงไม่ต้องห้ามมิให้นำหนี้ไปขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 94(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3641/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์สินได้ทั้งที่จำนองและไม่ได้จำนอง แม้มีการจำนองเป็นประกันหนี้
การจำนองไม่ห้ามเจ้าหนี้ผู้รับจำนองต้องผู้พันที่จะบังคับชำระหนี้เอาแต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองแต่ทางเดียว การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดำเนินการบังคับคดียึดที่ดินของผู้ร้องซึ่งจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมไว้แก่โจทก์นั้นเป็นการใช้สิทธิของโจทก์ในฐานะเป็นเจ้าหนี้สามัญ โจทก์ย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยรวมทั้งทรัพย์ที่จำนองได้โดยไม่ต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการบังคับจำนอง