คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดอกเบี้ย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,659 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6746/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การระบุจำนวนดอกเบี้ยในคำขอรับชำระหนี้มีผลต่อการพิพากษา
คดีล้มละลายในชั้นขอรับชำระหนี้ถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนหนี้ที่ขอรับชำระ ถ้ามีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่งประกอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153
แม้ตามบัญชีรายละเอียดแห่งหนี้สินด้านหลังคำขอรับชำระหนี้ปรากฏอยู่ในช่องหลักฐานประกอบหนี้ระบุว่า จำนวนเงิน 104,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2534 จนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตาม แต่ในช่องรายการเจ้าหนี้คงระบุแต่เพียงว่าค่าซื้อสินค้าและในช่องจำนวนเงินก็ระบุจำนวน 104,000 บาท เท่านั้น โดยหาได้ระบุคำนวณจำนวนดอกเบี้ยไว้ด้วยไม่ เมื่อดอกเบี้ยก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เป็นหนี้ที่ขอรับชำระได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 100 การที่เจ้าหนี้มิได้ระบุจำนวนดอกเบี้ยที่ขอรับชำระหนี้มาเช่นนี้จึงไม่อาจถือว่าเจ้าหนี้ได้ขอรับชำระค่าดอกเบี้ยด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ด้วยจึงเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6646/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราดอกเบี้ยเบี้ยปรับในสัญญากู้เงิน ศาลมีอำนาจลดเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วนได้ แม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นเป็นประเด็น
สัญญากู้เงินระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ร้อยละ 18 ต่อปี ตามสัญญาข้อ 2 อยู่แล้วส่วนการที่สัญญาข้อ 4 กำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในกรณีที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดไว้ร้อยละ 21 ต่อปี ก็คือการที่จำเลยที่ 1สัญญาให้เบี้ยปรับในฐานผิดสัญญากู้เงินในอัตราร้อยละ 3 ต่อปีซึ่งถ้าสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้ให้การถึงและศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดปัญหาเรื่องนี้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ในคดีก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6529/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน: สิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นเมื่อใด และคิดดอกเบี้ยได้เมื่อใด
รถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้เพิ่งซ่อมเสร็จหลังจากโจทก์ที่ 1ฟ้องคดีแล้ว แต่สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ที่ 1 ในฐานะผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวมีต่อจำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยบังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุดังนั้น โดยนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง โจทก์ที่ 1 จึงชอบที่จะฟ้องเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินค่าสินไหมทดแทนเอาแก่จำเลยนับแต่วันฟ้องซึ่งเป็นวันในระหว่างเวลาที่จำเลยผิดนัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6529/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนประกันภัยเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดเหตุ แม้ซ่อมเสร็จหลังฟ้อง
รถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้เพิ่งซ่อมเสร็จหลังจากโจทก์ที่1ฟ้องคดีแล้วแต่สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ที่1ในฐานะผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวมีต่อจำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยบังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุดังนั้นโดยนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224วรรคหนึ่งโจทก์ที่1จึงชอบที่จะฟ้องเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินค่าสินไหมทดแทนเอาแก่จำเลยนับแต่วันฟ้องซึ่งเป็นวันในระหว่างเวลาที่จำเลยผิดนัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6529/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนทางประกันภัยเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุ แม้ซ่อมรถไม่เสร็จ
รถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้เพิ่งซ่อมเสร็จหลังจากโจทก์ที่1ฟ้องคดีแล้วแต่สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ที่1ในฐานะผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวมีต่อจำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยบังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุดังนั้นโดยนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224วรรคหนึ่งโจทก์ที่1จึงชอบที่จะฟ้องเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินค่าสินไหมทดแทนเอาแก่จำเลยนับแต่วันฟ้องซึ่งเป็นวันในระหว่างเวลาที่จำเลยผิดนัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6495/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับเงินค่าทดแทนเวนคืนและการคิดดอกเบี้ยกรณีเจ้าหน้าที่แจ้งล่าช้า
หลังจากที่ พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ แขวงสวนหลวง แขวงประเวศ เขตพระโขนง และแขวงคลองสองต้นนุ่น แขวงคลองประเวศ แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบังกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 343 สายคลองตัน-ลาดกระบัง พ.ศ.2532 ประกาศใช้บังคับแล้ว เจ้าหน้าที่ของจำเลยมิได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนมารับเงินค่าทดแทน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 28 วรรคแรก แต่กลับมีหนังสือแจ้งให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนมาตกลงทำสัญญารับเงินค่าทดแทนการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว จำเลยจะยกขึ้นมาเป็นเหตุอ้างให้โจทก์เสื่อมเสียสิทธิที่ควรจะได้ย่อมไม่ถูกต้อง ทั้งการเวนคืนที่ดินของโจทก์เป็นไปตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530 มาตรา 15 ซึ่งมาตรา 28 วรรคแรก บัญญัติให้เจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนมารับเงินค่าทดแทนภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฉบับนั้นใช้บังคับ จึงต้องถือว่าวันสุดท้ายของกำหนดเวลาดังกล่าวคือวันที่ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามมาตรา 26 นั่นเอง ปรากฏว่า พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่แขวงหัวหมากฯ พ.ศ.2532 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2532เมื่อนับถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2535 ที่โจทก์ขอมา จึงเกินกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันดังกล่าวแล้ว โจทก์ชอบที่จะได้รับดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2535

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6299/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์การชำระหนี้และการคิดดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ได้ชำระหนี้ค่าแชร์ให้โจทก์ครบถ้วนแล้วภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วจึงตกอยู่แก่จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปนั้น จึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6299/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์การชำระหนี้ค่าแชร์และการคำนวณดอกเบี้ยที่ถูกต้อง
จำเลยให้การว่าได้ชำระหนี้ค่าแชร์ให้โจทก์ครบถ้วนแล้วภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วจึงตกอยู่แก่จำเลย โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปนั้นจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5784/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสื่อมรถเช่าซื้อ, ดอกเบี้ยผิดนัด, และกรรมสิทธิ์ในส่วนควบ
ข้อกำหนดที่ให้จำเลยชดใช้ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่เช่าซื้อตามที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าซื้อก็คือราคารถยนต์ที่ยึดคืนมาขายได้น้อยกว่าราคาที่เช่าซื้อที่จำเลยต้องรับผิดนั่นเอง ข้อสัญญาดังกล่าวจึงเป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ ซึ่งศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ถ้าเห็นว่าสูงเกินส่วน
ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาไม่ใช่ค่าเช่าซื้อหรือเงินอื่นใดที่ค้างชำระ ดังที่สัญญาเช่าซื้อระบุไว้ให้เรียกดอกเบี้ยได้ในอัตราร้อยละ 1.75 ต่อเดือนหากแต่เป็นหนี้เงินซึ่งโจทก์สามารถเรียกดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง เท่านั้น
จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์เป็นผู้นำกระบะบรรทุกมาติดตั้งประกอบเข้ากับรถยนต์ที่เช่าซื้อ กระบะบรรทุกดังกล่าวจึงเป็นส่วนควบของรถยนต์ที่เช่าซื้อ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์อันถือได้ว่าเป็นเจ้าของทรัพย์เป็นประธานย่อมเป็นเจ้าของกระบะบรรทุกที่ติดตั้งประกอบเข้ากับรถยนต์ที่เช่าซื้อแต่ผู้เดียว แต่ต้องใช้ค่ากระบะบรรทุกนั้นให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ ตาม ป.พ.พ.มาตรา1316 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5784/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ, ค่าเสื่อมราคา, ส่วนควบ, ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้, การชดใช้ค่าเสียหาย
ข้อกำหนดที่ให้จำเลยชดใช้ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่เช่าซื้อตามที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าซื้อก็คือราคารถยนต์ที่ยึดคืนมาขายได้น้อยกว่าราคาที่เช่าซื้อที่จำเลยต้องรับผิดนั่นเองข้อสัญญาดังกล่าวจึงเป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับซึ่งศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ถ้าเห็นว่าสูงเกินส่วน ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาไม่ใช่ค่าเช่าซื้อหรือเงินอื่นใดที่ค้างชำระดังที่สัญญาเช่าซื้อระบุไว้ให้เรียกดอกเบี้ยได้ในอัตราร้อยละ1.75ต่อเดือนหากแต่เป็นหนี้เงินซึ่งโจทก์สามารถเรียกดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ7.5ต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224วรรคหนึ่งเท่านั้น จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์เป็นผู้นำกระบะบรรทุกมาติดตั้งประกอบเข้ากับรถยนต์ที่เช่าซื้อกระบะบรรทุกดังกล่าวจึงเป็นส่วนควบของรถยนต์ที่เช่าซื้อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์อันถือได้ว่าเป็นเจ้าทรัพย์เป็นประธานย่อมเป็นเจ้าของกระบะบรรทุกที่ติดตั้งประกอบเข้ากับรถยนต์ที่เช่าซื้อแต่ผู้เดียวแต่ต้องใช้ค่ากระบะรถบรรทุกนั้นให้แก่จำเลยที่1ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1316วรรคสอง
of 166