พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหะสถาน: เหตุอันควรสงสัยต้องมีเหตุผลรองรับ ไม่ใช่เพียงตามคำกล่าวอ้าง
จำเลยถืออาวุธเข้าไปค้นตัวคนร้ายในบ้านโจทก์โดยจำเลยอ้างว่าติดตามคนร้ายมาทางบ้านโจทก์ แต่คำของจำเลยเองก็ไม่ปรากฎว่าคนนั้นได้กระทำความผิดอย่างใดและพฤติการณ์ที่จำเลยไปถามคนอื่นและไปถามโจทก์นั้นก็แสดงว่าจำเลยไม่รู้ว่าคนนั้นไปทางไหน เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่าคนร้ายได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในบ้านโจทก์ ให้พ้นความรับผิดฐานบุกรุกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหะสถาน: เหตุอันควรสงสัยต้องมีมูลจากข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่การคาดการณ์
จำเลยถืออาวุธเข้าไปค้นตัวคนร้ายในบ้านโจทก์โดยจำเลยอ้างว่าติดตามคนร้ายมาทางบ้านโจทก์ แต่คำของจำเลยเองก็ไม่ปรากฏว่าคนนั้นได้กระทำความผิดอย่างใดและพฤติการณ์ที่จำเลยไปถามคนอื่นและไปถามโจทก์นั้นก็แสดงว่าจำเลยไม่รู้ว่าคนนั้นไปทางไหนเพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่าคนร้ายได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในบ้านโจทก์ ให้พ้นความรับผิดฐานบุกรุกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการบุกรุกและใช้สถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการคำนวณค่าเสียหายและดอกเบี้ย
สิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าช่วงปลูกสร้างขึ้นในที่ดินของผู้ให้เช่าถ้าไม่ปรากฏสัญญาระหว่างผู้เช่ากับผู้เช่าช่วงเป็นอย่างอื่นไม่ตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า
รัฐบาลไทยสัญญาให้ฝ่ายสหประชาชาติผู้ชนะสงครามเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยสหประชาชาติจึงมีอำนาจจัดทรัพย์สินของทหารญี่ปุ่น และขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้
การขายกุดังซึ่งต้องรื้อไป เป็นการขายอย่างสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องจดทะเบียนการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ แม้เจ้าของที่ดินเป็นผู้ซื้อแล้วไม่รื้อไปก็ไม่แตกต่างกัน
ก.ท.ส.ไม่มีอำนาจให้ผู้ใดใช้กุดัง ซึ่งโจทก์ซื้อจากสหประชาชาติจำเลยใช้กุดังนั้นโดยไม่รับอนุญาตจากโจทก์ย่อมเป็นละเมิดจะอ้างว่าก.ท.ส. อนุญาตให้จำเลยใช้ไม่ได้
เงินวางศาลที่จะให้ยกเว้นไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมนั้นต้องอยู่ในลักษณะที่จะให้คู่ความอีกฝ่ายรับไปได้ ถึงแม้จะไม่ยอมรับผิดถ้าจำเลยวางเงินเพียงเป็นประกันการชำระหนี้ แต่ยังสงวนสิทธิต่อสู้คดีต่อไปไม่ใช่การวางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา135,164
รัฐบาลไทยสัญญาให้ฝ่ายสหประชาชาติผู้ชนะสงครามเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยสหประชาชาติจึงมีอำนาจจัดทรัพย์สินของทหารญี่ปุ่น และขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้
การขายกุดังซึ่งต้องรื้อไป เป็นการขายอย่างสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องจดทะเบียนการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ แม้เจ้าของที่ดินเป็นผู้ซื้อแล้วไม่รื้อไปก็ไม่แตกต่างกัน
ก.ท.ส.ไม่มีอำนาจให้ผู้ใดใช้กุดัง ซึ่งโจทก์ซื้อจากสหประชาชาติจำเลยใช้กุดังนั้นโดยไม่รับอนุญาตจากโจทก์ย่อมเป็นละเมิดจะอ้างว่าก.ท.ส. อนุญาตให้จำเลยใช้ไม่ได้
เงินวางศาลที่จะให้ยกเว้นไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมนั้นต้องอยู่ในลักษณะที่จะให้คู่ความอีกฝ่ายรับไปได้ ถึงแม้จะไม่ยอมรับผิดถ้าจำเลยวางเงินเพียงเป็นประกันการชำระหนี้ แต่ยังสงวนสิทธิต่อสู้คดีต่อไปไม่ใช่การวางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา135,164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ตายบุกรุก แต่การยิงซ้ำหลังล้มแล้วถือเกินกว่าเหตุ
คดีฟังเป็นยุติว่าจำเลยยิงผู้ตายตายแต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานขณะจำเลยยิงผู้ตายคงมีคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนว่าผู้ตายเป็นฝ่ายบุกรุกขึ้นไปจะทำร้ายจำเลยถึงบนเรือนในเวลาค่ำคืนจำเลยจึงยิงผู้ตายตายและพยานแวดล้อมกรณีเห็นจำเลยตอนหามศพผู้ตายดังนี้แม้ชั้นพิจารณาจำเลยจะไม่ได้ต่อสู้และนำสืบว่ากระทำไปโดยป้องกันตัวก็ดี เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานและคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนก็เป็นพยานหลักฐานของโจทก์เองอยู่แล้วจึงฟังได้ตามคำรับสารภาพของจำเลยนั้นว่าจำเลยยิงผู้ตายตายเพื่อป้องกันตัวแต่เมื่อปรากฏว่า(ตามคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวน) ยิงผู้ตายสองนัด ผู้ตายล้มลงแล้วยังยิงซ้ำอีกดังนี้ เป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม และการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุกและเสื่อมเสียอิสสระภาพ
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม ม.329,254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามที่คดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม ม.329,254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามที่คดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อนและการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และเสื่อมเสียอิสระภาพ
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในความผิดฐานบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และข่มขืนอิสรภาพ แม้เคยถูกปรับในความผิดวิวาทมาก่อน
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวในภาวะฉุกเฉิน: การแทงเพื่อป้องกันภัยจากบุคคลที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน
ผู้ตายห้อยโหนลงมาจากหน้าต่างเรือนของจำเลยในเวลาดึกดื่น (ผู้ตายกับพี่สาวจำเลยผูกสมัครรักใคร่กัน) ทั้งเป็นเวลาเดือนมืดและได้ลงมายืนประจันหน้ากับจำเลย พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจว่าผู้ที่ยืนอยู่นั้นเป็นขโมยขึ้นลักทรัพย์และอาจทำร้ายจำเลย และไม่รู้ได้ว่าผู้นั้นไม่มีอาวุธร้ายแรงที่พอจะทำลายชีวิตจำเลยได้
เมื่อจำเลยแทงผู้ที่ยืนประจันหน้าไปเสียก่อน เช่นนี้ย่อมเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตน อนึ่งแม้จะแทงโดยแรงโดยอาจแลเห็นผลว่าจะทำให้ผู้นั้นถึงตายได้ก็ตามก็เป็นการกระทำในเวลาฉุกเฉิน จึงไม่เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ เป็นการกระทำที่ได้รับยกเว้นอาญาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50
เมื่อจำเลยแทงผู้ที่ยืนประจันหน้าไปเสียก่อน เช่นนี้ย่อมเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตน อนึ่งแม้จะแทงโดยแรงโดยอาจแลเห็นผลว่าจะทำให้ผู้นั้นถึงตายได้ก็ตามก็เป็นการกระทำในเวลาฉุกเฉิน จึงไม่เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ เป็นการกระทำที่ได้รับยกเว้นอาญาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับใบเหยียบย่ำหวงห้ามการบุกรุกภายใน 2 ปี แม้อายุความ 1 ปีเรื่องแย่งการครอบครองใช้ไม่ได้
ผู้ที่ได้รับใบเหยียบย่ำจากเจ้าพนักงานแล้วย่อมมีสิทธิที่จะหวงห้ามมิให้ผู้อื่นเข้าไปแย่งทำประโยชน์ในที่ ๆ ได้จับจองไว้ได้ แม้ว่าผู้จับจองนั้นจะยังไม่มีสิทธิครอบครองเลยก็ตามที ทั้งนี้ภายในกำหนดเวลา 2 ปี ตามที่ ก.ม.กำหนดให้ผู้จับจองต้องหาประโยชน์ในที่ดินนั้น และผู้ใดจะอ้างอายุความหนึ่งปีเรื่องการแบ่งการครอบครองตาม ป.พ.พ.ม. 1375 มาใช้ยันกับผู้ได้รับใบเหยียบย่ำภายในกำหนดเวลา 2 ปีนั้นก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ได้รับใบเหยียบย่ำหวงห้ามการบุกรุกภายใน 2 ปี แม้ยังไม่มีสิทธิครอบครองเต็มรูปแบบ อายุความแย่งการครอบครองใช้ไม่ได้
ผู้ที่ได้รับใบเหยียบย่ำจากเจ้าพนักงานแล้วย่อมมีสิทธิที่จะหวงห้ามมิให้ผู้อื่นเข้าไปแบ่งทำประโยชน์ในที่ๆ ได้จับจองไว้ได้ แม้ว่าผู้จับจองนั้นจะยังไม่มีสิทธิครอบครองเลยก็ตาม ทั้งนี้ภายในกำหนดเวลา 2 ปีตามที่กฎหมายกำหนดให้ผู้จับจองต้องทำประโยชน์ในที่ดินนั้น และผู้ใดจะอ้างอายุความหนึ่งปีเรื่องการแย่งการครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้ยันกับผู้ได้รับใบเหยียบย่ำภายในกำหนดเวลา 2 ปีนั้นก็ไม่ได้