พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดพยานหลักฐานในวันไต่สวนมูลฟ้อง ทำให้ศาลยกฟ้องคดีอาญาได้
คดีอาญาเมื่อถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง มีแต่ทนายโจทก์มาศาลส่วนโจทก์และพยานไม่มาศาล และมิได้แถลงข้อขัดข้องให้ศาลทราบ เช่นนี้ ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบสนับสนุนข้อกล่าวหาของตน ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดพยานในวันไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา ทำให้ศาลยกฟ้องได้ แม้มีการขอหมายเรียกพยานไว้ก่อน
คดีอาญาเมื่อถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง มีแต่ทนายโจทก์มาศาล. ส่วนโจทก์และพยานไม่มาศาล. และมิได้แถลงข้อขัดข้องให้ศาลทราบ. เช่นนี้ ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบสนับสนุนข้อกล่าวหาของตน. ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกับบทบัญญัติกฎหมาย ถือเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการขายถ่าน (ขายปลีก)โดยใช้รถเข็นบรรทุกถ่านไปขายตามสถานที่ต่างๆ เพื่อการค้า เป็นการประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 8, 68 เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ(ฉบับที่ 3) 2494 ข้อ 4(40) แต่บทกฎหมายที่โจทก์อ้างทั้งหมดรวมทั้งเทศบัญญัติที่อ้างข้อ 4(40) นั้นระบุถึง 'การสะสมถ่าน' จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดเป็นข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาวุธปืนตามกฎหมายยกเว้นโทษ หากดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด แม้ฟ้องก่อนกฎหมายใหม่มีผล
แม้ในขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490 ก็ดี แต่ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 ประกาศใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต นำไปขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2511 ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย. ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างเวลาที่กฎหมายให้สิทธิไม่เอาโทษแก่จำเลยด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้จึงชอบแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่ล่วงพ้นระยะเวลา 90 วันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่สำคัญ
(อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503)
(อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาวุธปืนจากกฎหมายยกเว้นโทษภายหลังการฟ้องคดี
แม้ในขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490ก็ดี แต่ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510ประกาศใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต นำไปขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2511ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างเวลาที่กฎหมายให้สิทธิไม่เอาโทษแก่จำเลยด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้จึงชอบแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่ล่วงพ้นระยะเวลา 90 วันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่สำคัญ (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาวุธปืนเมื่อกฎหมายใหม่ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้กระทำผิดในช่วงเวลาที่ศาลพิจารณาคดี
แม้ในขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490ก็ดี. แต่ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2510ประกาศใช้บังคับ. ซึ่งตามมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต. นำไปขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน90 วัน นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้. คือตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2511ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย. ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างเวลาที่กฎหมายให้สิทธิไม่เอาโทษแก่จำเลยด้วย. ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้. ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้จึงชอบแล้ว. แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่ล่วงพ้นระยะเวลา 90 วันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่สำคัญ. (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่ เมื่อคดีก่อนศาลยกฟ้องเนื่องจากขาดการบรรยายฟ้อง แต่คดีหลังพิพากษาเป็นทางภารจำยอม
คดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเพราะฟ้องไม่บรรยายฟ้องข้อเท็จจริงยืนยันมาว่าทางพิพาทตามฟ้องนั้นเป็นทางสาธารณะ ทางภารจำยอมหรือทางจำเป็นไม่ได้มีการวินิจฉัยในประเด็นข้อที่พิพาทกันด้วยเรื่องทางเดินภารจำยอมรายพิพาทหรือไม่ โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยอีกอ้างว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม ฉะนั้น คดีหลังจึงไม่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขกฎหมายจราจรและการยกฟ้องข้อหาแซงซ้ายเมื่อมีเหตุยกเว้นตามกฎหมายใหม่
ขณะจำเลยกระทำความผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 10 บัญญัติให้รถที่เดินสวนกันหลีกด้านซ้ายและเมื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นให้ขึ้นด้านขวาผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิดนั้น ต่อมาพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 4 บัญญัติให้ยกเลิกมาตรา 10 นั้นเสียและได้ยอมให้ขับรถขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้ายได้ เมื่อไม่มีอะไรกีดขวางและไม่กีดขวางรถอื่นทั้งผู้ขับขี่สามารถกระทำได้โดยปลอดภัยเมื่อจำเลยขับรถขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้ายและต้องด้วยข้อยกเว้นของกฎหมายดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกข่มขืนและทำร้าย ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง
วันเกิดเหตุ จำเลยกลับบ้าน เห็นผู้ตายกำลังกอดปล้ำข่มขืนเพื่อจะชำเราภริยาจำเลย จำเลยจึงเปิดประตูเข้าไปฟันผู้ตาย 2 ที แล้วจำเลยวิ่งหนีไปทางหลังบ้านเพราะกลัวผู้ตายซึ่งคว้ามีดจะทำร้ายจำเลย ผู้ตายยังไล่จำเลยไปอีกติด ๆ กัน จำเลยหนีไม่พ้น จึงหันหน้ามาฟันผู้ตายอีก 2-3 ที ผู้ตายผละหนีไปทางหน้าบ้านแล้วไปนอนตายในลำห้วย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ภยันตรายนั้นใกล้จะถึง และถือได้ว่าจำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพาทเรื่องที่ดินซ้อนทับ โฉนดที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์แก้เป็นยกฟ้อง โจทก์ฎีกาแต่ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
คดีที่มีทุนทรัพย์ 3,400 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินตามรูปแผนที่พิพาทเป็นของโจทก์ และจำเลยที่ 2 ให้เพิกถอนโฉนดเลขที่ 5639 ของจำเลย โดยตัดเฉพาะที่ดินส่วนที่ปรากฏในแผนที่พิพาทเส้นสีแดงหมายเลข 2 ออกเสียจากโฉนด ส่วนคำขอของโจทก์ให้แบ่งที่พิพาท ศาลพิพากษาให้แบ่งไว้ในคดีแดงที่ 785/2503 แล้ว ไม่ต้องพิพากษาซ้ำอีก คำขออื่นให้ยก (ซึ่งหมายรวมถึงคำขอที่โจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 1,000 บาท) ศาลอุทธรณ์แก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งหมด ดังนี้ เป็นแก้มาก