พบผลลัพธ์ทั้งหมด 829 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้มีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์สิน แม้ทรัพย์สินของลูกหนี้ไม่พอชำระหนี้ทั้งหมด
การที่จำเลยยังมีทรัพย์อยู่ แต่ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้โดยสิ้นเชิงนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้มีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์สินลูกหนี้ แม้ทรัพย์สินนั้นมีมูลค่าไม่พอชำระหนี้ทั้งหมด
การที่จำเลยยังมีทรัพย์อยู่ แต่ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้โดยสิ้นเชิงนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่ผู้เดียว
โจทย์ฟ้องจำเลย 3 คน ปรากฏว่าศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ ส่วนคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 นั้น เมื่อจำต้องอาศัยผลของข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ก่อน แต่โจทก์ดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 โดยไม่ถูกต้องดังกล่าวข้างต้น คดีที่โจทย์ฟ้องจำเลยที่ 3 ร่วมเข้ามา จึงไม่ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ และผลกระทบต่อการฟ้องจำเลยอื่นร่วม
โจทก์ฟ้องจำเลย 3 คน ปรากฏว่าศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ ส่วนคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 นั้น เมื่อจำต้องอาศัยผลของข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ก่อน แต่โจทก์ดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 โดยไม่ถูกต้องดังกล่าวข้างต้น คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ร่วมเข้ามา จึงไม่ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1384/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำพิพากษา: ลูกหนี้ไม่สามารถปฏิบัติตามได้โดยสุจริต หากมีข้อพิพาทเรื่องเขตที่ดิน
พฤติการณ์ที่ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ซึ่งศาลจะสั่งให้จับกุมและกักขังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1384/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำพิพากษา: กรณีลูกหนี้ไม่สามารถปฏิบัติตามได้โดยสุจริตเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องเขตที่ดิน
พฤติการณ์ที่ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ซึ่งศาลจะสั่งให้จับกุมและกักขังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้รับมอบอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความจำกัดเฉพาะเรื่องที่ได้รับมอบหมาย สัญญาที่ทำจึงไม่ผูกพันลูกหนี้
เจ้าหนี้ของจำเลยฟ้องจำเลยเรียกหนี้สิน ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยนำใบมอบอำนาจมาขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย แต่ใบมอบอำนาจนั้นเป็นเรื่องทำให้คำขอรับรองการทำประโยชน์และทำนิติกรรมขายที่ดินตาม ส.ค.1เลขที่ 607 แม้จะมีข้อความว่าให้มีอำนาจดำเนินคดีทางศาล เช่น ยอมความได้ด้วยก็ตาม ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ดินนั้นเท่านั้น ดังนั้น ผู้รับมอบอำนาจจึงไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับเจ้าหนี้ของจำเลย แม้ศาลจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมให้ ก็ไม่มีผลผูกพันจำเลย เมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนล้มละลาย เจ้าหนี้ของจำเลยนั้นจึงจะนำหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ และจะอนุโลมเอามูลหนี้เดิมของเจ้าหนี้มาเป็นเหตุอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ก็ไม่ได้ เพราะเจ้าหนี้มิได้ร้องขอรับชำระหนี้โดยอาศัยมูลหนี้เดิม และมิได้มีการไต่สวนพยานหลักฐานเกี่ยวกับมูลหนี้เดิมโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสียก่อน (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการอายัดและถอนอายัดทรัพย์ของลูกหนี้ และการพิจารณาของศาล
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อายัดทรัพย์ของลูกหนี้ผู้ล้มละลายแล้วต่อมามีผู้คัดค้านเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สอบสวนพยานของผู้คัดค้านแล้วสั่งถอนอายัดทรัพย์นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจทำได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 19 และเมื่อผู้ร้องร้องต่อศาลขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งกลับคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ศาลก็มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร ย่อมแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นรายๆไป ตามมาตรา 146 กรณีไม่เข้ามาตรา158 ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผู้คัดค้านว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจยึดทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับจำนองแม้ขาดอายุความ - หนี้ร่วม เจ้าหนี้เลือกฟ้องลูกหนี้รายใดก็ได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทของเจ้ามรดกเพื่อให้จำเลยไถ่ถอนการจำนอง แม้สิทธิของโจทก์จะขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรค 3 แล้วก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 189 ยังยอมให้โจทก์ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับจากทรัพย์สินที่จำนองได้ ดังนี้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะทายาทของเจ้ามรดกเป็นจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ให้โจทก์จากทรัพย์สินที่จำนองได้
หนี้จำนองที่เป็นหนี้ร่วม โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 จำเลยจะอ้างว่าหนี้จำนองรายนี้ซึ่งเป็นหนี้ร่วม โจทก์จะต้องฟ้องบังคับจำนองร่วมกันไปคราวเดียวกันดังนี้ย่อมไม่ได้
หนี้จำนองที่เป็นหนี้ร่วม โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 จำเลยจะอ้างว่าหนี้จำนองรายนี้ซึ่งเป็นหนี้ร่วม โจทก์จะต้องฟ้องบังคับจำนองร่วมกันไปคราวเดียวกันดังนี้ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับจำนองแม้ขาดอายุความ: ทายาทลูกหนี้ร่วมรับผิดชอบหนี้จำนองได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทของเจ้ามรดกเพื่อให้จำเลยไถ่ถอนการจำนอง แม้สิทธิของโจทก์จะขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรค 3 แล้วก็ตามแต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 189 ยังยอมให้โจทก์ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับจากทรัพย์สินที่จำนองได้ ดังนี้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะทายาทของเจ้ามรดกเป็นจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ให้โจทก์จากทรัพย์สินที่จำนองได้
หนี้จำนองที่เป็นหนี้ร่วม โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิง หรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 จำเลยจะอ้างว่าหนี้จำนองรายนี้ซึ่งเป็นหนี้ร่วม โจทก์จะต้องฟ้องบังคับจำนองร่วมกันไปคราวเดียวกันดังนี้ย่อมไม่ได้
หนี้จำนองที่เป็นหนี้ร่วม โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิง หรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 จำเลยจะอ้างว่าหนี้จำนองรายนี้ซึ่งเป็นหนี้ร่วม โจทก์จะต้องฟ้องบังคับจำนองร่วมกันไปคราวเดียวกันดังนี้ย่อมไม่ได้