พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,168 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ล้มละลาย แม้ผู้รับโอนจะสุจริตและได้ค่าตอบแทน
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์ที่ลูกหนี้ได้มาระหว่างเป็นบุคคลล้มละลายจึงเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ตาม มาตรา109(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่ง มาตรา 23 ให้ลูกหนี้ส่งมอบแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และ มาตรา 24 ห้ามมิให้ลูกหนี้กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินเว้นแต่จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล การที่ลูกหนี้ได้ที่ดินพิพาทมาแล้วโอนขายให้แก่ผู้คัดค้านไปจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวทั้งในคดีนี้มีพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าลูกหนี้ได้กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจขอให้ศาลเพิกถอนการโอนทรัพย์สินรายนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 โดยไม่ต้องพิจารณาว่าผู้รับโอนได้รับโอนโดยสุจริต และมีค่าตอบแทนหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดโดยสุจริต แม้ผู้ขายไม่มีสิทธิในทรัพย์สิน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต แม้ภายหลังโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จะขอนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อทรัพย์นั้นเสียสิทธิไปถ้าจำเลยที่ 2 สุจริต โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตอย่างไร ดังนั้น โจทก์ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่แจ้ง จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาที่ดินพิพาท หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยสุจริต แม้ทราบการซื้อขายแล้ว หากมีเหตุเชื่อว่ามีการฉ้อฉล ไม่เป็นละเมิด
แม้จำเลยที่ 2 รู้ว่า พ. ขายทรัพย์พิพาทให้โจทก์แล้ว แต่เมื่อมีเหตุผลให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า พ. สมคบกับโจทก์ฉ้อฉลจำเลยการที่จำเลยนำยึดทรัพย์พิพาทในการบังคับคดีจึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2873/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยสุจริตของผู้ซื้อช่วง ย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 237 แม้ผู้ขายช่วงจะกระทำการฉ้อฉล
ที่ดินของลูกหนี้โอนขายแก่ ส. ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินรับโอนโฉนดจาก ส. โดยสุจริตและชำระราคาที่ดินตามที่ตกลงซื้อขายกันให้แก่ ส. แล้วย่อมได้รับความคุ้มครองตามข้อยกเว้นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์นำยึดที่ดินของผู้ร้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินขายฝาก: สิทธิสุจริตของผู้ซื้อและการไม่อุทธรณ์คำสั่งศาล
การที่ศาลที่รับประเด็นสั่งอนุญาตให้ทนายผู้คัดค้านถามติงพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าวไว้จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226,247
ลูกหนี้ขายฝากที่พิพาทไว้กับผู้คัดค้าน ต่อมามีการไถ่ถอนการขายฝาก แล้วขายฝากอีกในวันเดียวกันนั้นแม้จะถือว่าการขายฝากครั้งหลังเป็นการขายฝากรายเดียวกันกับครั้งแรก ก็ต้องถือว่าการขายฝากยังมีอยู่เมื่อผู้คัดค้านได้รับโอนที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการโอนที่พิพาทตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องฎีกาขึ้นมาได้
ลูกหนี้ขายฝากที่พิพาทไว้กับผู้คัดค้าน ต่อมามีการไถ่ถอนการขายฝาก แล้วขายฝากอีกในวันเดียวกันนั้นแม้จะถือว่าการขายฝากครั้งหลังเป็นการขายฝากรายเดียวกันกับครั้งแรก ก็ต้องถือว่าการขายฝากยังมีอยู่เมื่อผู้คัดค้านได้รับโอนที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการโอนที่พิพาทตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องฎีกาขึ้นมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างรุกล้ำที่ดิน โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การตั้งประเด็นข้อพิพาทและสิทธิโดยสุจริต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ปลูกสร้างในที่ดินของโจทก์ จำเลยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของจำเลยซึ่งซื้อไว้จากจำเลยร่วมโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย จำเลยมิได้กล่าวในคำให้การว่าได้ปลูกสร้างเรือนในที่พิพาทโดยสุจริต ศาลชั้นต้นตั้งประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงว่า จำเลยได้ปลูกสร้างอาคารอยู่ในที่ดินของโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ คดีจึงไม่มีข้อให้วินิจฉัยเลยไปถึงว่า ถ้าอาคารของจำเลยที่ปลูกสร้างไว้ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์แล้ว จำเลยกระทำโดยสุจริตหรือไม่
ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำของจำเลยแต่จำเลยร่วมไม่ยอมเข้ามาในคดีจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อศาลชั้นต้นทำการสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าพอจะวินิจฉัยคดีได้ ศาลชั้นต้นก็ไม่จำต้องทำการสืบพยานต่อไป และไม่จำต้องเรียกจำเลยร่วมมาสอบถาม
ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำของจำเลยแต่จำเลยร่วมไม่ยอมเข้ามาในคดีจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อศาลชั้นต้นทำการสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าพอจะวินิจฉัยคดีได้ ศาลชั้นต้นก็ไม่จำต้องทำการสืบพยานต่อไป และไม่จำต้องเรียกจำเลยร่วมมาสอบถาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยไม่สุจริต ศาลไม่จำต้องวินิจฉัยหากจำเลยไม่ได้ยกประเด็นนี้ขึ้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ปลูกสร้างในที่ดินของโจทก์ จำเลยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของจำเลยซึ่งซื้อไว้จากจำเลยร่วมโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย จำเลยมิได้กล่าวในคำให้การว่าได้ปลูกสร้างเรือนในที่พิพาทโดยสุจริต ศาลชั้นต้นตั้งประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงไว้เพียงว่า จำเลยได้ปลูกสร้างอาคารอยู่ในที่ดินของโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ คดีจึงไม่มีข้อให้วินิจฉัยเลยไปถึงว่า ถ้าอาคารของจำเลยที่ปลูกสร้างไว้ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์แล้ว จำเลยกระทำโดยสุจริตหรือไม่
ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำขอของจำเลยแต่จำเลยร่วมไม่ยอมเข้ามาในคดีจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อศาลชั้นต้นทำการสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าพอจะวินิจฉัยคดีได้ ศาลชั้นต้นก็ไม่จำต้องทำการสืบพยานต่อไป และไม่จำต้องเรียกจำเลยร่วมมาสอบถาม
ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำขอของจำเลยแต่จำเลยร่วมไม่ยอมเข้ามาในคดีจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อศาลชั้นต้นทำการสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าพอจะวินิจฉัยคดีได้ ศาลชั้นต้นก็ไม่จำต้องทำการสืบพยานต่อไป และไม่จำต้องเรียกจำเลยร่วมมาสอบถาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2435/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริตหรือไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 พิจารณาจากเจตนาและข้อเท็จจริง
การที่บุคคลใดสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตหรือไม่สุจริตตามความหมายแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1312 วรรคแรกและวรรคสองนั้นถ้าสร้างโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนหรือที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างได้ก็เป็นโดยสุจริตแต่ถ้าทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่ที่ดินของตนหรือที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างได้แล้วก็เป็นโดยไม่สุจริต
จำเลยเช่าที่ดินโจทก์กว้าง 3 วา 2 ศอก แล้วปลูกบ้านเต็มความกว้างดังกล่าว หลังคาบ้านจำเลยบางส่วนรุกล้ำที่ดินโจทก์ต่อมาจำเลยซื้อที่ดินที่เช่านั้นจำเลยจะอ้างว่าได้สร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตไม่ได้กรณีต้องบังคับตาม มาตรา1312 วรรคสอง
จำเลยเช่าที่ดินโจทก์กว้าง 3 วา 2 ศอก แล้วปลูกบ้านเต็มความกว้างดังกล่าว หลังคาบ้านจำเลยบางส่วนรุกล้ำที่ดินโจทก์ต่อมาจำเลยซื้อที่ดินที่เช่านั้นจำเลยจะอ้างว่าได้สร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตไม่ได้กรณีต้องบังคับตาม มาตรา1312 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายฝากโดยรู้อยู่ว่ามีคดีความ หมิ่นเหยียดสิทธิผู้อื่น ศาลเพิกถอนนิติกรรมได้
จำเลยที่ 2 รับซื้อฝากที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าที่พิพาทโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ยังเป็นความกันอยู่โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินให้โจทก์โดยฐานรับมรดกคดีอยู่ระหว่างฎีกาย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 รับซื้อฝากโดยสุจริตแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะยังไม่ถึงที่สุดก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 รับซื้อฝากไว้เป็นการเสียเปรียบแก่โจทก์ทั้งสองผู้อยู่ในฐานะอันจะได้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนการขายฝากระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิมรดกกรณีสมรสซ้อน: สุจริตของผู้สมรสย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติให้ใช้บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 5 บัญญัติว่า "บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของการหมั้น การสมรส ฯลฯ" ดังนั้น ปัญหาว่าการสมรสของโจทก์หรือของจำเลยฝ่ายใดจะสมบูรณ์และมีสิทธิได้รับมรดกของสามีที่ตายจึงต้องวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เดิมจะนำบรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ซึ่งออกมาใช้บังคับขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาขึ้นมาปรับแก่คดีหาได้ไม่
คำว่า สิทธิ ตามมาตรา 1494 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติว่า เหตุที่การสมรสถูกเพิกถอนไม่เป็นผลให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสียสิทธิที่ได้มา เพราะการสมรสนั้น มีความหมายรวมถึงสิทธิในการรับมรดกด้วย ดังนั้น แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับเจ้ามรดกจะเป็นโมฆะและต้องถูกเพิกถอนเพราะเจ้ามรดกมีจำเลยเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่า โจทก์ทำการสมรสโดยสุจริตโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกตามมาตรา 1494 ดังกล่าว
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยแถลงว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างเจ้ามรดกกับโจทก์จำเลยต่างก็สุจริต ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามทะเบียนสมรสว่าของฝ่ายใดจะสมบูรณ์และมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกแล้วต่างฝ่ายไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์จำเลยตกลงกันกำหนดประเด็นข้อพิพาทให้ศาลวินิจฉัยซึ่งเป็นการสละข้อต่อสู้ในประเด็นข้ออื่นตามคำฟ้องและคำให้การแล้ว คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเท่าที่คู่ความตกลงกำหนดไว้เท่านั้น จำเลยจะหยิบยกขึ้นกล่าวอ้างต่อมาว่า ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องไม่ใช่ทรัพย์มรดก หรือเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบหาได้ไม่ เมื่อศาลเห็นว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกก็วินิจฉัยต่อไปได้ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกเพียงใด โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การ
คำว่า สิทธิ ตามมาตรา 1494 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติว่า เหตุที่การสมรสถูกเพิกถอนไม่เป็นผลให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสียสิทธิที่ได้มา เพราะการสมรสนั้น มีความหมายรวมถึงสิทธิในการรับมรดกด้วย ดังนั้น แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับเจ้ามรดกจะเป็นโมฆะและต้องถูกเพิกถอนเพราะเจ้ามรดกมีจำเลยเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่า โจทก์ทำการสมรสโดยสุจริตโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกตามมาตรา 1494 ดังกล่าว
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยแถลงว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างเจ้ามรดกกับโจทก์จำเลยต่างก็สุจริต ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามทะเบียนสมรสว่าของฝ่ายใดจะสมบูรณ์และมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกแล้วต่างฝ่ายไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์จำเลยตกลงกันกำหนดประเด็นข้อพิพาทให้ศาลวินิจฉัยซึ่งเป็นการสละข้อต่อสู้ในประเด็นข้ออื่นตามคำฟ้องและคำให้การแล้ว คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเท่าที่คู่ความตกลงกำหนดไว้เท่านั้น จำเลยจะหยิบยกขึ้นกล่าวอ้างต่อมาว่า ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องไม่ใช่ทรัพย์มรดก หรือเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบหาได้ไม่ เมื่อศาลเห็นว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกก็วินิจฉัยต่อไปได้ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกเพียงใด โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การ