พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารพยานนอกเหนือการครอบครองจำเลย ไม่ต้องส่งสำเนาให้โจทก์
เอกสารที่จำเลยระบุอ้างเป็นพยานอยู่กับคนภายนอก จำเลยไม่ต้องส่งสำเนาแก่โจทก์ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกชำระหนี้ตามคำพิพากษา: จำเลยมีสิทธิเลือกส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ไม่มีสิทธิเลือก
บรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบกระดาษจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายในพฤติการณ์พิเศษ คือเสียหายหรือขาดทุนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่คำขอท้ายฟ้องมิได้ขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษและชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์คงขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหาย และศาลพิพากษาให้ตามคำขอแล้วหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์จึงมี 2 อย่าง คือส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องกระทำเพียงอย่างเดียว สิทธิที่จะเลือกชำระหนี้ดังกล่าวย่อมตกแก่จำเลย ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 หาใช่โจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดีแทน สามีให้ความยินยอมแล้ว ไม่ต้องยินยอมซ้ำ
หญิงมีสามีได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีแล้วหญิงมีสามีมอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นโจทก์แทนได้ โดยสามีไม่ต้องยินยอมซ้ำอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเกิดจากนิติสัมพันธ์โดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลย หากไม่มีโจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์เช่าบ้านจาก จ.และใช้น้ำประปาของจำเลยที่ 1 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เรียกเงินค่าน้ำที่เก็บเพิ่มขึ้น และค่าเช่ามาตรวัดน้ำคืนโดย จ.ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ไม่ได้เข้ามาในคดีในฐานะโจทก์ร่วมหรือมอบหมายให้โจทก์ฟ้องคดีแทนนั้น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์มิใช่เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 แม้โจทก์ได้รับความเสียหายในการที่จะต้องชำระค่าน้ำเพิ่มและค่ามาตรวัดน้ำ แต่ก็เป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์กับ จ. ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่จำต้องรับรู้ด้วย โจทก์หาได้มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 แต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินและหน้าที่คืนเงิน แม้รายละเอียดการส่งมอบจะต่างกันเล็กน้อย ศาลยังคงบังคับคดีได้หากพิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้รับเงินจริง
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ฝากเงินจำเลยไว้ แต่นำสืบว่าโจทก์ได้ฝากเงินให้จำเลยไปฝากธนาคารนั้น เป็นเรื่องการแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ข้อใหญ่ใจความของคดีคงอยู่ที่ว่า โจทก์ได้อ้างว่าเงินของโจทก์อยู่ที่จำเลย และขอให้จำเลยส่งคืนซึ่งข้อนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่เคยได้รับฝากเงินจากโจทก์ไว้เลยในวันที่โจทก์อ้างตามฟ้องนั้น จำเลยก็ไม่ได้รับเงินไว้จากโจทก์ ฉะนั้น หากทางพิจารณาคดีฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินของโจทก์ไว้ ศาลก็ชอบที่จะบังคับตามคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยคืนเงินให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์: ศาลควรอนุญาตเลื่อนได้หากมีเหตุผลสมควร แม้จะมีการเลื่อนหลายนัดแล้ว
ศาลอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ไปตามความจำเป็นของโจทก์บ้างจำเลยบ้างหลายนัด ครั้นต่อมาโจทก์จำเลยแถลงว่าคดีมีทางตกลงกันได้ขอเลื่อนไปนัดพร้อมกันอีกนัดหนึ่ง ศาลสั่งให้เลื่อนไปนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์ ครั้งถึงวันนัดโจทก์จำเลยมาศาลแถลงว่าตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปในวันนั้นเพียงโจทก์อ้างตัวเองปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มา โจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อไปในนัดหน้า ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนและงดสืบพยานโจทก์ต่อไปเสีย ดังนี้ แม้จะมีการเลื่อนมาหลายนัดแล้วก็ตามศาลก็ได้อนุญาตโดยเห็นพ้องตามความจำเป็นของโจทก์บ้าง จำเลยบ้าง เฉพาะคราวหลังก่อนนัดที่มีการสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยขอให้นัดพร้อม แต่ศาลสั่งนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์เป็นสองกรณีซึ่งไม่แน่ว่าจะได้สืบพยานโจทก์หรือไม่ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่ขอหมายเรียกหรือไม่นำพยานมาศาลเสียทีเดียวก็ไม่ถนัด และจำเลยก็มิได้คัดค้าน ทั้งในวันนั้นศาลออกนั่งพิจารณาเมื่อเวลา 15.35 น. สืบตัวโจทก์ปากเดียวก็หมดเวลาหรือเกือบหมดเวลาราชการแล้ว ถ้าพยานโจทก์อื่นมาศาลก็คงต้องเลื่อนไปสืบต่อนัดหน้าอยู่นั่นเอง จึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในนัดหน้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อน
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา และให้โจทก์นำส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าโจทก์ไม่มานำส่งหมายภายในกำหนดที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์ยื่นคำร้องขอส่งหมายให้จำเลย โดยอ้างว่าโจทก์ป่วยและทนายโจทก์ติดว่าความอยู่ต่างจังหวัดจึงมานำส่งหมายไม่ได้ภายในเวลากำหนดของศาล ดังนี้ ศาลชั้นต้นควรที่จะต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของโจทก์เพื่อฟังให้สิ้นกระแสความเสียก่อน การด่วนยกคำร้องของโจทก์เสียโดยยังมิได้ดำเนินการไต่สวนย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2701/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและไม่แจ้งการเสียชีวิตของโจทก์
วันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในกำหนด 15 วัน โจทก์มิได้เสียตามกำหนด ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีตามคำแถลงของจำเลยแม้ได้ความว่าตัวโจทก์ถึงแก่กรรมภายหลังวันนัดชี้สองสถานวันเดียว แต่ทนายโจทก์ก็หาได้แจ้งให้ศาลทราบและขอให้ศาลสั่งการเกี่ยวกับคำสั่งนั้นแต่ประการใดไม่ จึงเป็นความผิดของฝ่ายโจทก์เอง การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1) แล้ว
ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ให้มาฟังคำสั่งและกำหนดวันพิจารณาในวันนัดชี้สองสถาน ได้ทราบคำสั่งนั้นถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบกำหนดนัดดังกล่าวแล้ว
ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ให้มาฟังคำสั่งและกำหนดวันพิจารณาในวันนัดชี้สองสถาน ได้ทราบคำสั่งนั้นถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบกำหนดนัดดังกล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นเพื่อความผิดฐานยักยอก จำเลยเพียงลงชื่อในโฉนดแทนโจทก์ ไม่ได้ครอบครองจริง จึงไม่เป็นความผิด
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 นั้น นอกจากจะมีการเบียดบังเอาทรัพย์ไปโดยทุจริตแล้ว จะต้องได้ความด้วยว่าผู้ที่เบียดบังนั้นได้ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลย (หุ้นส่วนของห้างโจทก์) เป็นแต่เพียงมีชื่อในโฉนดพิพาทแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อันแท้จริงเท่านั้น โดยจำเลยมิได้เข้าเกี่ยวข้องครอบครองที่ดินโฉนดพิพาทแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นตามความหมายแห่งมาตรา 352 แม้จำเลยเอาที่ดินโฉนดดังกล่าวไปทำสัญญาขายฝากให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือความยินยอมจากโจทก์ จำเลยก็ไม่ม่ความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่อาจอ้างไม่ชอบเพื่อเพิกถอนการโอนได้
คดีก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนั้นโอนที่พิพาทให้จำเลย การที่จำเลยดำเนินการเพื่อให้มีการโอนที่พิพาทไปตามคำพิพากษาจนในที่สุดเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนโอนที่พิพาทให้จำเลย จึงเป็นการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์จะนำมาฟ้องเป็นคดีนี้อ้างว่าการบังคับคดีไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนเสียหาได้ไม่ และเมื่อโจทก์ไม่อาจอ้างได้ดังกล่าวข้ออ้างของโจทก์ที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิดย่อมตกไปในตัว โจทก์จะขอให้ขับไล่จำเลยไม่ได้