คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อตกลง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีมีนิติสัมพันธ์กับจำเลย แม้สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว
ขณะที่โจทก์มีสิทธิการเช่าห้องพิพาทโจทก์ได้ให้จำเลยเข้าไปอาศัยอยู่โดยตกลงกันว่าจำเลยจะออกจากห้องเมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จึงเป็นการก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างกันซึ่งผูกพันคู่กรณีที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจากห้องพิพาทจึงมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่เจ้าของห้องพิพาทบอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์และข้อตกลงที่แตกต่างกัน: สิทธิเรียกร้องจากการกู้ยืมและค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 70,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แต่จำเลยทั้งสองได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันโดยไม่ได้กรอกข้อความให้โจทก์ไว้ ต่อมาฝ่ายโจทก์ได้เขียนกรอกข้อความในสัญญาและเขียนจำนวนเงินกู้เป็น 136,770 บาท โดยจำเลยทั้งสองมิได้กู้ยืมเงินหรือค้ำประกันตามจำนวนเงินที่ปรากฏในสัญญานั้น โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีโดยอาศัยหลักฐานสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันฉบับระบุจำนวนเงินกู้ 136,770 บาท ไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและค้ำประกันจำนวน 70,000 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 70,000 บาทตามที่จำเลยยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญาฉบับที่โจทก์ฟ้องกับสัญญาที่จำเลยยอมรับเป็นคนละฉบับกัน และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้เงินให้ตามสัญญาที่จำเลยยอมรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519-1521/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผูกพันตามข้อตกลงของคณะกรรมการปรองดองที่ได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานของรัฐในการเวนคืน
ความตกลงระหว่างคณะกรรมการปรองดองเพื่อพิจารณาไกล่เกลี่ยค่าทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายดินแดง- ท่าเรือกับเจ้าของผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ไม่มีกฎหมายกำหนดว่าจะต้องทำตามแบบอย่างไร การที่คณะกรรมการปรองดองให้ผู้เข้าร่วมประชุมลงชื่อไว้ในบัญชีผู้เข้าประชุมและจดข้อตกลงต่าง ๆ ไว้ในรายงานการประชุมเป็นหลักฐานถูกต้องตามแบบอย่างทางราชการย่อมใช้บังคับกันได้ หาต้องทำเป็นรูปสัญญาใด ๆ อีกไม่ คณะกรรมการดังกล่าวเป็นคณะกรรมการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของจำเลยแต่งตั้งขึ้น เพื่อพิจารณาไกล่เกลี่ยค่าทดแทนให้แก่เจ้าของผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่นในอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน อันเป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลย จึงเป็นตัวแทนของจำเลยในกิจการที่กล่าวนั้นด้วย เมื่อคณะกรรมการดังกล่าวได้ทำความตกลงกับโจทก์ยอมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยจึงต้องผูกพันตามนั้น จะอ้างระเบียบภายในว่าความตกลงดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าการหรือคณะกรรมการของจำเลยแล้วแต่กรณีก่อนมาปฏิเสธความผูกพันโดยไม่มีข้อความเช่นนั้นเป็นเงื่อนไขในข้อตกลงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519-1521/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผูกพันตามข้อตกลงของคณะกรรมการปรองดองที่ได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานรัฐในการเวนคืนที่ดิน
ความตกลงระหว่างคณะกรรมการปรองดองเพื่อพิจารณาไกล่เกลี่ยค่าทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายดินแดง- ท่าเรือ กับเจ้าของผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ไม่มีกฎหมายกำหนดว่าจะต้องทำตามแบบอย่างไร การที่คณะกรรมการปรองดองให้ผู้เข้าร่วมประชุมลงชื่อไว้ในบัญชีผู้เข้าประชุมและจดข้อตกลงต่างๆ ไว้ในรายงานการประชุมเป็นหลักฐานถูกต้องตามแบบอย่างทางราชการย่อมใช้บังคับกันได้ หาต้องทำเป็นรูปสัญญาใดๆอีกไม่ คณะกรรมการดังกล่าวเป็นคณะกรรมการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของจำเลยแต่งตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาไกล่เกลี่ยค่าทดแทนให้แก่เจ้าของผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่นในอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน อันเป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลย จึงเป็นตัวแทนของจำเลยในกิจการที่กล่าวนั้นด้วย เมื่อคณะกรรมการดังกล่าวได้ทำความตกลงกับโจทก์ยอมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยจึงต้องผูกพันตามนั้นจะอ้างระเบียบภายในว่าความตกลงดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าการหรือคณะกรรมการของจำเลยแล้วแต่กรณีก่อนมาปฏิเสธความผูกพันโดยไม่มีข้อความเช่นนั้นเป็นเงื่อนไขในข้อตกลงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายต่อหน้าศาล: การสืบพยานเพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงเป็นข้อแพ้ชนะ ถือเป็นคำท้าที่ผูกพัน
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยต่อหน้าศาลที่มีความว่า หาก เจ้าพนักงานที่ดินเบิกความว่าจำเลยชำระตัวเงิน 100,000บาท ให้แก่ บ.ต่อหน้าเจ้าพนักงานที่สำนักงานที่ดินเพื่อไถ่ถอนจำนองโจทก์จะยอมแพ้คดี แต่หากเจ้าพนักงานที่ดินเบิกความว่าไม่มีการชำระเงิน 100,000 บาทนั้น จำเลยยอมแพ้คดีให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของเจ้าพนักงานที่ดิน นั้นเป็นข้อตกลงให้ศาลชั้นต้นสืบพยานที่เป็นเจ้าพนักงานที่ดินในประเด็นข้อเดียวว่า จำเลยได้ชำระตัวเงิน 100,000 บาท ให้แก่ บ.เพื่อไถ่ถอนจำนองต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือไม่แล้วให้วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้นำมาเป็นข้อแพ้ชนะ ข้อตกลงดังนี้จึงเป็นคำท้าของคู่ความ
คำเบิกความของเจ้าพนักงานที่ดินปรากฏว่า ไม่มีผู้ใดเห็นการชำระเงินตามคำท้า จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่บ.ต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน และสมประสงค์ข้างฝ่ายโจทก์จำเลยจึงต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการบังคับคดีก่อนมีคำพิพากษา: โจทก์ต้องบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1-2 ก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เดิมจำเลยที่ 3 ให้การต่อสู้คดี แต่ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 แถลงสละข้อต่อสู้ทั้งหมด รับว่าฟ้องโจทก์เป็นความจริง ขอให้โจทก์บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก่อน หากไม่มีทรัพย์หรือมีไม่พอก็ให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 3 โจทก์แถลงไม่ขัดข้อง ดังนี้ จึงเท่ากับเป็นการตกลงในเรื่องการบังคับคดีไว้ล่วงหน้าก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้จำเลยที่ 3 รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม แต่ถ้าจะต้องมีการบังคับคดี โจทก์ก็ผูกพันที่จะต้องบังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก่อนตามข้อตกลง และชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ปรากฏเสียก่อนว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีทรัพย์สินที่โจทก์สามารถจะบังคับเอาชำระหนี้ได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการบังคับคดี: โจทก์ต้องบังคับทรัพย์จำเลยที่ 1-2 ก่อน แม้ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 3 เป็นลูกหนี้ร่วม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็คจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาเดิมจำเลยที่ 3 ให้การต่อสู้คดี แต่ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 แถลงสละข้อต่อสู้ทั้งหมด รับว่าฟ้องโจทก์เป็นความจริง ขอให้โจทก์บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ที่2 ก่อน หากไม่มีทรัพย์หรือมีไม่พอก็ให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 3 โจทก์แถลงไม่ขัดข้อง ดังนี้ จึงเท่ากับเป็นการตกลงในเรื่องการบังคับคดีไว้ล่วงหน้าก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้จำเลยที่ 3 รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมแต่ถ้าจะต้องมีการบังคับคดี โจทก์ก็ผูกพันที่จะต้องบังคับเอาแก่จำเลยที่1 ที่ 2 ก่อนตามข้อตกลง และชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ปรากฏเสียก่อนว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีทรัพย์สินที่โจทก์สามารถจะบังคับเอาชำระหนี้ได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739-740/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ศาลพิจารณาเหตุผลประกอบข้อตกลงสภาพการจ้างได้ แม้ไม่มีกฎหมายเฉพาะ
การเลิกจ้างอย่างไรเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 นั้น ศาลสามารถวินิจฉัยได้โดยคำนึงถึงเหตุอันควรไม่ควรในการเลิกจ้าง.ประกอบกับระเบียบข้อบังคับการทำงานซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งไม่จำต้องวินิจฉัยโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121, 123 ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739-740/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: ศาลวินิจฉัยได้โดยพิจารณาเหตุผลและความเหมาะสมตามข้อตกลงสภาพการจ้าง
การเลิกจ้างอย่างไรเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 นั้น ศาลสามารถวินิจฉัยได้โดยคำนึงถึงเหตุอันควรไม่ควรในการเลิกจ้าง.ประกอบกับระเบียบข้อบังคับการทำงานซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งไม่จำต้องวินิจฉัยโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121,123ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกสอบปากคำฝ่ายเดียวไม่ถือเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องมีเจตนาและข้อตกลงร่วมกัน
บันทึกที่พนักงานสอบสวนจดแจ้งข้อความตามคำแจ้งความของฝ่ายผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่แจ้งกล่าวหาจำเลยที่ 1 ว่า กระทำการอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย แม้ความจะปรากฏตามบันทึกดังกล่าวนั้นด้วยว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดและยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ โดยได้กำหนดเวลานำเงินมาชำระหนี้ไว้ด้วยก็ตาม แต่ก็เป็นการยอมรับผิดตามข้อสอบถามของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบถามจำเลยที่ 1 เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าฝ่ายผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ได้ตกลงยินยอมตามนั้นด้วยทั้งจำนวนเงินอันเป็นค่าสินไหมทดแทนก็เป็นจำนวนที่ไม่แน่นอน เพียงแต่ระบุไว้โดยประมาณเอาเท่านั้น และที่ว่าคู่กรณีตกลงกันได้ตามบันทึกตอนท้ายนั้น ก็เห็นได้ว่าเป็นเพียงความเข้าใจของพนักงานสอบสวนผู้เขียนบันทึกเองเท่านั้น บันทึกดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะที่จะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ อันคู่กรณีประสงค์จะระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่แล้วนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 850 ไม่
of 118