คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำหน่าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12534/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: การส่งมอบสมบูรณ์แม้ผู้รับถูกควบคุมตัว
จำเลยกับ พ. มีเจตนาที่จะกระทำความผิดทางอาญาโดยร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงสั่งซื้อและชำระเงินจำนวน 7,000 บาท ให้แก่ จ. ผู้ขาย แต่ จ. ยังไม่สามารถส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้เพราะยังไม่มี จึงผัดว่าจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้ในภายหลัง โดย จ. จะนำแมทแอมเฟตมีนตามีนไปซุกซ่อนไว้ที่มาตรวัดน้ำประปาหน้าบ้านเช่าที่จำเลยกับ พ. เคยไปรับแมทแอมเฟตามีนกันมาก่อน จำเลยจึงลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว และการที่ จ. ได้นำเมทแอมเฟตามีนที่สั่งซื้อไว้ไปซุกซ่อนที่มาตรวัดน้ำประปาหน้าบ้านเช่าและโทรศัพท์มาแจ้งแก่จำเลยกับ พ. ให้จำเลยกับ พ. ไปเอาได้ เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำจำเลยกับ พ. ไปยังสถานที่ดังกล่าวและยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 60 เม็ด ที่ซุกซ่อนไว้เป็นของกลาง ถือว่าการส่งมอบแมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยกับ พ. มีผลสมบูรณ์เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่ จ. แจ้งให้จำเลยกับ พ. ทราบว่าได้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปซุกซ่อนที่มาตรวัดน้ำประปานั้นแล้ว แม้ขณะที่ จ. แจ้งให้ทราบนั้น จำเลยกับ พ. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวอยู่ ก็ไม่มีผลทำให้จำเลยกับ พ. ไม่สามารถครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางได้แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11868/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกาพิพากษาเพิ่มโทษจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ จำเลยมีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเมื่อเข้าตรวจค้นยังพบเมทแอมเฟตามีนอยู่ในความครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่ง ย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ที่จำเลยจำหน่ายให้สายลับเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย ฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีน 24 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่าย สำหรับเมทแอมเฟตามีน 90 เม็ดของกลางซึ่งค้นได้ที่หัวเตียงในบ้านของ พ. ที่ร้อยตำรวจเอก น. กับพวกไปตรวจค้นพบภายหลังการล่อซื้อและจับกุมจำเลยโดยมิได้ตรวจค้นพบเสียแต่ในคราวแรกที่เข้าตรวจค้นบ้านของ พ. ย่อมมีเหตุผลให้น่าเชื่อว่าเป็นเพราะร้อยตำรวจเอก น. กับพวกได้ทราบข้อเท็จจริงจากคำให้การของจำเลยนั้นเอง หากจำเลยมิได้เกี่ยวข้องและเมทแอมเฟตามีนมิใช่เป็นของจำเลยย่อมเป็นไปได้ยากที่จำเลยจะสามารถทราบถึงที่ซ่อนของเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวได้ ฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีน 90 เม็ด ของกลางเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายเช่นกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11558/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด: การครอบครองและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและ 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน ศาลฎีกายืนตามอุทธรณ์
โจทก์ฎีกาขอให้ริบถุงพลาสติกเปล่าขนาดเล็กและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง แต่ฎีกาของโจทก์หาได้กล่าวโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ในส่วนนี้ว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7884/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย: ศาลพิจารณาปริมาณสารบริสุทธิ์เพื่อกำหนดความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับพวกร่วมกันครอบครองเมทแอมเฟตามีนจำนวน 27 เม็ด ตามฟ้อง จำเลยไม่อุทธรณ์ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยร่วมกับพวกครอบครองเมทแอมเฟตมีนตามฟ้องหรือไม่ เป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้ร่วมกับพวกครอบครองเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ยุติไปแล้ว จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 5 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยกับพวกร่วมกันครอบครองมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เพียง 0.235 กรัม ไม่ถึง 0.375 กรัม จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 66 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับจำนวนหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิ ดังนั้น การที่จำเลยกับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหน่วยการใช้ 27 เม็ด น้ำหนักสุทธิ 2.694 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 0.235 กรัม จึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 วรรคสอง จึงไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7052/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจำหน่ายและมีเมทแอมเฟตามีนครอบครอง, ริบของกลางเสพกัญชาที่ไม่ปรากฏฐานความผิด
ศาลจะสั่งริบทรัพย์สินที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดต่อเมื่อมีการกระทำความผิดนั้น และโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวด้วย เมื่อคดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานเสพกัญชา โจทก์จะขอให้ริบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพกัญชาหาได้ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ริบของกลางดังกล่าวจึงเป็นการมิชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6801/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังว่าจำเลยจำหน่ายยาเสพติด ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์มีจ่าสิบตำรวจ จ. สิบตำรวจ ม. และสิบตำรวจ ค. ซึ่งเป็นผู้จับกุมจำเลยมาเบิกความเป็นพยาน แต่พยานโจทก์ทั้งสามปากมิได้รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่มีการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนระหว่างสายลับกับจำเลย เหตุที่ทราบว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ในราคาเม็ดละ 70 บาท เพราะสายลับเป็นผู้แจ้งคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามดังกล่าวจึงเป็นพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้แม้จะพบธนบัตรฉบับละ 20 บาท จำนวน 1 ฉบับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธนบัตรที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในกระเป๋ากางเกงที่จำเลยถอดไว้ในตะกร้าเสื้อผ้า ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังว่าจำเลยรับธนบัตรดังกล่าวไว้ เนื่องจากการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนเพราะสายลับอาจมอบธนบัตรดังกล่าวให้จำเลยหรือจำเลยได้มาด้วยเหตุอื่นก็ได้
คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่าที่อาจนำมาฟังประกอบพยานอื่นของโจทก์เท่านั้น ไม่มีน้ำหนักรับฟังโดยลำพังเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นศาล โจทก์จึงต้องนำพยานหลักฐานมาสืบให้มีน้ำหนักมั่นคงเพื่อให้เห็นว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้สายลับจริง แต่โจทก์กลับไม่มีพยานดังกล่าวมาสืบโดยคงมีเพียงผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนเท่านั้น พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาจึงมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายวีซีดีโดยไม่ได้รับอนุญาตและการเปลี่ยนแปลงฐานความผิดตามกฎหมายใหม่
ตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ ฯ มาตรา 4 ได้บัญญัติ ว่าการจำหน่ายและขายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์หาใช่การให้การบริการไม่ ดังนั้น แม้ได้ความตามฟ้องโจทก์และจำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยนำวัสดุโทรทัศน์ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานผู้ตรวจมาจำหน่ายและขายแก่ประชาชนทั่วไป ในสถานที่ที่จำเลยประกอบกิจการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แต่เมื่อการกระทำของจำเลยไม่ใช่การให้บริการในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ เพราะการจำหน่ายไม่ใช่การจัดฉายหรือให้บริการโดยแสดงภาพและเสียง ทั้งมิใช่การจัดส่งไปทางสายหรือทางวิธีการอื่นที่ให้ผลในลักษณะเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานนำเทปและวัสดุโทรทัศน์ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจพิจารณามาให้บริการในสถานที่ให้บริการเทปและวัสดุโทรทัศน์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง, 34
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มี พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ออกใช้บังคับ โดยมาตรา 3 (4) บัญญัติให้ยกเลิกพ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 ทั้งฉบับ ซึ่งตามมาตรา 4 บัญญัติให้นิยามคำว่า ภาพยนตร์ ไว้ หมายความว่า วัสดุที่มีการบันทึกภาพ หรือภาพและเสียงซึ่งสามารถนำมาฉายให้เห็นเป็นภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่รวมถึงวีดิทัศน์ แต่ในการประกอบกิจการของจำเลยนั้น จำเลยจำหน่ายแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ด้วย การกระทำของจำเลยในการประกอบกิจการจำหน่ายแผ่นวีซีดีภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 จึงเข้าลักษณะเป็นความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง ด้วย กรณีไม่อาจถือว่ากฎหมายใหม่ยกเลิกการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลย ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง
เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานนำเทปและวัสดุโทรทัศน์ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจพิจารณามาให้บริการในสถานที่ให้บริการเทป และวัสดุโทรทัศน์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง และความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าแลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายภาพยนตร์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต สาระสำคัญอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตวีซีดีเพลงของกลาง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ริบ จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เป็นความผิด ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ ตาม ป.อ.มาตรา 32, 33

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5031/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรมต่างกัน: ครอบครอง-จำหน่ายบุหรี่ซิกาแรตเถื่อนและปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันโดยแยกบรรยายฟ้องข้อ 2 (ก) ในส่วนของการมีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งยาสูบซิกาแรตเครื่องหมายการค้า "กรองทิพย์ 90" (KRONGTHIP 90) จำนวน 190 ซอง ที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ตาม พ.ร.บ.ยาสูบฯ ซึ่งเกินกว่า 500 กรัม และไม่ใช่ยาเส้นที่ทำจากใบยาพันธุ์ยาสูบพื้นเมือง ข้อ 2 (ข) ในส่วนของการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้ายาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตที่มีเครื่องหมายการค้า "กรองทิพย์ 90" (KRONGTHIP 90) ปลอมที่ผู้อื่นทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหาย และข้อ 2 (ง) ในส่วนของการจำหน่ายหรือขายซึ่งสินค้ายาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรต ที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายและเป็นสินค้ายาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตที่มีเครื่องหมายการค้า "กรองทิพย์ 90" (KRONGTHIP 90) อันเป็นเครื่องหมายการค้าปลอม ที่มีผู้ทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหายตามข้อ (ก) และ (ข) จำนวน 20 ซอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสินค้ายาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ และเป็นสินค้ายาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าว คดีย่อมเป็นอันรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่ายหรือขายสินค้ายาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตตามฟ้อง (ง) อีกกระทงหนึ่งด้วย เพราะการมีสินค้ายาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับการจำหน่ายสินค้ายาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตมีลักษณะของการกระทำต่างกัน เป็นการกระทำต่างขั้นตอนกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4762/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายยาเสพติด: ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามกฎหมายใหม่ และไม่ริบรถยนต์
ข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวน 200 เม็ด แต่ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีน้ำหนักและปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์จะระบุสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดที่ส่งไปตรวจพิสูจน์ แต่ไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายมีสารบริสุทธิ์เท่าใด รายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ไม่อาจนำมารับฟังเป็นผลร้ายเพื่อลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดดังกล่าวให้หนักขึ้นได้ ต้องถือว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายไม่ปรากฏปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน การกระทำของจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 200 เม็ด จึงต้องด้วยบทกำหนดโทษตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายเดิมมาตรา 66 วรรคหนึ่ง กรณีโทษจำคุกในความผิดฐานนี้ต้องถือว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายใหม่ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยในความผิดดังกล่าวตาม ป.อ. มาตรา 3 แม้โจทก์และจำเลยจะไม่ได้ฎีกามาก็ตาม แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับปรุงบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 255

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9174/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย: การลงโทษกรรมเดียวและความถูกต้องของการคำนวณโทษ
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายให้ ศ. และ ร. ในแต่ละครั้งเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายหมดไปในแต่ละคราว การกระทำของจำเลยในแต่ละครั้งซึ่งเป็นทั้งความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจึงเป็นกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด แต่ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีระวางโทษเท่ากัน จำเลยจึงควรรับโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน อย่างไรก็ดี ที่ศาลชั้นต้นรวมโทษทั้งสองกระทงเข้าด้วยกันแล้วจึงลดโทษ ย่อมเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่าลดโทษแต่ละกระทงเสียก่อนแล้วจึงรวมเข้าด้วยกัน แม้มีเศษเป็นเดือนก็คงให้เป็นเดือนต่อไปโดยไม่ปรับเป็นปีเพราะ ป.อ. มาตรา 21 วรรคสอง บัญญัติว่า หากกำหนดโทษจำคุกเป็นเดือน ให้นับสามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน แล้วถ้ากำหนดเป็นปี ให้คำนวณตามปีปฏิทินในราชการ เมื่อเป็นเช่นนี้การกำหนดโทษจำคุก 12 เดือน ย่อมมีกำหนดเท่ากับ 360 วัน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนวันตามปีปฏิทินที่อาจมีถึง 366 วัน หรือ 365 วัน สุดแท้แต่ว่าจะเป็นปีอธิกสุรทินหรือปีจันทรคติ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
of 64