พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3196/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดเมื่อหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดถึงแก่ความตายและการรับทายาทเข้าเป็นหุ้นส่วน
โดยปกติเมื่อหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดตายห้างหุ้นส่วนจำกัดย่อมเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1055(5),1080 แต่หุ้นส่วนที่ยังอยู่อาจตกลงให้ห้างยังคงอยู่ต่อไป โดยรับทายาทของหุ้นส่วนที่ตายเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนได้เมื่อปรากฏว่าหลังจาก บ.หุ้นส่วนผู้จัดการห้างโจทก์ถึงแก่ความตายในระหว่างการพิจารณา หุ้นส่วนอื่นได้รับ ช. ซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกให้เข้าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแทน บ. ห้างโจทก์จึงคงอยู่ต่อมา และเมื่อศาลอนุญาตให้ ช. เข้าเป็นผู้แทนโจทก์แทนบ. แล้วห้างโจทก์จึงมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2998/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก: การครอบครองทรัพย์มรดกโดยทายาทร่วมกันทำให้คดีไม่ขาดอายุความ แม้ฟ้องเกิน 1 ปี
หลังจากเจ้ามรดกตาย โจทก์จำเลยซึ่งเป็นทายาทได้ตกลงเรื่องทรัพย์มรดกโดยให้ขายที่ดินบางส่วนนำเงินมาทำศพเจ้ามรดกนอกจากนี้บุตรโจทก์ก็ได้เข้าไปไถที่นามรดก ถือได้ว่าโจทก์ได้ร่วมครอบครองทรัพย์มรดกกับจำเลย โดยยังมิได้แบ่งปันทรัพย์มรดกกันเป็นสัดส่วน แม้โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทายาทผู้รับมรดก กรณีผู้ตายขับรถประมาท ชนเสียหาย ศาลรับฟ้องได้
แม้ชื่อ จำเลยในช่อง คู่ความและคำขอท้ายฟ้องโจทก์จะไม่ได้ระบุว่า โจทก์ฟ้องจำเลย ทั้งแปดให้รับผิดในฐานะ อะไรก็ตามแต่ คำฟ้องของโจทก์ได้ บรรยายว่าจำเลยทั้งแปดเป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของ ก. ผู้ตาย โดย จำเลยที่ 1 เป็นคู่สมรสของ ก. จำเลยที่ 2, 3, 4 เป็นบุตรผู้สืบสันดานของ ก.ผู้ตายเกิดจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5, 6 เป็นผู้สืบสันดานของ ก. ผู้ตาย เกิดจาก ร. จำเลยที่ 7 เป็นบิดาผู้ตาย จำเลยที่ 8เป็นมารดาผู้ตาย และได้ บรรยายด้วย ว่า ก. ขับรถยนต์ โดยประมาทชนกับรถยนต์ คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย และ ก. ตาย ในที่เกิดเหตุ ย่อมพอเข้าใจได้ ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดให้รับผิดในฐานะ ผู้รับมรดกของ ก. ผู้ตาย หาใช่ฟ้องให้รับผิดเป็นส่วนตัวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทายาทผู้รับมรดก กรณีผู้ตายประมาทเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ที่รับประกันภัย
แม้ชื่อ จำเลยในช่อง คู่ความและคำขอท้ายฟ้องโจทก์จะไม่ได้ระบุว่า โจทก์ฟ้องจำเลย ทั้งแปดให้รับผิดในฐานะ อะไรก็ตามแต่ คำฟ้องของโจทก์ได้ บรรยายว่าจำเลยทั้งแปดเป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของ ก. ผู้ตาย โดย จำเลยที่ 1 เป็นคู่สมรสของ ก. จำเลยที่ 2,3,4 เป็นบุตรผู้สืบสันดานของ ก.ผู้ตายเกิดจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5,6 เป็นผู้สืบสันดานของ ก. ผู้ตาย เกิดจาก ร. จำเลยที่ 7 เป็นบิดาผู้ตาย จำเลยที่ 8เป็นมารดาผู้ตาย และได้ บรรยายด้วย ว่า ก. ขับรถยนต์ โดยประมาทชนกับรถยนต์ คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย และ ก. ตาย ในที่เกิดเหตุ ย่อมพอเข้าใจได้ ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดให้รับผิดในฐานะ ผู้รับมรดกของ ก. ผู้ตาย หาใช่ฟ้องให้รับผิดเป็นส่วนตัวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินเกี่ยวกับทายาท ทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมที่ดินและทายาทอื่น
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินขอรับมรดกที่ดินมีโฉนด แล้วจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำและยืนยันรับรองบัญชีเครือญาติต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินที่สอบสวนที่ดินมรดกว่า ผู้ตายมีทายาทเพียง 4 คน คือ จำเลยทั้งสี่ อันเป็นเท็จซึ่งความจริงจำเลยทั้งสี่ต่างทราบดี อยู่แล้วว่าผู้ตายยังมีบุตรสาวอีก 2 คน เป็นทายาทโดยธรรม เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 ถึง ที่ 4 ตามคำขอของจำเลยทั้งสี่ทำให้กรมที่ดินและบุตรสาวอีก 2 คน ของผู้ตายเสียหาย จำเลยทั้งสี่ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จในวันที่กระทำความผิดนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานเกี่ยวกับทายาท ทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมที่ดินและทายาทอื่น
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินขอรับมรดกที่ดินมีโฉนดแล้วจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำและยืนยันรับรองบัญชีเครือญาติต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินที่สอบสวนที่ดินมรดกว่า ผู้ตายมีทายาทเพียง4 คน คือ จำเลยทั้งสี่ อันเป็นเท็จ ซึ่งความจริงจำเลยทั้งสี่ต่างทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ตายยังมีบุตรสาวอีก 2 คนเป็นทายาทโดยธรรมเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 4 ตามคำขอของจำเลยทั้งสี่ ทำให้กรมที่ดินและบุตรสาวอีก2 คน ของผู้ตายเสียหาย จำเลยทั้งสี่ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จในวันที่กระทำความผิดนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนทรัพย์มรดกจากทายาทและผู้รับโอน โดยพิจารณาจากวันที่รู้หรือควรรู้ถึงการเสียชีวิตของเจ้ามรดก
โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์กับ ม. ซึ่ง เป็นมารดาของเจ้ามรดกไม่มีอำนาจทำสัญญาแบ่งมรดก จึงขอเรียกทรัพย์มรดกส่วนที่ ม. รับไปคืนจากจำเลยทั้งสี่ซึ่ง เป็นผู้รับโอนเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกคืนจากทายาท ต้อง ฟ้องภายในกำหนดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754
ในขณะที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายของเจ้ามรดกนั้นโจทก์มีมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม ถือได้ว่าโจทก์โดย มารดารู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตั้งแต่ วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
จำเลยทั้งสี่เป็นผู้รับโอนทรัพย์มรดกจาก ม. ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ย่อมเป็นบุคคลซึ่ง ชอบที่จะใช้ สิทธิของทายาทยกอายุความขึ้นต่อสู้ โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755
ในขณะที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายของเจ้ามรดกนั้นโจทก์มีมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม ถือได้ว่าโจทก์โดย มารดารู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตั้งแต่ วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
จำเลยทั้งสี่เป็นผู้รับโอนทรัพย์มรดกจาก ม. ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ย่อมเป็นบุคคลซึ่ง ชอบที่จะใช้ สิทธิของทายาทยกอายุความขึ้นต่อสู้ โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนทรัพย์มรดกจากทายาท: เริ่มนับเมื่อรู้ถึงการเสียชีวิตของเจ้ามรดก
โจทก์เป็นบุตรของเจ้ามรดกซึ่งเกิดกับ ส. แต่ขณะที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายโจทก์ยังไม่คลอด คงมีแต่ ม. มารดาของเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ ม. จึงเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629(2) หลังจาก ส. มารดาโจทก์คลอด โจทก์แล้วโจทก์โดย ส. ซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมได้ฟ้องจำเลยทั้งสี่ว่า ส. มารดาโจทก์กับ ม. มารดาเจ้ามรดก ซึ่งต่างเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ไม่มีอำนาจทำสัญญาแบ่งมรดกของเจ้ามรดก โจทก์จึงขอเรียกทรัพย์มรดกส่วนที่ ม.รับไปคืนจากจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นผู้รับโอน ดังนี้ เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกคืนจากทายาท ต้องฟ้องภายในกำหนดอายุความ 1 ปีนับแต่เมื่อเจ้ามรดกตายหรือนับแต่เมื่อโจทก์ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตาม ป.พ.พ.มาตรา 1754 เมื่อศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2522 ขณะนั้นโจทก์มี ส.มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมถือได้ว่าโจทก์โดย ส. ได้รู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์มาฟ้องเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2525 เกิน 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความจำเลยทั้งสี่เป็นผู้รับโอนทรัพย์มรดกจาก ม. ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมย่อมเป็นบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาทยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1755.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากทายาทโดยธรรม และสิทธิยกอายุความของผู้รับโอน
โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์กับ ม. ซึ่งเป็นมารดาของเจ้ามรดกไม่มีอำนาจทำสัญญาแบ่งมรดก จึงขอเรียกทรัพย์มรดกส่วนที่ ม.รับไปคืนจากจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นผู้รับโอน เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกคืนจากทายาท ต้องฟ้องภายในกำหนดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ในขณะที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกนั้น โจทก์มีมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม ถือได้ว่าโจทก์โดยมารดารู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตั้งแต่วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ จำเลยทั้งสี่เป็นผู้รับโอนทรัพย์มรดกจาก ม. ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ย่อมเป็นบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาทยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1755
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนทรัพย์มรดก: ทายาทผู้รับโอนสิทธิยกอายุความได้
โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์กับ ม. ซึ่ง เป็นมารดาของเจ้ามรดกไม่มีอำนาจทำสัญญาแบ่งมรดก จึงขอเรียกทรัพย์มรดกส่วนที่ ม. รับไปคืนจากจำเลยทั้งสี่ซึ่ง เป็นผู้รับโอนเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกคืนจากทายาท ต้อง ฟ้องภายในกำหนดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ในขณะที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายของเจ้ามรดกนั้นโจทก์มีมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม ถือได้ว่าโจทก์โดย มารดารู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตั้งแต่ วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ จำเลยทั้งสี่เป็นผู้รับโอนทรัพย์มรดกจาก ม. ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ย่อมเป็นบุคคลซึ่ง ชอบที่จะใช้ สิทธิของทายาทยกอายุความขึ้นต่อสู้ โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755.