พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของโจทก์: การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้เสียหายจากการยักยอกเงินค่าตราไปรษณียากร
ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของโจทก์: การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการยักยอกเงินค่าตราไปรษณียากร
ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีเช็ค: ผู้ร่วมทุจริตนำเช็คเข้าบัญชี ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
โจทก์กับผู้อื่นร่วมกันทุจริตนำเช็คพิพาทของบริษัทแห่งหนึ่งให้โจทก์นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินจากธนาคารโจทก์ย่อมมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น โจทก์หาใช่ผู้เสียหายตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เสียหายร่วมกระทำผิดพนัน จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ฟ้องฉ้อโกงไม่ได้
จำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่ามีพระอาจารย์ดีบอกหวยได้ เคยบอกหวยแก่พวกของจำเลยถูกสลากกินรวบได้เงินนับล้านมาแล้ว ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงไปขอให้พระอาจารย์ (ซึ่งเป็นพวกของจำเลยปลอมตัวเป็นพระมา) บอกเบอร์หวยและมอบเงินให้แก่จำเลยเพื่อนำไปซื้อสลากกินรวบตามเลขที่พระอาจารย์บอก ดังนี้ การกระทำของผู้เสียหายจึงเป็นการร่วมกับจำเลยในการนำเงินไปซื้อสลากกินรวบอันเป็นการพนันทรัพย์สินที่ผิดกฎหมาย ถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำความผิดอาญา จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่สัญญา โจทก์ผู้เสียหายไม่ผูกพัน
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่ 2 ลูกจ้างจำเลยที่ 1 กับ ต. คนขับรถของโจทก์มีใจความว่า จำเลยที่ 2 ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้ผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 กับ ต. ลงชื่อไว้ในฐานะคู่กรณีโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง ไม่ได้ลงชื่อ และมิได้มอบหมายให้ ต. เป็นตัวแทน โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือเพื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทเลินเล่อในการขับรถและการมีส่วนประมาทของผู้เสียหาย ศาลพิจารณาตามพฤติการณ์
ประเด็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมจำเลยเพิ่งยกขึ้นในคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ จึงเท่ากับว่าไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ แม้โจทก์จะมิได้คัดค้าน ศาลก็ไม่รับวินิจฉัยประเด็นดังกล่าว
ผ. มารดา น. ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีแทน น. ในการสาบานตนว่าอนาถาหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องกระทำโดย ผ.
จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ม. เป็นลูกจ้างของจำเลยขับรถคันที่เกิดเหตุเป็นประจำ ในวันเกิดเหตุจำเลยใช้ให้ ม. ขับรถไปบรรทุกปุ๋ย คำให้การดังกล่าวของจำเลยในระยะกระชั้นชิดกับเวลาที่เกิดเหตุ ทั้งถือได้ว่าเป็นการให้การที่เป็นปฏิปักษ์เสียประโยชน์แก่ตนเองจึงมีน้ำหนักรับฟังได้
ม. ขับรถบรรทุกเร็วเกินกว่าสภาพแห่งท้องที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางแคบชน น. จึงเป็นการประมาทเลินเล่อ แต่หาก น. ใช้ความระมัดระวังในการข้ามถนนตามสมควรก็จะไม่เกิดเหตุขึ้น นับว่า น. มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่ด้วย ตามพฤติการณ์ถือได้ว่า ม. ประมาทเลินเล่อมากกว่าและต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามส่วนแห่งการกระทำนั้น
ผ. มารดา น. ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีแทน น. ในการสาบานตนว่าอนาถาหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องกระทำโดย ผ.
จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ม. เป็นลูกจ้างของจำเลยขับรถคันที่เกิดเหตุเป็นประจำ ในวันเกิดเหตุจำเลยใช้ให้ ม. ขับรถไปบรรทุกปุ๋ย คำให้การดังกล่าวของจำเลยในระยะกระชั้นชิดกับเวลาที่เกิดเหตุ ทั้งถือได้ว่าเป็นการให้การที่เป็นปฏิปักษ์เสียประโยชน์แก่ตนเองจึงมีน้ำหนักรับฟังได้
ม. ขับรถบรรทุกเร็วเกินกว่าสภาพแห่งท้องที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางแคบชน น. จึงเป็นการประมาทเลินเล่อ แต่หาก น. ใช้ความระมัดระวังในการข้ามถนนตามสมควรก็จะไม่เกิดเหตุขึ้น นับว่า น. มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่ด้วย ตามพฤติการณ์ถือได้ว่า ม. ประมาทเลินเล่อมากกว่าและต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามส่วนแห่งการกระทำนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย: การจำกัดความรับผิดต่อจำนวนผู้เสียหาย และการพิจารณาใบอนุญาตขับขี่
โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4 ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4 ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2867/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีละเมิดของผู้ถือหุ้น: ผู้ถือหุ้นไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำละเมิดต่อบริษัท
ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องละเมิด และอ้างผลที่ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเป็นผลโดยตรงต่อบริษัท ร.โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท ร. จึงมิใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในเช็คและการเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาจากการใช้เช็ค
จำเลยออกเช็คให้ ม. และ ม. สลักหลังชำระหนี้ให้โจทก์โจทก์ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้ ป.นำไปเข้าบัญชีของ ป. ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ ป. จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรง หาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อ ป. เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อันเป็นวันเกิดเหตุ ป. จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา การที่เช็คกลับมาอยู่ที่โจทก์ แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จ: ผู้เสียหายต้องเป็นคู่ความในคดีที่ถูกเบิกความเท็จ
ความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,181 เป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ลักษณะ 3 หมวด 1 ว่าด้วยความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมซึ่งกฎหมายมุ่งคุ้มครองเจ้าพนักงานในการยุติธรรมและคู่ความให้ได้รับผลในทางความยุติธรรมเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยวกับบุคคลนอกคดีนอกจากนี้ยังต้องพิจารณาอีกด้วยว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลยหรือไม่
โจทก์ในคดีนี้ (เป็นทนายความจำเลย) ไม่ได้ถูกฟ้องคดีอาญาเรื่องบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และเสื่อมเสียเสรีภาพนั้นด้วย ฉะนั้น แม้จำเลยจะเบิกความในคดีนั้นว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่โจทก์จะได้รับความเสียหายจากคำเบิกความของจำเลยได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากคำเบิกความของจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28
โจทก์ในคดีนี้ (เป็นทนายความจำเลย) ไม่ได้ถูกฟ้องคดีอาญาเรื่องบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และเสื่อมเสียเสรีภาพนั้นด้วย ฉะนั้น แม้จำเลยจะเบิกความในคดีนั้นว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่โจทก์จะได้รับความเสียหายจากคำเบิกความของจำเลยได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากคำเบิกความของจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28