พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลพิจารณาบาดแผลและพฤติการณ์
ผู้ตายเป็นคนมุทะลุดุร้ายเคยทุบตีรังแกจำเลยเสมอ ตอนหัวค่ำของวันเกิดเหตุผู้ตายเอาไม้คานตีจำเลย โดยจำเลยไม่ได้ต่อสู้มีรอยฟกช้ำหลายแห่ง จำเลยวิ่งหนีไป ผู้ตายวิ่งตามไปขู่ว่าไม่กลับจะต้องตายจำเลยกลัวก็ยอมกลับ ราว 2 ทุ่มผู้ตายเอามีดมาลับและพูดกับจำเลยว่ามึงมองดูฟ้าเสียเถอะต่อไปมึงจะไม่ได้ดูแล้ว ลับมีดแล้วผู้ตายก็เข้าไปนอน ราว 2 ยามบุตรคนเล็กร้องจำเลยกลัวและผู้ตายก็ตื่นจำเลยอุ้มให้บุตรกินนม ขณะนั้นผู้ตายล้วงเอามีดออกจากใต้ที่นอน จำเลยจึงวางบุตรลงแล้วเข้าแย่งมีดจากผู้ตาย เมื่อแย่งได้ก็ใช้ฟันผู้ตายหลายทีจนผู้ตายเงียบไป ผู้ตายถูกฟันมีแผล 8 แห่งและมีแผลที่สันหลังด้วย.เห็นได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายมากมายจนไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรจำเลย หรือจำเลยมีทางที่จะหลีกเลี่ยงไปให้พ้นอันตรายได้ก็หาหลีกหนีไปไม่และทั้งๆ ที่ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรจะทำร้ายจำเลยๆ ก็ยังฟันผู้ตายซ้ำเติมอีกโดยไม่ยับยั้งใจ ฟันเพื่อให้ผู้ตายตายเลยเช่นนี้ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดทางอาญา: การประเมินจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
จำเลยกระทำอย่างไรเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่การกระทำนั้นจะเป็นความผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงต่างๆประกอบ เมื่อขาดข้อเท็จจริงบางอย่างเช่นขวากวางห่างหัวคันนาเพียงใด แล้วก็หาอาจวินิจฉัยได้ไม่ว่าจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้เดินนอกนาต้องได้รับบาดเจ็บจากขวาก
ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงต่างๆประกอบ เมื่อขาดข้อเท็จจริงบางอย่างเช่นขวากวางห่างหัวคันนาเพียงใด แล้วก็หาอาจวินิจฉัยได้ไม่ว่าจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้เดินนอกนาต้องได้รับบาดเจ็บจากขวาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต พยานหลักฐานจากการรับสารภาพและพฤติการณ์ที่เชื่อได้
ในคดีหาว่ามีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าฝิ่นของกลางเป็นของใครแต่โจทก์มีพยานสืบว่าฝิ่นของกลางถูกซุกซ่อนไว้ในตู้เก็บอาหารแห้งในเรือสินค้าต่างประเทศ ประกอบกับเมื่อค้นพบฝิ่นแล้ว ผูค้น ตำรวจและผู้สอบสวนสอบถามจำเลยถึง 3 ครั้ง 3 หน แต่จำเลยก็รับว่าเป็นฝิ่นของตนต่อหน้ามูลนายของจำเลยทั้งยังเขียนคำรับเป็นภาษาจีนและแสดงวิธีเอาฝิ่นไปซุกซ่อนไว้ให้ดูโดยถอดกระดานฝาตู้ชั้นในออกเอาฝิ่นซุกไว้แล้วปิดฝาอย่างเก่าสมกับเป็นผู้เอาฝิ่นไว้เอง ทั้งจำเลยเป็นผู้ครอบครองตู้ ๆ นั้นมีกุญแจ จำเลยเป็นผู้รักษากุญแจเอง พฤติการณ์เหล่านี้ฟังประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนคดีฟังได้ว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พิจารณาจากเหตุเตรียมการ, ลักษณะบาดแผล และพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
ในการที่จะพิเคราะห์ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าคนตายหรือไม่จะต้องพิจารณาถึงสาเหตุการตระเตรียมก่อนลงมือกระทำร้ายตลาดจนการกระทำของจำเลยและลักษณะบาดแผลรวมประกอบกัน
ได้ความว่าจำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนแล้วเกิดเป็นปากเสียงทะเลาะกันอีกพอเกิดทะเลาะกันแล้วจำเลยหยิบเอาเหล็กสว่านแต่จะใช้เป็นไขควงก็ได้ยาว 10 ซม. ด้ามเป็นเหล็กขนาดเท่า ๆ กัน ส่วนใหญ่ที่สุดของสว่านก็คือตอนที่ใกล้กับส่วนปลายที่แหลมและกว้าง 0.6 ซม.ซึ่งเป็นเครื่องประหารที่ทำให้ร่างรายนายบุบสลายถึงสาหัสได้ หยิบแล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ แสดงว่าเป็นการตระเรียมจะทำร้ายร่างกายด้วยของกลางแล้วจำเลยได้ใช้ไขควงหรือสว่านนี้แทงอกทางซ้ายของผู้ตายซึ่งเป็นที่สำคัญ แผลที่แทงปรากฏว่าลึกถึง 8 ซม. เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงเข้าไปอย่างแรงจนเกือบมิดด้ามของเหล็กไขควง ถือได้แล้วว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่อาจแลเห็นผลได้ เข้าลักษณะเจตนาฆ่า.
ได้ความว่าจำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนแล้วเกิดเป็นปากเสียงทะเลาะกันอีกพอเกิดทะเลาะกันแล้วจำเลยหยิบเอาเหล็กสว่านแต่จะใช้เป็นไขควงก็ได้ยาว 10 ซม. ด้ามเป็นเหล็กขนาดเท่า ๆ กัน ส่วนใหญ่ที่สุดของสว่านก็คือตอนที่ใกล้กับส่วนปลายที่แหลมและกว้าง 0.6 ซม.ซึ่งเป็นเครื่องประหารที่ทำให้ร่างรายนายบุบสลายถึงสาหัสได้ หยิบแล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ แสดงว่าเป็นการตระเรียมจะทำร้ายร่างกายด้วยของกลางแล้วจำเลยได้ใช้ไขควงหรือสว่านนี้แทงอกทางซ้ายของผู้ตายซึ่งเป็นที่สำคัญ แผลที่แทงปรากฏว่าลึกถึง 8 ซม. เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงเข้าไปอย่างแรงจนเกือบมิดด้ามของเหล็กไขควง ถือได้แล้วว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่อาจแลเห็นผลได้ เข้าลักษณะเจตนาฆ่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: พิจารณาพฤติการณ์ต่อเนื่องเมื่อมีการขัดขืนและทำร้าย
การที่ผู้ตายทำร้ายแล้วขัดขืนไม่ยอมให้จับ ผู้ตายแกว่งมีดจะแทงผู้เข้าจับ ๆ ถอยล้มลง ผู้ตายจะเข้าแทง ทันใดนั้นจำเลยจะเข้าตีผู้ตาย ๆ ถือมีดจะมาแทงจำเลยผู้เข้าจับคนนั้นจึงตีผู้ตายล้มลงกำลังผู้ตายจะลุกขึ้นจำเลยก็ตีศรีษะอีก 1 ที ถึงตายดังนี้จะเห็นได้ว่าการที่จำเลยตีผู้ตายครั้งหลังขณะที่ล้มอยู่นี้เป็นการกระทำที่เกี่ยวพันกระชั้นชิดกันจึงต้องพิจารณาพฤติการณ์รวมกันไปจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืน: การพิจารณาจากพฤติการณ์และการรับสารภาพ
การใช้อาวุธปืนยิงคนนั้นตามธรรมดาก็เห็นได้ว่าผู้ยิงมีเจตนาจะฆ่าเพราะอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถฆ่ากันได้ ยิ่งจำเลยได้รับสารภาพว่าทำผิดตามฟ้อง เมื่อได้ฟังคำประจักษ์พยานโจทก์หมดแล้วยิ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยยิงโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากบุคคลหลายคน และการแบ่งความรับผิดตามพฤติการณ์
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดนั้น อาจเกิดจากบุคคลหลายคนทำการละเมิดให้เกิดความเสียหายก็ได้ เช่นในคดีขับรถยนต์กันโดยประมาท และแต่ละฝ่ายอาจรับผิดในความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันได้ สุดแต่ศาลจะวินิจฉัยตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 4 ขับรถชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายตาย ผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัว ดังนี้เมื่อโจทก์ต่างเป็นผู้อยู่ในความอุปการะของผู้ตาย จึงต่างเป็นผู้มีประโยชน์ร่วมกันในคดี ย่อมเป็นโจทก์ฟ้องร่วมกันได้ ตาม ม. +9 วิ.แพ่ง ฝ่ายจำเลยแม้มิได้มีประโยชน์ร่วมกันก็ต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน จำเลยทั้ง 4 จึงถูกฟ้องร่วมกันได้
จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 4 ขับรถชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายตาย ผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัว ดังนี้เมื่อโจทก์ต่างเป็นผู้อยู่ในความอุปการะของผู้ตาย จึงต่างเป็นผู้มีประโยชน์ร่วมกันในคดี ย่อมเป็นโจทก์ฟ้องร่วมกันได้ ตาม ม. +9 วิ.แพ่ง ฝ่ายจำเลยแม้มิได้มีประโยชน์ร่วมกันก็ต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน จำเลยทั้ง 4 จึงถูกฟ้องร่วมกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และการแบ่งความรับผิดตามพฤติการณ์
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดนั้น อาจเกิดจากบุคคลหลายคนทำการละเมิดให้เกิดความเสียหายก็ได้ เช่นในคดีขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทและแต่ละฝ่ายอาจรับผิดในความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันได้สุดแต่ศาลจะวินิจฉัยตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นคนขับรถของนายจ้าง จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 4 ขับรถชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายตายผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัวดังนี้เมื่อโจทก์ต่างเป็นผู้อยู่ในความอุปการะของผู้ตายซึ่งต่างเป็นผู้มีประโยชน์ร่วมกันในคดีย่อมเป็นโจทก์ฟ้องร่วมกันได้ตาม มาตรา59 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฝ่ายจำเลยแม้มิได้มีประโยชน์ร่วมกันก็ต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกันจำเลยทั้ง 4 จึงถูกฟ้องร่วมกันได้
จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นคนขับรถของนายจ้าง จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 4 ขับรถชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายตายผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัวดังนี้เมื่อโจทก์ต่างเป็นผู้อยู่ในความอุปการะของผู้ตายซึ่งต่างเป็นผู้มีประโยชน์ร่วมกันในคดีย่อมเป็นโจทก์ฟ้องร่วมกันได้ตาม มาตรา59 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฝ่ายจำเลยแม้มิได้มีประโยชน์ร่วมกันก็ต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกันจำเลยทั้ง 4 จึงถูกฟ้องร่วมกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมจากการละเมิดและสิทธิของโจทก์ร่วม รวมถึงการแบ่งความรับผิดตามพฤติการณ์
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดครั้งเดียวกันนั้นอาจเกิดจากหลายคนกระทำขึ้นก็ได้และศาลอาจกำหนดความรับผิดให้ฝ่ายหนึ่งรับผิดในเรื่องค่าสินไหมทดแทนหนักกว่าอีกผ่ายหนึ่งก็ได้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิดที่ต่างได้ทำลง
ภรรยาและบุตรของผู้ตายในการละเมิดอาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีเดียวกันได้เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคดี
นายจ้างและผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายที่ขับรถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้คนตายก็อาจถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกันได้ เพราะทั้งสองฝ่ายย่อมต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน
แม้ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เต็มตามฟ้องแต่ศาลเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควรและโจทก์มิได้แกล้งเรียกร้องค่าเสียหายมาเกินสมควรศาลก็อาจสั่งให้จำเลยใช่ค่าธรรมเนียมค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามจำนวนที่โจทก์เสียไปตามฟ้องก็ได้
ภรรยาและบุตรของผู้ตายในการละเมิดอาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีเดียวกันได้เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคดี
นายจ้างและผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายที่ขับรถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้คนตายก็อาจถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกันได้ เพราะทั้งสองฝ่ายย่อมต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน
แม้ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เต็มตามฟ้องแต่ศาลเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควรและโจทก์มิได้แกล้งเรียกร้องค่าเสียหายมาเกินสมควรศาลก็อาจสั่งให้จำเลยใช่ค่าธรรมเนียมค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามจำนวนที่โจทก์เสียไปตามฟ้องก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดร่วมกัน, การแบ่งความรับผิดตามพฤติการณ์, และสิทธิของโจทก์ร่วม
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดครั้งเดียวกันนั้นอาจเกิดจากหลายคนกระทำขึ้นก็ได้และศาลอาจกำหนดความรับผิดให้ฝ่ายหนึ่งรับผิดในเรื่องค่าสินไหมทดแทนหนักกว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิดที่ต่างได้ทำลง
ภรรยาและบุตรของผู้ตายในการละเมิดอาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีเดียวกันได้เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคดี
นายจ้างและผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายที่ขับรถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้คนตายก็อาจถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกันได้เพราะทั้งสองฝ่ายย่อมต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน
แม้ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เต็มตามฟ้องแต่ศาลเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควรและโจทก์มิได้แกล้งเรียกร้องค่าเสียหายมาเกินสมควรศาลก็อาจสั่งให้จำเลยใช้ค่าธรรมเนียมค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามจำนวนที่โจทก์เสียไปตามฟ้องก็ได้
ภรรยาและบุตรของผู้ตายในการละเมิดอาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีเดียวกันได้เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคดี
นายจ้างและผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายที่ขับรถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้คนตายก็อาจถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกันได้เพราะทั้งสองฝ่ายย่อมต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน
แม้ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เต็มตามฟ้องแต่ศาลเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควรและโจทก์มิได้แกล้งเรียกร้องค่าเสียหายมาเกินสมควรศาลก็อาจสั่งให้จำเลยใช้ค่าธรรมเนียมค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามจำนวนที่โจทก์เสียไปตามฟ้องก็ได้