คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิสูจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,273 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกสินบริคณห์ต้องพิสูจน์สถานะสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย หากพิสูจน์ไม่ได้ คำขอแยกสินบริคณห์ตกไป
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน ซึ่งมีส่วนร่วมกันในที่ดินโฉนดที่ 5694 (ที่โจทก์ได้ถอนการยึดไปแล้ว) ขอให้สั่งแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของลูกหนี้คือจำเลย เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 ซึ่งหมายถึงสินบริคณห์ของสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินรายนี้ย่อมไม่ใช่สินบริคณห์ คำขอแยกสินบริคณห์ของโจทก์ย่อมตกไป
คดีที่โจทก์ร้องขอแยกสินบริคณห์หรือขอแยกที่ดินส่วนของจำเลยโดยอ้างเหตุที่จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกสินบริคณห์ต้องพิสูจน์สถานะสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย หากพิสูจน์ไม่ได้ คำขอแยกสินบริคณห์ตกไป
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน ซึ่งมีส่วนร่วมกันในที่ดินโฉนดที่ 5694 (ที่โจทก์ได้ถอนการยึดไปแล้ว) ขอให้สั่งแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของลูกหนี้คือจำเลย เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 ซึ่งหมายถึงสินบริคณห์ของสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินรายนี้ย่อมไม่ใช่สินบริคณห์ คำขอแยกสินบริคณห์ของโจทก์ย่อมตกไป
คดีที่โจทก์ร้องขอแยกสินบริคณห์หรือขอแยกที่ดินส่วนของจำเลยโดยอ้างเหตุที่จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความถูกต้องของทรัพย์สินในคดีลักทรัพย์และรับของโจร หากทรัพย์สินไม่ตรงตามที่กล่าวอ้างในฟ้อง การลงโทษฐานรับของโจรเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่าคนร้ายบังอาจลักเอาโทรทัศน์ยี่ห้อ อาร์.ที. เอ.ขนาด 19 นิ้วของผู้เสียหายไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยโทรทัศน์ของกลาง ทางพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าโทรทัศน์ที่ถูกคนร้ายลักไปยี่ห้อเซียร่า จึงต้องฟังว่าโทรทัศน์ของกลางกับของผู้เสียหายเป็นโทรทัศน์คนละเครื่อง เพราะต่างยี่ห้อกัน โทรทัศน์ของกลางอาจไม่ใช่ของผู้เสียหายที่หายไป แม้จะฟังว่าจำเลยได้รับโทรทัศน์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จริง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะโทรทัศน์ของกลางไม่ใช่ของผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีจากมรดก: จำเลยต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดไม่ใช่ส่วนหนึ่งของมรดก
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้รับมรดกของ ป. ชำระค่าจ้างว่าความจากกองมรดกของ ป. ให้โจทก์ โจทก์นำยึดตึกซึ่งเป็นของจำเลยกับภริยา โดยอ้างว่าจำเลยได้รับมรดกของ ป. ไป คือ ที่ดินโฉนดที่ 5813 ซึ่งมีราคามากกว่าหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ และโจทก์รับว่าที่ดินโฉนดนี้มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ แม้จำเลยกับภริยาจะแถลงรับว่าจำเลยกับ ป. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมยกที่ดินนี้ให้ ภ. แล้วจำเลยได้ขายไปเสีย แต่จำเลยก็ได้โต้แย้งว่าเป็นที่ดินของจำเลยที่ยินดีสละให้แก่ ภ. ไม่ใช่ทรัพย์ของ ป. และไม่ใช่มรดกของ ป. ในขณะที่ ป. ตาย ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ก็ไม่มีทางจะฟังได้ดังโจทก์อ้างว่าที่ดินนี้เป็นของ ป. ศาลย่อมพิพากษาให้ถอนการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีจากกองมรดก: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ยึดเป็นมรดกของผู้ตายจริง
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้รับมรดกของ ป. ชำระค่าจ้างว่าความจากกองมรดกของ ป. ให้โจทก์ โจทก์นำยึดตึกซึ่งเป็นของจำเลยกับภริยาโดยอ้างว่าจำเลยได้รับมรดกของ ป. ไป คือ ที่ดินโฉนดที่ 5813 ซึ่งมีราคามากกว่า หนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ และโจทก์รับว่าที่ดินโฉนดนี้มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ แม้จำเลยกับภริยาจะแถลงรับว่าจำเลยกับ ป. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมยกที่ดินนี้ให้ ภ. แล้วจำเลยได้ขายไปเสีย แต่จำเลยก็ได้โต้แย้งว่าเป็นที่ดินของจำเลยเองที่ยินดีสละให้แก่ ภ. ไม่ใช่ทรัพย์ของ ป. และไม่ใช่มรดกของ ป. ในขณะที่ ป. ตาย ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ไม่มีทางจะฟังได้ดังโจทก์อ้างว่าที่ดินนี้เป็นมรดกของ ป. ศาลย่อมพิพากษาให้ถอนการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินด้วยพยานบุคคล แม้ไม่มีเอกสารสนับสนุน ย่อมทำได้หากเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลย
การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า ความจริงผู้ซื้อทรัพย์พิพาทคือจำเลยมิใช่ผู้ร้องซึ่งมีชื่อเป็นผู้ซื้อในสัญญาซื้อขายนั้นเป็นการสืบพยานในประเด็นข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องหรือจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงโจทก์จึงนำพยานบุคคลมาสืบถึงความเป็นมาอันแท้จริงเพื่อแสดงว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยได้ กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินโดยพยานบุคคล ยึดทรัพย์ได้แม้ไม่มีเอกสาร
การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า ความจริงผู้ซื้อทรัพย์พิพาทคือจำเลย. มิใช่ผู้ร้องซึ่งมีชื่อเป็นผู้ซื้อในสัญญาซื้อขายนั้น. เป็นการสืบพยานในประเด็นข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องหรือจำเลยที่ 1. ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง.โจทก์จึงนำพยานบุคคลมาสืบถึงความเป็นมาอันแท้จริงเพื่อแสดงว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยได้. กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลือกตั้ง: ผู้ร้องต้องพิสูจน์ข้อกล่าวหาการนับคะแนนผิดพลาดและจูงใจราษฎรด้วยพยานหลักฐาน หากไม่สืบพยาน ศาลไม่รับฟัง
ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนเป็นไปโดยไม่ชอบสมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่ากรรมการนับคะแนนวินิจฉัยบัตรเสียว่าเป็นบัตรดี และ บัตรดีว่าเป็นบัตรเสียกับอ้างว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งได้จูงใจราษฎรให้ลงคะแนนให้แก่ตน ต่อมาในชั้นพิจารณาผู้ร้องเพียงแต่อ้างรายงานแสดงผลการนับคะแนน (ผ.ท.18) และขอให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ดังนี้ข้อเท็จจริงก็ฟังไม่ได้ตามที่ผู้ร้องร้องคัดค้านมาศาลย่อมสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้องเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันยอมความเพื่อฉ้อโกง และสิทธิในการนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันยอมความ โดยจำเลยที่ 1 สมยอมยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ซึ่งประเด็นข้อนี้จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ดังนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ โจทก์และจำเลยที่ 2 ชอบที่จะนำสืบตามประเด็นแห่งคดีให้สิ้นกระแสความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบปล้นทรัพย์แล้วมีผู้เสียชีวิต โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับการฆ่าโดยตรงจึงจะผิดตาม ม.289(7)
จำเลยสมคบกับพวกทำการปล้นทรัพย์. เมื่อปล้นทรัพย์แล้วระหว่างที่พาเอาทรัพย์หนีไปและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการจับกุมและปกปิดการกระทำของพวกตน. พวกของจำเลยคนใดคนหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏจากข้อเท็จจริงแน่ชัดว่าเป็นคนใดได้ยิงพวกผู้เสียหายถึงตาย. เป็นเรื่องสมคบกันมาปล้นทรัพย์แล้วมีการตายเกิดขึ้น. เมื่อโจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยิงพวกเจ้าทรัพย์ตายหรือจำเลยได้สมคบกับคนร้ายในการปล้นรายนี้ฆ่าพวกของเจ้าทรัพย์หลังจากทำการปล้นทรัพย์แล้ว และระหว่างที่พาเอาทรัพย์หนีไป.ความผิดของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(7).
of 128