พบผลลัพธ์ทั้งหมด 831 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดเมื่อมีการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิ และเริ่มนับใหม่เมื่อคดีถึงที่สุด
โจทก์เช่าเครื่องฉายภาพยนต์จากนายลิขิต มาฉายโรงภาพยนต์ของจำเลย ต่อมานายลิขิตบอกเลิกสัญญากับโจทก์ ๆ เรียกคืนจากจำเลย ๆ ไม่ยอมคืนนายลิขิตจึงฟ้องโจทก์ ๆ ได้ขอให้ศาลเรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม เพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องให้เสร็จสิ้นไป คดีถึงที่สุดชั้นฎีกาพิพากษาให้โจทก์และจำเลยส่งคืนแก่นายลิขิต โดยไม่ชี้ขาดสิทธิและหน้าที่ระหว่างโจทก์และจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะว่ากล่าวแก่จำเลย ดังนี้ อายุความฟ้องคดีย่อมสดุดหยุดลง จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตาม ป.พ.พ.ม.173,175,และ 181 และเมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้หลังคดีก่อนถึงที่สุดเพียง 3-4 เดือนคดีจึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดเมื่อมีการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิ แม้คดีก่อนจะยังไม่ได้ชี้ขาดสิทธิระหว่างโจทก์และจำเลย
โจทก์เช่าเครื่องฉายภาพยนต์จากนายลิขิตมาฉายโรงภาพยนต์ของจำเลย ต่อมานายลิขิตบอกเลิกสัญญากับโจทก์ โจทก์เรียกคืนจากจำเลยจำเลยไม่ยอมคืน นายลิขิตจึงฟ้องโจทก์ โจทก์ได้ขอให้ศาลเรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม เพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องให้เสร็จสิ้นไป คดีถึงที่สุด ชั้นฎีกาพิพากษาให้โจทก์และจำเลยส่งคืนแก่นายลิขิต โดยไม่ชี้ขาดสิทธิและหน้าที่ระหว่างโจทก์และจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะว่ากล่าวแก่จำเลย ดังนี้อายุความฟ้องคดีนี้ย่อมสดุดหยุดลง จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173,175, และ 181 และเมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้หลังคดีก่อนถึงที่สุดเพียง 3-4 เดือนคดีจึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของวันในฟ้องคดีอาญา: ไม่ส่งผลให้จำเลยเสียเปรียบหากวันสุริยคติถูกต้อง
ฟ้องของโจทก์กล่าววันทางจันทรคติในวงเล็บผิดวัน แต่วันทางสุริยะคติถูกต้องทั้งพยานโจทก์เบิกความถึงวันทางสุริยะคติและจันทรคติถูกต้อง ดังนี้ ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้เสียเปรียบประการใดไม่เป็นเหตุให้พิพากษายกฟ้องโจทก์ เพราะเหตุนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความลักทรัพย์และการจำหน่ายคดี: ผลกระทบต่อการฟ้องคดีอาญา
จำเลยถูกฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 288,293 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยฎีกา เมื่อยื่นฎีกาแล้ว จำเลยหลบหนีไปศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีแล้ว จำเลยหลบหนีไปเกิน 5 ปีซึ่งเป็นกำหนดเวลาเกินกว่าอายุความที่จะฟ้องร้องแล้วนั้น คดีย่อมขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีตามมาตรา 293 วรรคท้าย ต้องเป็นการฟ้องคดีเรื่องอื่นที่อาจนำมาหักกลบลบหนี้ได้
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคท้าย จะบัญญัติไว้ว่า คำสั่งของศาลที่สั่งงดการบังคับคดีไว้ภายในระยะเวลาที่เห็นสมควร นั้น คำสั่งเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุดก็ตามแต่ถ้าคู่ความจะอุทธรณ์หรือฎีกาขึ้นมาว่า ศาลนำเอามาตรา 293 มาใช้บังคับไม่ถูกต้อง เพราะกรณีมิได้เป็นไปตามบทบัญญัติของวรรคแรกแห่งมาตรานั้นเช่นนี้คู่ความนั้นย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้อย่างเดียวกันกับบทบัญญัติที่ห้ามอุทธรณ์คดีมโนสาเร่แม้ศาลชั้นต้นจะชี้ขาดว่าเป็นคดีมโนสาเร่ และพิพากษาให้คู่ความฝ่ายหนึ่งแพ้คดีไปแล้วคู่ความฝ่ายนั้นก็ย่อมจะอุทธรณ์โต้เถียงได้ว่าคดีนั้น หาใช่คดีมโนสาเร่ไม่
ศาลจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 293 ได้โดยเหตุ'ที่ตนได้ยื่นฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกันนั้นฯลฯ เพราะสามารถจะหักกลบลบหนี้กันได้' แสดงให้เห็นว่า การฟ้องคดีใหม่นั้นต้องเป็นการฟ้องเรื่องอื่น ซึ่งเมื่อชนะคดีแล้ว อาจนำเอาหนี้ตามคำพิพากษานั้นมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามคำพิพากษาในคดีเรื่องแรกได้
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 3 เป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ครั้นโจทก์บังคับคดีเอากับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไปฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่า จำเลยหลุดพ้นจากฐานะผู้ค้ำประกัน ดังนี้ไม่ใช่เป็นการฟ้องคดีเรื่องอื่น จึงไม่อาจจะบังคับตามมาตรา 293 ได้
ศาลจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 293 ได้โดยเหตุ'ที่ตนได้ยื่นฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกันนั้นฯลฯ เพราะสามารถจะหักกลบลบหนี้กันได้' แสดงให้เห็นว่า การฟ้องคดีใหม่นั้นต้องเป็นการฟ้องเรื่องอื่น ซึ่งเมื่อชนะคดีแล้ว อาจนำเอาหนี้ตามคำพิพากษานั้นมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามคำพิพากษาในคดีเรื่องแรกได้
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 3 เป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ครั้นโจทก์บังคับคดีเอากับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไปฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่า จำเลยหลุดพ้นจากฐานะผู้ค้ำประกัน ดังนี้ไม่ใช่เป็นการฟ้องคดีเรื่องอื่น จึงไม่อาจจะบังคับตามมาตรา 293 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทและการฟ้องคดีระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทอื่น
ทายาทของผู้ตายฟ้องผู้จัดการมรดกของผู้ตายขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นทายาทของผู้ตาย และมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแต่ผู้เดียวนั้นเมื่อปรากฏในคำฟ้องว่า จำเลยไปร้องขอรับมรดกที่ดินมรดกโดยแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า ผู้ตายไม่มีทายาทอื่นดังนี้เป็นเรื่องที่ทายาทขอให้แสดงสิทธิเท่านั้น จึงไม่เป็นการขัดต่อการจัดการมรดกแต่อย่างใดฉะนั้นแม้ขณะนั้นจำเลยจะเป็นผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาทผู้นั้นก็ยังฟ้องได้ และศาลก็จะพิพากษาเพียงแสดงว่าโจทก์เป็นทายาทของผู้ตายเท่านั้นส่วนจะเป็นทายาทแต่คนเดียวหรือไม่นั้น ไม่ชี้ขาดเพราะเป็นการพิพาทกันระห่างโจทก์ กับจำเลยซึ่งไปอ้างต่อเจ้าพนักงานว่าไม่มีทายาทอื่น นอกจากจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะ 'ผู้ค้า' เพื่อประโยชน์ในการฟ้องคดีภายในอายุความ
ตามปกติโจทก์ทำงานประจำที่บริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง เวลาว่างงานเคยเป็นนายหน้าติดต่อเปิดเครดิตให้บริษัทอื่นๆบ้าง เคยเป็นนายหน้าในการขายแร่ให้จำเลยบ้าง ไม่ได้ความว่าเป็นอาชีพปกติหรือไม่ คงฟังได้เพียงว่าเคยปฏิบัติในเวลาว่างงาน ดังนี้ ยังไม่พอที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำการงานต่างๆ ตามความหมายแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเลิกห้างหุ้นส่วนและการกำหนดอำนาจศาล คดีเลิกหุ้นส่วนไม่จำต้องฟ้องทุกหุ้นส่วน ศาลมีอำนาจตามภูมิลำเนาของจำเลยบางส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องเลิกหุ้นส่วนนั้น ไม่จำต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน เพราะผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นอาจร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์หรือจำเลยได้ ไม่มีทางเสียเปรียบหรือเสียหายแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น ทั้งไม่มีบทกฎหมายบัญญัติบังคับให้ต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย
การฟ้องขอเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น แม้ทรัพย์สินที่พิพาทจะอยู่ที่จังหวัดพังงา และจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดภูเก็ต แต่เมื่อจำเลยอื่นมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดพระนครแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจอนุญาตให้โจทก์ฟ้องยังศาลในพระนครได้
การฟ้องขอเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น แม้ทรัพย์สินที่พิพาทจะอยู่ที่จังหวัดพังงา และจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดภูเก็ต แต่เมื่อจำเลยอื่นมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดพระนครแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจอนุญาตให้โจทก์ฟ้องยังศาลในพระนครได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีเช่านา: เจ้าของนามีสิทธิฟ้องบังคับได้ทันทีเมื่อผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการอำเภอ
คณะกรรมการอำเภอมีคำสั่งให้ผู้เช่านาคืนนาที่เช่าให้แก่เจ้าของนาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2493 แต่ผุ้เช่านาขัดขืนไม่ยอมคืนและยังคงเข้าทำนานั้นอยู่ต่อไปอีก เช่นนี้ เจ้าของนาชอบที่จะเสนอคดีพิพาทนั้นต่อศาลได้ทันที ไม่จำต้องรอให้พ้นกำหนด 20 วันตาม พ.ร.บ.ควยคุมการเช่านา พ.ศ. 2493 มาตรา 14 เพราะกรณีเป็นคนละเรื่องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีฉ้อโกง แม้ขาดรายละเอียดวันเดือนปีที่ทราบถึงความผิด
ในคดีความผิดฐานฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวนั้น แม้ในฟ้องโจทก์จะมิได้บรรยายว่าได้ทราบว่าจำเลยกระทำผิดวันเดือนปีใด ก็ตาม เมื่อฟ้องข้ออื่นสมบูรณ์แล้วก็หาทำให้ฟ้องโจทก์ถึงกับเคลือบคลุมไม่ เพราะข้อที่โจทก์มิได้บรรยายนั้น เป็นเพียงแต่ข้อนำสืบต่อไปว่าได้ทราบว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อใดเท่านั้น