พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิพากษายกฟ้องจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ เมื่อเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี
ในคดีที่โจทก์มีพยานเพียง 2 ปาก และศาลได้วินิจฉัยว่าพยานทั้งสองนั้นไม่ได้เห็นเหตุการณ์จริง เช่นนี้ ก็เท่ากับว่าคดีโจทก์ไม่มีพยานที่จะให้ศาลฟังว่าจำเลยได้กระทำผิด จึงเป็นเหตุลักษณะคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 4 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2, 3, 4 ส่วนจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ เช่นนี้ เมื่อเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ได้ด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 4 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2, 3, 4 ส่วนจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ เช่นนี้ เมื่อเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี และไม่มีพยานสนับสนุน
ในคดีที่โจทก์มีพยานเพียง 2 ปาก และศาลได้วินิจฉัยว่าพยานทั้งสองนั้นไม่ได้เห็นเหตุการณ์จริงเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าคดีโจทก์ไม่มีพยานที่จะให้ศาลฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดจึงเป็นเหตุลักษณะคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ยกฟ้องจำเลยที่ 2,3,4โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2, 3, 4 ส่วนจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์เช่นนี้ เมื่อเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีแล้วศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ได้ด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ยกฟ้องจำเลยที่ 2,3,4โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2, 3, 4 ส่วนจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์เช่นนี้ เมื่อเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีแล้วศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย จึงยกฟ้อง
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร ชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวน ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้ จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ ส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้นคดีที่สุดแล้ว หากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิด คดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวนศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้น คดีถึงที่สุดแล้วหากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดคดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งอายัดทรัพย์หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง: ศาลไม่ต้องพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งอายัด
คำว่า "ศาล" ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 มิได้หมายความถึงศาลที่มีคำพิพากษาชั้นที่สุด เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องของโจทก์แล้ว ฎีกาของโจทก์ซึ่งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์ของจำเลยในระหว่างพิจารณาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับฟัง เนื่องจากศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโดยอ้างอิงข้อเท็จจริง แม้ฟังต่างกัน จึงห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีพรากเด็กไปเสียจากผู้ปกครอง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนาร้าย ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยและผู้เสียหายต่างคนต่างสมัครใจไปหางานทำด้วยกัน จำเลยไม่ได้เป็นผู้พรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครอง ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต่างกัน หากมีคำพิพากษายกฟ้อง
คดีพรากเด็กไปเสียจากผู้ปกครอง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนาร้าย ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยและผู้เสียหายต่างคนต่างสมัครใจไปหางานทำด้วยกัน จำเลยไม่ได้เป็นผู้พรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครอง ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เขตควบคุมการแปรรูปไม้: จำเลยปฏิเสธ, โจทก์มิได้นำสืบประกาศ, ศาลยกฟ้อง
โจทก์มิได้นำสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ และริบไม้ของกลางไม่ได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1384/2494 และที่ 825/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์ที่ได้จากการปล้นทรัพย์ ศาลพิจารณาจากคำขอท้ายฟ้องที่รวมราคาทรัพย์ทั้งหมด แม้จำเลยบางส่วนได้รับการยกฟ้อง
โจรปล้นทรัพย์เงิน 11,962 บาท อาวุธปืนและทรัพย์อย่างอื่นรวมราคา 32,582 บาท จับคนร้ายได้ 2 คน ได้เงิน 5,233 บาทจากจำเลยที่ 1 และได้อาวุธปืน 1 กระบอกจากจำเลยที่ 2 โจทก์ขอให้ศาลสั่งคืนเงิน 5,233 บาท และอาวุธปืนที่จับได้จากจำเลยทั้งสองแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 24,849 บาท แก่เจ้าทรัพย์ ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 คืนเงิน 5,233 บาทแก่จำเลยที่ 1 ไป เมื่อเงินจำนวน 5,233 บาทที่จับได้จากจำเลยที่ 1 จะเอามาคืนหรือใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้เพราะศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 และคืนเงินจำนวนนี้ให้จำเลยที่ 1 ไป ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ยังต้องคืนหรือใช้เงินจำนวน 5,233 บาทแก่เจ้าทรัพย์ตามความหมายในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดนั้นด้วย.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งครอบครองที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของตามที่ฟ้อง หากพิสูจน์ไม่ได้ต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ขอให้ศาลแสดงว่ามีสิทธิครอบครอง และขอให้ขับไล่ ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของเป็นแต่เพียงได้รับมอบที่พิพาทจากเจ้าของเพื่อให้ทำกินต่างดอกเบี้ย ดังนี้ ศาลต้องยกฟ้องเพราะโจทก์สืบไม่สมฟ้อง