คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สืบพยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตระบุพยาน/สืบพยาน เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากไม่โต้แย้ง สิทธิอุทธรณ์ฎีกาขาดเสีย
คำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานและบัญชีระบุพยานนั้น หาใช่คำคู่ความที่ยื่นต่อศาลไม่ ฉะนั้นคำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ระบุพยานจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อคู่ความไม่ได้แย้งไว้ ก็ย่อมจะอุทธรณ์และฎีกาคำสั่งนั้นไม่ได้
คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเข้าสืบ ก็เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อไม่โต้แย้งไว้ ก็ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ งดสืบพยานก่อนได้ข้อเท็จจริงครบถ้วน ทำให้วินิจฉัยสภาพไม้เป็นสิ่งปลูกสร้าง/เครื่องใช้ไม่ได้
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้อง คำให้การจำเลย และโจทก์แถลงยังไม่ชัด แต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยว่าไม้สักที่จำเลยมีไว้และใช้ตีพื้นฝา ไม้ลักษณะบานประตูหน้าต่างที่ยังไม่ติดอาคารไม้โครงเตียงที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นเตียง เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้หรือไม่ ก็จำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416-1448/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานโดยการตรวจสถานที่พิพาท: ชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีการยื่นรายการวัตถุพยาน
โดยที่โจทก์จำเลยร้องขอต่อศาลให้ไปเดินเผชิญสืบตรวจดูว่าหนังทุ่งปุยรายพิพาทจะเป็นประโยชน์ในการเพาะปลูกของจำเลยหรือไม่ ฉะนั้น การที่ศาลไปตรวจดูจึงเป็นการไปสืบพยานตามที่ทั้งสองฝ่ายอ้าง และการที่คู่ความทั้งสองฝ่ายขอ ศาลก็ได้ไปตรวจดูตามที่ขอนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นการสืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226,241) แล้ว และแม้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยื่นแสดงรายการแห่งวัตถุพยานไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 ก็ชอบที่จะขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามมาตรานี้ วรรค 3 ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นได้ไปตรวจดูที่พิพาทตามคำขอของคู่ความทั้งสองฝ่าย จึงถือได้ว่าเป็นการอนุญาตตามที่ศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416-1418/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานโดยการตรวจสถานที่ การขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติม และการใช้ดุลยพินิจของศาลในการพิจารณาคดี
โดยที่โจทก์จำเลยร้องขอต่อศาลให้ไปเดินเผชิญสืบตรวจดูว่าพนังทุ่งปุยรายพิพาทจะเป็นประโยชน์ในการเพาะปลูกของจำเลยหรือไม่ฉะนั้น การที่ศาลไปตรวจดูจึงเป็นการไปสืบพยานตามที่ทั้งสองฝ่ายอ้าง และการที่คู่ความทั้งสองฝ่ายขอ ศาลก็ได้ไปตรวจดูตามที่ขอนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นการสืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226,241) แล้วและแม้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยื่นแสดงรายการแห่งวัตถุพยานไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ก็ชอบที่จะขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามมาตรานี้วรรคสามฉะนั้นการที่ศาลชั้นต้นได้ไปตรวจดูที่พิพาทตามคำขอของคู่ความทั้งสองฝ่าย จึงถือได้ว่าเป็นการอนุญาตตามที่ศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานนอกประเด็นฟ้อง และสิทธิของจำเลยในการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่า นาวาอากาศโทไสวสมคบกับบุคคลอื่นปลอมลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ คดีจึงมีประเด็นว่าลายพิมพ์นิ้วมือในใบมอบอำนาจเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ปลอมหรือไม่ โจทก์นำสืบว่า ลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้รับรองในขณะที่ลงลายพิมพ์นิ้วมือ จึงเป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
จำเลยต่อสู้ว่า ใบมอบอำนาจไม่ปลอม ลายพิมพ์นิ้วมือในใบมอบอำนาจเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ แล้วกลับให้การว่าถ้าลายพิมพ์นิ้วมือและข้อความในใบมอบอำนาจไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ โจทก์ก็สมคบกันปลอมขึ้น จำเลยมีสิทธิที่จะให้การเช่นนั้นและชอบที่จะนำสืบตามคำให้การได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขัดแย้งกัน ศาลต้องสืบพยานเพื่อหาเจตนาจริงของคู่สัญญา
เมื่อข้อความในสัญญาฉบับเดียวกันขัดแย้งกันเองและไม่ชัดเจนพอที่จะพิจารณาถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาได้ ศาลจะให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียโดยพิจารณาแต่เพียงตัวสัญญาเท่านั้นย่อมไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้ ศาลต้องสืบพยานต่อไปตามข้อต่อสู้ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขัดแย้ง – เจตนาไม่ชัดเจน – ศาลต้องสืบพยาน
เมื่อข้อความในสัญญาฉบับเดียวกันขัดแย้งกันเอง และไม่ชัดเจนพอที่จะพิจารณาถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาได้ศาลจะให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียโดยพิจารณาแต่เพียงตัวสัญญาเท่านั้นย่อมไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้ ศาลต้องสืบพยานต่อไปตามข้อต่อสู้ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ให้เลื่อนคดี ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความนำสืบพยาน
โจทก์ต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำและโจทก์จะติดต่อกับทนายหรือพยานก็ต้องอาศัยญาติเป็นผู้แทน วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ทนายโจทก์ไปธุระจังหวัดอื่นไม่มีกำหนดกลับ หลักฐานดำเนินคดีอยู่ที่ทนายและยังติดต่อกันไม่ได้ด้วย โจทก์จึงขอเลื่อนคดีไป 2 เดือนเพื่อหาทนายใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนไป 14 วัน วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่ 2 ทนายใหม่ติดคดีที่ศาลอื่น จะมาดำเนินคดีให้โจทก์ได้ในวันที่ 1 เดือนต่อไป (อีก 16 วัน) และมีหนังสือของทนายส่งศาลเพื่อเป็นการยืนยันคำแถลงประกอบกับโจทก์ประสงค์จะให้ทนายซักถามพยานให้ดังนี้ เห็นว่าโจทก์ขอเลื่อนคดีไปด้วยความจำเป็นมีเหตุผลสมควรมิได้ประวิงคดี จึงอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ได้
คดีที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานสืบ จึงพิพากษายกฟ้องนั้น คำสั่งที่ไม่ให้เลื่อนคดีนี้ ศาลหาได้มีโอกาสฟังคำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงแห่งคดีนั้น เช่นนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 มาตรา 10 หาได้กำหนดห้ามไว้ไม่ คู่ความจึงอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาตามคำรับสารภาพ แม้ศาลจะสืบพยานเพิ่มเติมได้ หากข้อเท็จจริงไม่สอดคล้องกับคำรับสารภาพ ศาลต้องยกฟ้อง
แม้คดีอาญาที่จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ก็ดี แต่ถ้าหากปรากฏข้อเท็จจริงจากพยานที่สืบไว้ก่อนจำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยมิได้กระทำผิดแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจตัดพยานหลักฐาน: พิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น จะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
of 98