คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรมธรรม์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 80 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2805/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีข้ามแดนและการรับผิดในสัญญาประกันภัย: ภูมิลำเนาของนิติบุคคลและลายมือชื่อในกรมธรรม์
การรวมกันประกอบกิจการนั้น ผู้เข้าร่วมประกอบกิจการอาจเป็นหุ้นส่วนกันได้ แต่การประกอบกิจการแทนกันนั้นเป็นเรื่องตัวการตัวแทนบุคคลสองฝ่ายจึงไม่อาจทั้งร่วมกัน และแทนกันในการประกอบกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งได้
จำเลยทั้งสี่ต่างมีสภาพเป็นนิติบุคคล ภูมิลำเนาของจำเลยแต่ละคนจึงต้องเป็นไปตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 บัญญัติไว้เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 3 จดทะเบียนและตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ต่างประเทศไม่มีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 แม้จำเลยที่ 3 จะยื่นคำให้การเข้ามา แต่เมื่อฟ้องโจทก์ต้องห้ามมิให้เสนอต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2 แล้วก็ไม่ทำให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีถึงจำเลยที่ 3 ได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 สัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดและกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้รับประกันภัยออกให้ต้องลงลายมือชื่อของผู้รับประกัน ดังนั้นเมื่อสาขาของบริษัทจำเลยที่ 3 ที่สิงคโปร์เป็นผู้รับประกันภัยสินค้า และเป็นผู้ออกกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยที่ 4 ไม่ได้ลงชื่อในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความในคดีประกันภัย: จำเลยต้องยกอายุความตามกรมธรรม์ ไม่ใช่ละเมิด
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยไม่ได้ยกอายุความเรื่องการเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่ยกอายุความเรื่องละเมิดขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ศาลจะอ้างอายุความเรื่อง การเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งไม่เป็นประเด็นแห่งคดีมาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยมีผลเมื่อตกลงกัน แม้กรมธรรม์จะออกภายหลัง และการตีความสัญญาต้องเป็นไปตามเจตนาสุจริต
จำเลยให้การว่า นอกจากจำเลยจะให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งแล้ว จำเลยขอให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ทั้งสิ้น ดังนี้ เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ส่วนใดด้วยเหตุผลอย่างใด ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์
กฎหมายมิได้กำหนดแบบแห่งนิติกรรมสัญญาประกันภัยไว้เพียงแต่บังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนเป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีมิได้
สัญญาประกันภัยเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงเจตนาทำคำเสนอคำสนองถูกต้องตรงกัน แต่ก็มิได้หมายความว่ามีข้อสัญญาอยู่เฉพาะในคำเสนอและคำสนองที่ทำเป็นหนังสือเท่านั้น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อย่างใดที่กฎหมายจะบัญญัติให้ผู้รับประกันภัยต้องส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยอีกในเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออยู่แล้ว
กรมธรรม์ประกันภัยคือหลักฐานเป็นหนังสือเกี่ยวกับข้อสัญญาและเงื่อนไขการประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยลงลายมือชื่อมอบให้ไว้แก่ผู้เอาประกันภัย
การตีความสัญญาจะต้องตีความไปตามความประสงค์ในทางสุจริตโดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วย เมื่อปรากฏว่าผู้เอาประกันภัยเคยส่งนมข้นกระป๋องไปจำหน่ายยังต่างประเทศมาแล้วหลายครั้งโดยเอาประกันภัยไว้กับโจทก์ กรมธรรม์ประกันภัยครั้งพิพาทกับครั้งก่อน ๆ นั้นมีข้อความเหมือนกันว่าการประกันภัยเริ่มต้นตั้งแต่เวลาออกจากสถานที่ของผู้ตราส่งดังนั้น เมื่อนมข้นกระป๋องที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายขณะขนลงเรือลำเลียงเพื่อนำไปส่งมอบให้แก่เรือเดินทะเลจึงอยู่ในขอบเขตแห่งความรับผิดของโจทก์ตามสัญญาประกันภัย เมื่อโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้วโจทก์ย่อมได้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยถ้าหากมี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัย แม้กรมธรรม์จะไม่มีตราสำคัญ
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ได้เอาประกันภัยทางทะเลสำหรับความเสียหายอันเกิดแก่สินค้าที่สั่งซื้อจากต่างประเทศไว้ต่อโจทก์ จำเลยเป็นผู้รับทำการขนสินค้าดังกล่าวจากสิงคโปร์มากรุงเทพ ปรากฏว่าสินค้าดังกล่าวได้สูญหายไปบางส่วน โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้ แม้ในกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. นั้นจะมิได้ประทับตามสำคัญของบริษัทโจทก์ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. กับโจทก์ซึ่งต่างก็ได้ปฏิบัติไปตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้กันไว้โดยไม่มีข้อคัดค้านโต้เถียงเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยแต่ประการใด จึงหาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดไปได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิฟ้องของบริษัทประกันภัยเมื่อชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว แม้กรมธรรม์จะขาดตราสำคัญ
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ได้เอาประกันภัยทางทะเลสำหรับความเสียหายอันเกิดแก่สินค้าที่สั่งซื้อจากต่างประเทศไว้ต่อโจทก์ จำเลยเป็นผู้รับทำการขนสินค้าดังกล่าวจากสิงคโปร์มากรุงเทพ ปรากฏว่าสินค้าดังกล่าวได้สูญหายไปบางส่วน โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้ แม้ในกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคลล ล. นั้นจะมิได้ประทับตามสำคัญของบริษัทโจทก์ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลล. กับโจทก์ซึ่งต่างก็ได้ปฏิบัติไปตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้กันไว้โดยไม่มีข้อคัดค้านโต้เถียงเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยแต่ประการใดจึงหาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดไปได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย: การจำกัดความรับผิดต่อจำนวนผู้เสียหาย และการพิจารณาใบอนุญาตขับขี่
โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4 ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของกรมธรรม์ประกันภัย: การจำกัดวงเงินต่อคน/ครั้ง และการพิจารณาความเสียหายรวม
โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายค่าประกันชีวิตกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ: ความหมายของ 'อุบัติเหตุ' ตามกรมธรรม์
สามีโจทก์เอาประกันชีวิตไว้กับจำเลย โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิตมีเงื่อนไขว่า ถ้าสามีโจทก์ถึงแก่ความตายโดยอุบัติเหตุจำเลยจะใช้เงินเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนที่เอาประกัน ระหว่างอายุสัญญา สามีโจทก์เป็นลมล้มลงศีรษะฟาดพื้นสมองได้รับความกระทบกระเทือนถึงแก่ความตาย ดังนี้เห็นได้ว่าที่ผู้ตายเป็นลมหกล้มเป็นเรื่องเกิดขึ้นโดยบังเอิญปราศจากเจตนาและความคาดหมายของผู้ตาย จึงถือได้ว่าผู้ตายตายเพราะอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ประกันชีวิต จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์สองเท่าตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายค่าประกันชีวิตกรณีตายจากอุบัติเหตุ: การล้มแล้วศีรษะกระแทกพื้นถือเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์
สามีโจทก์เอาประกันชีวิตไว้กับจำเลยโดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิต มีเงื่อนไขว่า ถ้าสามีโจทก์ถึงแก่ความตายโดยอุบัติเหตุจำเลยจะใช้เงินเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนที่เอาประกัน ระหว่างอายุสัญญา สามีโจทก์เป็นลมล้มลงศีรษะฟาดพื้นสมองได้รับความกระทบกระเทือนถึงแก่ความตายดังนี้เห็นได้ว่าที่ผู้ตายเป็นลมหกล้มเป็นเรื่องเกิดขึ้นโดยบังเอิญปราศจากเจตนาและความคาดหมายของผู้ตาย จึงถือได้ว่าผู้ตายตายเพราะอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ประกันชีวิต จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์สองเท่าตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์ตามกรมธรรม์ประกันภัย: ผู้ครอบครองรถยนต์ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัย
จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์จากห้าง ผ. แล้วนำไปประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 โดยระบุว่านางสาว ก. เป็นผู้เอาประกันภัย แม้จะมีชื่อจำเลยที่ 1 ในวงเล็บต่อจากชื่อนางสาว ก. ในกรมธรรม์ประกันภัยและจำเลยที่ 1 จะเป็นผู้ส่งเบี้ยประกันภัยก็ตาม แต่ที่อยู่ที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกันภัยไม่ใช่ที่อยู่ของจำเลยที่ 1 หากเป็นที่อยู่ของนางสาว ก. การที่วงเล็บชื่อจำเลยที่ 1 ไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยก็เพื่อแสดงว่ารถยนต์คันที่เอาประกันอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 เท่านั้น จำเลยที่ 1มิใช่ผู้เอาประกันภัย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 3ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วยในผลแห่งการละเมิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย
of 8