พบผลลัพธ์ทั้งหมด 253 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนอง vs. สิทธิยึด: การยึดทรัพย์ก่อนกรรมสิทธิจำนองตกเป็นของผู้รับจำนอง
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้จำเลยทำยอมชำระหนี้โดยดี ในระหว่างนั้นผู้รับจำนองได้ฟ้องบังคับจำนองเอากับจำเลยบ้าง จำเลยทำยอมต่อศาลว่ายอมชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้ภายในกำหนด ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้ที่นา 2 แปลงที่จำนองไว้หลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง ดังนี้ ตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าว ยังหามีผลให้นา 2 แปลงหลุดเป็นกรรมสิทธิแก่ผู้รับจำนองทันทีไม่หากแต่มีเงื่อนไขยอมให้หลุดเป็นสิทธิเมื่อไม่ใช้หนี้ภายในกำหนดฉะนั้น ถ้าเจ้าหนี้เงินกู้นำยึดมา 2 แปลงนี้ เพื่อ ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ของตน ก่อนกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความ ระหว่างผู้รับจำนองและจำเลยแล้ว ผู้รับจำนองก็มาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่นา 2 แปลงนั้นไม่ได้ เพราะขณะนำยึดนา 2 แปลงนั้นยังเป็นของจำเลยอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งคืนของกลางหลังยกฟ้องคดีอาญา และการระงับข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิในทางแพ่ง
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา คือฐานลักทรัพย์ไม่มีคำขอทางแพ่ง ปนมาด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแต่ให้คืนของกลางแก่ผู้เสียหายโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเรื่องของกลาง จำเลยยังเถียงกรรมสิทธิอยู่ ควรให้ไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง ส่วนในข้อหาฐานลักทรัพย์คงยกฟ้อง ดังนี้คดีอาญาที่ได้ฟ้อง ได้ถึงที่สุดแล้วโจทก์จำเลยจะฎีกาเฉพาะให้สั่งในเรื่องของกลาง ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดของผู้เช่า ผู้รับซื้อย่อมไม่มีสิทธิเหนือผู้ให้เช่า
เช่าเครื่องมือในการตัดผมและเครื่องอุปกรณ์อื่นในร้านตัดผมของเขาไว้ เปิดทำการตัดผมคิดค่าเช่าเป็นรายเดือน และชำระค่าเช่าเรื่อยมา ภายหลังกลับเอาเครื่องมือและเครื่องอุปกรณ์เหล่านั้นไปโอนขายแก่ผู้อื่นเสีย ดังนี้ผู้รับซื้อไม่ได้กรรมสิทธิและไม่ใช่กรณีตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1303 และไม่เข้าข้อยกเว้น ตามมาตรา 1332 เจ้าของยังคงมีสิทธิตามเอาคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมขายส่วนของตนได้ แม้ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วมอื่น หากระบุส่วนสัดชัดเจน
เจ้าของร่วมคนหนึ่ง ๆ ขายที่ดินให้ผู้อื่นโดยระบุส่วนสัดของคนบอกจำนวนเนื้อที่ไว้อย่างชัดแจ้ง มิได้เกินกว่าส่วนสิทธิของตนนั้น แม้เจ้าของร่วมคนอื่นจะมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ก็ตาม การซื้อขายนั้นก็ย่อมสมบูรณ์ตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 1361 วรรค 1 ส่วนมาตรา 1361 วรรค 2 นั้น ท่านประสงค์ห้ามมิให้เจ้าของร่วมคนหนึ่ง ๆ จำหน่าย จำนำ หรือก่อให้เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์สินนั้น โดยมิได้รับความยินยอมแห่งเจ้าของร่วมทุกคนเพราะเป็นการทำลายสิทธิของเจ้าของรวมคนอื่นด้วย มิใช่แต่เฉพาะส่วนของตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บผลผลิตในที่ดินที่พิพาทเรื่องกรรมสิทธิ ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แต่เป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง
จำเลยเก็บมะพร้าวในสวนที่จำเลยครอบครอง ในฐานะที่ถือตนว่าเป็นเจ้าของสวนตลอดา แม้จะมีกรณีโต้เถียงกับโจทก์ในเรื่องกรรมสิทธิของสวนพิพาทนี้ ก็เป็นเรื่องลักทรัพย์ทางอาญาไม่ได้ กรณีเป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขห้ามโอนกรรมสิทธิในที่ดินพระราชทานต้องตีความอย่างเคร่งครัด และมีขอบเขตจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้
การตีความข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ต้องตีความโดยจำกัดเงื่อนไขห้ามการโอนกรรมสิทธิในทรัพย์สินที่ให้ก่อนตายหรือโดยพินัยกรรมจะมีอยู่ได้ก็โดยจำกัดอย่างเคร่งครัด
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมฤดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีที,วอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า "..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน.." นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า " เรื่องเช่นนี้ " จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชการใด ๆ นั้นหาได้ไม่
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมฤดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีที,วอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า "..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน.." นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า " เรื่องเช่นนี้ " จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชการใด ๆ นั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีครอบครองที่ดิน ศาลต้องวินิจฉัยกรรมสิทธิก่อน หากกรรมสิทธิไม่ชัดเจน การพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อบุกรุกจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิาพทเป็นของผู้ร้องสอด และจำเลยมิได้บุกรุก ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามา ก็ให้การยืนยันว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาทดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นของใคร ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์ จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่เป็นของผู้ร้องสอดข้อบุกรุกก็ตกไป ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจกท์เสียโดยไม่ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้นี้นจึงมิได้เป็นการตัดสินคดีตามข้อหาในฟ้องของโจทก์ทุกข้อเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ ป.ว.แพ่ง 142,246
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: ผู้ครอบครองทำประโยชน์ย่อมมีสิทธิเหนือผู้มีกรรมสิทธิแต่ละเลยการใช้ประโยชน์
คำพิพากษาของศาลที่วินิจฉัยในคดีที่โจทก์เป็นความกับคนอื่นว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์นั้น แม้จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ก็ดีจำเลยก็อาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า
ที่ดินมือเปล่า ที่อยู่ติดต่อกับที่นาของโจทก์ และโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองปล่อยให้เป็นป่ารกร้างจนจำเลยได้ขออนุญาตจับจองโก่นสร้างเป็นนาขึ้น ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์
ที่ดินมือเปล่า ที่อยู่ติดต่อกับที่นาของโจทก์ และโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองปล่อยให้เป็นป่ารกร้างจนจำเลยได้ขออนุญาตจับจองโก่นสร้างเป็นนาขึ้น ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการแทนเจ้าของร่วมในหนี้จำนอง การซื้อทอดตลาด และสิทธิในการแบ่งแยกกรรมสิทธิ
การที่เจ้าของร่วมในหนี้จำนวนหนึ่ง แต่คนเดียวได้เอาเงินจำนวนนั้นไปรับจำนองที่พิพาท และได้ขอพิสูจน์หนี้จำนอง เต็มตามสัญญาจำนอง ตลอดจนได้ซื้อทอดตลาดที่พิาพทโอนใส่ชื่อเป็นผู้ซื้อแต่คนเดียว ก็ดี ดังนี้ ถือว่าเป็นการจัดการแทนเจ้าของร่วมคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานการตั้งตัวแทนและจกยกอายุความได้สิทธิหรือเสียสิทธิ มาต่อสู้ไม่ได้ เจ้าของร่วมคนอื่นฟ้องขอแบ่งแยกส่วนกรรมสิทธิในที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละกรรมสิทธิในที่ดินจากการทำสัญญาขายฝากและครอบครองปรปักษ์เป็นเวลานาน
การที่โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่บ้านสวนและที่นาแก่ฝ่ายจำเลย ซึ่งมีข้อความว่า ภายใน 3 เดือน ถ้าไม่ไถ่ให้ถือเอาเป็นกรรมสิทธิ ซึ่งฝ่ายจำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทมากกว่า 20 ปี แล้ว ดังนี้ ถือว่าโจทก์สละกรรมสิทธิที่พิพาทตกเป็นของจำเลย