คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กระบวนการยุติธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 133 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษา แม้ยังอยู่ในกระบวนการอุทธรณ์
จำเลยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีอื่นแล้ว แม้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยังต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่เหตุที่จะนับโทษต่อไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเข้าใจผิดในกระบวนการยุติธรรม: จำเลยมีหน้าที่ดูแลคดีของตนเอง แม้เกิดจากความเข้าใจผิด
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 1 ที่ว่าการขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยที่ 1 เกิดจากความเข้าใจผิดของจำเลยทั้งสอง โดยจำเลยที่ 1 เข้าใจผิดว่า จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวของจำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนจำเลยที่ 1 ด้วย และทนายความของจำเลยที่ 2 ก็เข้าใจว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำบริษัทของจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยที่ 1 เอง เหตุผลดังกล่าวแม้จะเป็นความจริงก็ไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1 เองจำเลยที่ 1 จะอ้างความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอาญา ศาลต้องสอบถามให้ชัดเจนถึงข้อหาที่รับสารภาพเพื่อความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม
ศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังแล้วว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาใด บ้าง แล้วจึงถาม คำให้การจำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่ง จำเลยทั้งสองก็ให้การ รับสารภาพว่าได้ กระทำ ผิดจริงตาม ฟ้อง แสดงว่ารับสารภาพในทุกข้อหาตาม ที่โจทก์บรรยายในฟ้องและศาลอาจลงโทษจำเลยในทุกข้อหาดังกล่าวได้ ศาลชั้นต้นไม่จำต้องถาม จำเลยทั้งสองต่อไปอีกว่า จำเลยทั้งสองรับสารภาพในข้อหาใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนอุทธรณ์และการส่งคำร้องให้คู่ความอีกฝ่าย รวมถึงการดำเนินการของศาลอุทธรณ์ก่อนมีคำพิพากษา
จำเลยฝ่ายเดียวเป็นผู้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและได้ร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์นั้นในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นจำต้องจัดการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ให้อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วส่งคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง และศาลอุทธรณ์ต้องสั่งคำร้องนั้นก่อนมีคำพิพากษา การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งคำร้องขอถอนอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยแล้วส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการแก้ไขคำให้การก่อนศาลพิพากษา และผลของการงดสืบพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการชี้สองสถานกับวันนัดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษา ดังนี้ จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัว: ความเข้าใจผิดในกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นเหตุลดค่าปรับ หากผู้ประกันไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ผู้ประกันทำสัญญาประกันจำเลยทั้งสองไว้ต่อศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดพร้อมหรือฟังคำพิพากษา ผู้ประกันทราบนัดแล้วจึงมีหน้าที่ต้องนำส่งจำเลยทั้งสองตามนัด ความเข้าใจผิดของผู้ประกันเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลไม่เป็นเหตุอันสมควรที่ศาลจะลดค่าปรับให้ และเมื่อนับตั้งแต่วันผู้ประกันทราบหมายนัดของศาลให้นำเงินไปชำระค่าปรับจนถึงวันที่ผู้ประกันยื่นคำร้องขอลดค่าปรับเป็นเวลา ถึง 2 ปีเศษผู้ประกันก็ไม่นำจำเลยทั้งสองไปศาล แสดงว่าผู้ประกันไม่ได้พยายามที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาประกัน จึงไม่มีเหตุที่จะลดค่าปรับให้ผู้ประกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ประกันจากการไม่นำตัวจำเลยมาศาลตามกำหนด ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม
ศาลชั้นต้นออกหมายนัดถึงนายประกันให้ส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ส่งหมายให้นายประกันมิได้ เพราะนายประกันระบุที่อยู่ในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวไม่ชัดเจนเพียงพอศาลชั้นต้นจึงแจ้งวันนัดโดยปิดประกาศหน้าศาลแทนซึ่งมีผลใช้ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ฉะนั้นเมื่อนายประกันไม่นำตัวจำเลยไปฟังคำพิพากษาตามกำหนด ต้องถือว่านายประกันผิดสัญญาประกัน
การที่นายประกันผิดสัญญาประกันเป็นเหตุให้ศาลต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปและออกหมายจับจำเลย ตลอดจนต้องอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยไปแล้วประมาณ 3 เดือนนายประกันจึงสามารถนำตัวจำเลยส่งศาลได้ นับว่าเป็นการเสียหายต่อกระบวนพิจารณาของศาล เมื่อศาลอุทธรณ์ลดค่าปรับให้กึ่งหนึ่งแล้วจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดค่าปรับลงไปให้อีกแม้นายประกันจะมิได้เป็นนายประกันอาชีพ และไม่มีความสามารถหาเงินมาชำระค่าปรับได้ก็มิใช่เป็นเหตุผลที่ศาลจะลดค่าปรับให้ เพราะเป็นเรื่องที่นายประกันได้รู้ถึงความผูกพันอยู่แล้วก่อนทำสัญญาประกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6483/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีล้มละลายและการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชน ไม่ถือเป็นความผิดหมิ่นประมาท หากเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
การที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีล้มละลายโดยบรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ซึ่งจำเป็นต้องกล่าวในคำฟ้องเพื่อให้โจทก์เข้าใจข้อหาได้ชัดเจนนั้น ถือได้ว่าเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 331 ส่วนที่จำเลยนำข้อความเกี่ยวกับการฟ้องโจทก์เป็นบุคคลล้มละลายไปลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์นั้น เมื่อข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์เป็นข้อความที่ตรงกับที่จำเลยฟ้องโจทก์ มิได้มีข้อความอื่นนอกเหนือไปจากนั้น อันจะส่อให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลย การที่หนังสือพิมพ์เสนอข้อความดังกล่าวจึงเป็นการรายงานเรื่องที่โจทก์ถูกฟ้องต่อศาลเป็นคดีล้มละลายถือได้ว่าจำเลยได้แจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาล จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4)จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3910/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่รับอุทธรณ์และการสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมหลังคำสั่งศาลอุทธรณ์
ผู้ประกันยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเกินกำหนด 15 วันศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ ผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ประกันดังนี้ เท่ากับว่าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นคำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 198 ทวิ วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการมีทนาย – กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่มีอัตราโทษจำคุก อย่างสูงถึง 10 ปี ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคแรกบัญญัติว่าก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้ ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีทนาย และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีไปโดยที่มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นจัดการเสียให้ถูกต้อง การดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง
of 14