คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 106 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการคุ้มครองบุคคลภายนอกผู้สุจริต ผู้ซื้อที่ดินจากผู้อื่นโดยไม่ทราบว่ามีการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ก่อนที่ ก. จะขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยแต่เมื่อโจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมและยังมิได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง.
ก่อนซื้อที่ดินพิพาท จำเลยไปดูที่ดินพบบิดาโจทก์อยู่ในที่ดินพิพาท บิดาโจทก์บอกจำเลยว่าเช่าที่ดินพิพาทจาก ก. หากจำเลยซื้อที่ดินพิพาทจะขอเช่าอยู่ต่อไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้แล้วในขณะซื้อที่ดินพิพาทว่าโจทก์ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทอยู่และรับโอนที่ดินโดยไม่สุจริต โจทก์จึงยกการได้ที่ดินพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้จำเลย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ เมื่อโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของจำเลยยังไม่ถึงสิบปี จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินมือเปล่าโดยการซื้อขายและยกให้ การครอบครองโดยสละสิทธิเดิม
ท. ขายและยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ แม้การซื้อขายและยกให้ซึ่งที่พิพาทจะไม่มีการทำหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าเมื่อโจทก์เข้าครอบครองโดยเจ้าของเดิมได้สละสิทธิครอบครองของตนให้แล้วโจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่พิพาท และหาใช่การครอบครองแทนจำเลยไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4359/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผูกพันตามสัญญาซื้อขายจากพฤติการณ์ยอมรับรู้ การเชิดตัวเป็นตัวแทน และการไม่ปฏิเสธการซื้อขาย
ช. เคยเป็นกรรมการบริษัทจำเลย และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย ช.ได้เข้าประชุมผู้ถือหุ้นจำเลยตลอดมาเมื่อช. ไปติดต่อและทำสัญญาซื้อสินค้ากับโจทก์ ก็แสดงนามบัตรว่าทำงานกับจำเลยทั้งจำเลยมิได้ปฏิเสธการที่ ช. สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เป็นเวลานานกว่าปี ดังนี้ พฤติการณ์เท่ากับจำเลยได้รับรู้ยอมให้ ช.เชิด ตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3339/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาจะซื้อขายผ่านตัวแทนไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ แม้มีสัญญาซื้อขายเป็นลายลักษณ์อักษรภายหลัง
การตั้งตัวแทนให้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินซึ่งได้มีการวางมัดจำกันไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด แม้ต่อมาจะได้มีการทำสัญญาจะซื้อขายเป็นหนังสืออีกก็ตาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสำคัญของข้อเท็จจริงเท็จในการเบิกความต่อศาล: ปัญหาการพิสูจน์การซื้อขายก่อนยึดทรัพย์
จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วน เบิกความในคดีที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวร้องขัดทรัพย์ว่า ในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์ จำเลยไม่อยู่โดยไปกรุงเทพมหานคร พี่น้องของจำเลยบอกจำเลยว่าได้นำเจ้าหน้าที่ศาลไปค้นหลักฐานการโอนทะเบียนรถแต่ไม่พบ แต่ในคดีร้องขัดทรัพย์นั้นมีประเด็นว่าผู้ร้องซื้อรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยในคดีนั้นก่อนมีการยึดทรัพย์หรือไม่ ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาล แม้จะเป็นเท็จก็ไม่เป็นข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จจริงตามป.อ. มาตรา 177.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการซื้อขายยาเสพติดต้องชัดเจนและต่อเนื่อง การได้ยินได้เห็นโดยตรงสำคัญกว่าการอ้างอิงจากผู้อื่น
โจทก์ไม่มีพยานผู้ใดรู้เห็นเลยว่า จำเลยได้ทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษให้กับสายลับผู้ไปล่อซื้อ คงมีแต่คำกล่าวอ้างของพยานโจทก์ทั้งสามปากผู้ทำการจับกุมจำเลย ลำพังแต่ธนบัตรซึ่งพยานโจทก์อ้างว่าทำเครื่องหมายกำกับไว้และค้นได้จากตัวจำเลย ก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4134/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินร่วม: ผลผูกพันต่อเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม & สัญญาจะซื้อจะขาย
สัญญาซื้อขายมีข้อความว่า จำเลยทั้งสี่แบ่งขายที่พิพาทเนื้อที่ 3 งาน 45.6 ตารางวา ด้านทิศตะวันตก อันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่ให้แก่โจทก์ในราคา 43,125 บาท และมอบที่ดินส่วนนี้ให้โจทก์ในวันทำสัญญาโดยโจทก์ชำระราคาให้ 20,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระภายใน 9 เดือน ดังนี้ เห็นได้ว่าการซื้อขายที่พิพาทได้ทำเป็นหนังสือและมีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว แต่ยังมีหนี้ที่โจทก์จำเลยจะปฏิบัติต่อกันอีกคือ โจทก์ต้องชำระราคาส่วนที่เหลือ และจำเลยต้องไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินที่ขายตามจำนวนเนื้อที่ในสัญญาและจดทะเบียนโอนให้โจทก์อีก สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด ไม่เป็นโมฆะ
โจทก์นำสืบว่าการชำระราคาส่วนที่เหลือจะกระทำเมื่อจำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทให้ อันเป็นการนำสืบเงื่อนไขรายละเอียดข้อตกลงในการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ โจทก์จึงนำสืบได้ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
จำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินแปลงที่จำเลยทั้งสี่ทำสัญญาแบ่งขายให้โจทก์ร่วมกับบุคคลอื่นด้วย แต่เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินดังกล่าวมิได้บรรยายส่วนของตนไว้ และมิได้แบ่งแยกว่าส่วนของใครอยู่ตอนใด แต่ละคนจึงมีส่วนเท่า ๆ กัน กรรมสิทธิ์รวมของเจ้าของรวมแต่ละคนย่อมครอบไปเหนือที่ดินดังกล่าวทั้งหมดจนกว่าจะมีการแบ่งแยก การที่จำเลยทั้งสี่ตกลงขายที่ดินโดยระบุเจาะจงตรงส่วนด้านตะวันตกของที่ดินเป็นการขายตัวทรัพย์ ซึ่งรวมถึงส่วนที่มิใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสี่ จึงต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมทุกคนก่อน มิฉะนั้นสัญญาจะซื้อขายไม่มีผลผูกพันเจ้าของรวมซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญาด้วย
เมื่อเจ้าของรวมที่มิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ มิได้ถูกฟ้องหรือเข้ามาเป็นคู่ความในคดี ทั้งไม่ยอมขายที่ดินส่วนที่จำเลยทั้งสี่ตกลงขายให้โจทก์ด้วย หากศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งแยกและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนที่ขายให้โจทก์ตามคำขอของโจทก์ ผลของการบังคับคดีย่อมไม่ผูกพันเจ้าของรวมซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมิได้เข้ามาเป็นคู่ความให้จำต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลศาลจึงไม่อาจบังคับจำเลยทั้งสี่ตามคำขอของโจทก์ได้
ปัญหาว่า ศาลจะบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินจากการครอบครอง แม้ไม่มีเอกสารสิทธิ์
ด. บิดาโจทก์ขายนาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าและส่งมอบการครอบครองให้จำเลยตั้งแต่วันขายแล้วแม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อ ด สละนาพิพาทให้จำเลยครอบครองไม่ยึดถือต่อไปแล้วการครอบครอง ของด.ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 จำเลยผู้ครอบครองต่อมาย่อมได้สิทธิครอบครองตามมาตรา 1367 ภายหลังบิดาโจทก์ตายโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกนาพิพาทคืนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินเพื่อทำถนนเป็นการสละการครอบครองเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ยังมิได้ทำถนน โจทก์ซื้อต่อจากผู้ยกให้แล้วก็ไม่มีสิทธิเรียกคืน
เมื่อ พ.ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยเพื่อใช้ทำถนน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ที่จะถือได้ว่าเป็นการสงวนสิทธิไว้อีก ย่อมเป็นการสละการครอบครองที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 การที่จำเลยยังไม่ตัดถนนผ่านที่พิพาทหรือตัดถนนผ่านที่พิพาทไม่หมดทั้งแปลงและภายหลังโจทก์ได้ซื้อที่ดินมีโฉนดของ พ.แล้วเข้าครอบครองที่พิพาทต่อจาก พ.ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิใด ๆ ในที่พิพาทในอันที่จะเรียกคืนที่พิพาทจากจำเลยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ มิใช่การซื้อขายหุ้นตามปกติ ไม่ต้องทำตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น มิใช่การ ซื้อขายหุ้นตามปกติธรรมดา แต่เป็นการซื้อขายหุ้นซึ่งกระทำตามระเบียบวิธีปฏิบัติของการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นกรณีพิเศษต่างหาก จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามแบบของการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129
of 11