พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมฟ้องจำเลยหลายคนในคดีบุกรุก และการเสียค่าขึ้นศาลก่อนฟังการให้การ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยแต่ละคนต่างละเมิดสิทธิของโจทก์โดยลำพังตนต่างหากจากกัน โดยจำเลยมิต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อโจทก์เช่นนี้โจทก์จะรวมฟ้องจำเลยทุกคนในคดีเดียวกันหาได้ไม่ โจทก์จะต้องแยกฟ้องจำเลยแต่ละคนเป็นรายสำนวนไป
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะรับว่าเมื่อจำเลยฟ้องระหว่างกันเกี่ยวกับที่รายพิพาทนี้ในคดีอื่นจำเลยจะได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์กันก็ดี แต่ในชั้นที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ จำเลยอาจไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์กับโจทก์ก็ได้ คดีเช่นนี้ยังไม่ควรให้โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ในขณะรับฟ้อง ควรรอฟังจำเลยให้การเสียก่อน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะรับว่าเมื่อจำเลยฟ้องระหว่างกันเกี่ยวกับที่รายพิพาทนี้ในคดีอื่นจำเลยจะได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์กันก็ดี แต่ในชั้นที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ จำเลยอาจไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์กับโจทก์ก็ได้ คดีเช่นนี้ยังไม่ควรให้โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ในขณะรับฟ้อง ควรรอฟังจำเลยให้การเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การของจำเลยที่ไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา ทำให้ศาลรับฟังตามฟ้องได้โดยไม่ต้องสืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาจำเลยให้เช่าช่วง โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยแล้ว จำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยเช่าห้องโจทก์เท่านั้น ดังนี้จะถือว่าจำเลยปฏิเสธในเรื่องไม่มีกำหนดระยะเวลาเช่าและโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วด้วยไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ไว้ ก็ต้องถือว่าฟ้องข้อนั้นไม่เป็นประเด็นข้อทุ่มเถียงในคดี โจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลรับฟังตามฟ้องได้เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่สืบพยานโจทก์ก็ต้องชนะคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การของจำเลยที่ไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา ทำให้ศาลรับฟังตามฟ้องได้ แม้โจทก์ไม่สืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา จำเลยให้เช่าช่วง โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยแล้วจำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยเช่าห้องโจทก์เท่านั้น ดังนี้จะถือว่าจำเลยปฏิเสธในเรื่องไม่มีกำหนดระยะเวลาเช่าและโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วด้วยไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ไว้ ก็ต้องถือว่าฟ้องข้อนั้นไม่เป็นประเด็นข้อทุ่มเถียงในคดี โจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลรับฟังตามฟ้องได้เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่สืบพยานโจทก์ก็ต้องชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์มรดก และการสืบพยานที่ขัดแย้งต่อการให้การเดิม
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าเป็นของจำเลยแต่ลงชื่อผู้ตายไว้ในฐานะนิติกรรมอำพรางและปรากฏตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำให้การว่าจำเลยออกเงินซื้อในชั้นนำสืบจำเลยสืบว่าที่ทำเช่นนี้เพื่อปกปิดสามีดังนี้ไม่เป็นการสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่าทรัพย์บางอย่างเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าทรัพย์เช่นว่านั้นไม่มีอยู่ที่จำเลย แต่ชั้นนำสืบจำเลยนำสืบว่าทรัพย์เหล่านี้ผู้ตายยกให้บุตรจำเลย เช่นนี้ฟังไม่ได้เพราะเป็นการปิดบังเอาเปรียบโจทก์ในเชิงคดีทั้งๆ ที่จำเลยรู้ดีแล้วว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน
โจทก์ฟ้องว่าทรัพย์บางอย่างเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าทรัพย์เช่นว่านั้นไม่มีอยู่ที่จำเลย แต่ชั้นนำสืบจำเลยนำสืบว่าทรัพย์เหล่านี้ผู้ตายยกให้บุตรจำเลย เช่นนี้ฟังไม่ได้เพราะเป็นการปิดบังเอาเปรียบโจทก์ในเชิงคดีทั้งๆ ที่จำเลยรู้ดีแล้วว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและหน้าที่นำสืบ: การที่จำเลยไม่ให้การตัดฟ้องและไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงในฟ้องทำให้ไม่มีประเด็นต้องสืบ
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้ายคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย" เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้นๆเช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็น และมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่า โจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การต่อสู้คดีที่ขัดแย้งกันเองทำให้สิทธิการอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายสูญเสีย
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่โจทก์ขอให้ขับไล่ ครั้งแรกจำเลยให้การว่าซื้อไม่ได้เช่า แม้ต่อมาจะร้องขอเพิ่มเติมคำให้การว่าที่ที่โจทก์ขับไล่นั้นจำเลยได้อาศัยอยู่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ในคำร้องนั้นจำเลยก็ไม่ได้ถือว่าได้เช่าที่ดินมาเพื่อใช้เป็นเคหะ จำเลยอ้างแต่เพียงว่าได้ปลูกห้องแถวอยู่อาศัยการซื้อที่ดินปลูกห้องแถวอยู่อาศัยมิได้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯแต่อย่างใด ประเด็นมีแต่เพียงว่าจำเลยซื้อหรือเช่าการเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่มีใครอ้าง ที่จำเลยว่าปลูกห้องแถวอยู่อาศัยก็มิได้ว่าปลูกโดยอาศัยสัญญาเช่า จึงไม่มีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่โจทก์ขอให้ขับไล่ ครั้งแรกจำเลยให้การว่าซื้อไม่ได้เช่า แม้ต่อมาจะร้องขอเพิ่มเติมคำให้การว่าที่ที่โจทก์ขับไล่นั้นจำเลยได้อาศัยอยู่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ในคำร้องนั้นจำเลยก็ไม่ได้ถือว่าได้เช่าที่ดินมาเพื่อใช้เป็นเคหะ จำเลยอ้างแต่เพียงว่าได้ปลูกห้องแถวอยู่อาศัยการซื้อที่ดินปลูกห้องแถวอยู่อาศัยมิได้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯแต่อย่างใด ประเด็นมีแต่เพียงว่าจำเลยซื้อหรือเช่าการเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่มีใครอ้าง ที่จำเลยว่าปลูกห้องแถวอยู่อาศัยก็มิได้ว่าปลูกโดยอาศัยสัญญาเช่า จึงไม่มีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เงินกู้และการนำสืบหลักฐานการชำระหนี้ การสืบพยานนอกประเด็นที่ให้การไว้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยต่อสู้ไว้เพียงว่าใช้เงินให้บ้างแล้วและโจทก์รับว่าจะบันทึกการใช้เงินไว้ท้ายสัญญากู้ให้ ดังนี้ ตามคำต่อสู้ของจำเลยไม่ปรากฎว่ามีหลักฐานใช้เงินเป็นหนังสือแต่อย่างใดจำเลยจะนำพยานมาสืบถึงการใช้เงินไม่ได้ ต้องห้ามตาม ม.653 ป.พ.ม.
ส่วนข้อที่จำเลยนำพยานมาสืบว่าโจทก์ได้บันทึกการใช้เงินไว้ท้ายสัญญากู้แล้ว ( ถูกฉีกาขาดหายไป ) นั้นเป็นการนำสืบนอกประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ จึงรับฟังไม่ได้
ส่วนข้อที่จำเลยนำพยานมาสืบว่าโจทก์ได้บันทึกการใช้เงินไว้ท้ายสัญญากู้แล้ว ( ถูกฉีกาขาดหายไป ) นั้นเป็นการนำสืบนอกประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ จึงรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักขังผู้ถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาทำให้การให้การไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานสอบสวนในฐานะเป็นผู้ต้องหาไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
อ้างฎีกาที่ 262/2474 ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.137
พนักงานสอบสวนจะกักขังพะยานไว้ไม่ได้
อ้างฎีกาที่ 262/2474 ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.137
พนักงานสอบสวนจะกักขังพะยานไว้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการให้การปฏิเสธคดีอาญาโดยไม่ต้องบรรยายเหตุผล
คำให้การของจำเลยในคดีอาญานั้นไม่จำเป็นต้องบรรยายโดยละเอียดจะให้การปฏิเสธลอย ๆ โดยไม่บรรยายเหตุผลใด ๆ ก็ได้ทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปี 8 เดือนตามกฎหมายอาญา ม.249,60 ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตาม ม.254 จำคุก 8 เดือนดังนี้ เป็นแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปี 8 เดือนตามกฎหมายอาญา ม.249,60 ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตาม ม.254 จำคุก 8 เดือนดังนี้ เป็นแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ: จำเลยให้การต่างกันในชั้นสอบสวนและศาล แต่โจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าคำให้การเดิมเป็นเท็จ จึงไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ+++พิจารณาได้ความแต่เพียงว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนอย่างหนึ่ง ในชั้นศาลอีกอย่างหนึ่ง เมื่อโจทก์พิศูจน์ไม่ได้ว่าคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นเท็จ ลงโทษจำเลยมิได้