คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขัดทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 135 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25-27/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการวางเงินประกันความเสียหายจากการยื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดี
เมื่อผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่าทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา และขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 วรรคแรก เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องงดการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่พิพาทนั้นไว้ระหว่างรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล แม้ต่อมาศาลจะสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องตามมาตรา 288(1) แต่ผู้ร้องก็ยังคงอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นอยู่ โจทก์จึงขอให้ขายทรัพย์พิพาทไม่ได้
เมื่อโจทก์เห็นว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่พิพาทเข้ามานั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โจทก์ก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สำหรับความเสียหายที่อาจได้รับนั้นได้และเมื่อศาลพิจารณาเป็นเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องว่างเงินต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทน ฯลฯ ตามมาตรา 288 (1) (อ้างฎีกาที่ 1293/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคำร้องขัดทรัพย์: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ใช้ราคาซื้อขายที่แท้จริงแทนราคาประเมินเจ้าพนักงานบังคับคดี
มาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอยู่ในลักษณะ 6 หมวดที่ 3 ส่วนที่ 2 ว่าด้วยความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งหมายถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีว่าคยามรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีจะตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายใดเพียงใด อันเป็นดุลพินิจของศาลส่วนกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มก่อนที่จะรับคำร้องขอไว้พิจารณาอันเป็นการสั่งชั้นตรวจรับคำร้องขอของผู้ร้องตามมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องขอของผู้ร้องมีทุนทรัพย์ 500,000 บาท แต่ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลมาในจำนวนทุนทรัพย์เพียง 220,000 บาท อันถือว่าคำร้องขอนั้นมิได้ปิดแสตมป์สมบูรณ์ ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ คือ เสียค่าขึ้นศาลให้ครบได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าผู้ร้องไม่ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นก็ย่อมมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอนั้น คำสั่งไม่รับคำคู่ความเช่นนี้ ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกาได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 227,228,247
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไม่มีมูลที่จะร้องขอ ซึ่งเท่ากับสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอนาถาของผู้ร้อง แล้วสั่งต่อไปว่า ถ้าผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีเกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวต่อไป ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในกำหนด 15 วัน ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดก็ให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และสั่งให้ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มผู้ร้องมิได้นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่าให้ถือว่าทิ้งคำร้องนั้นมีผลแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่า ทิ้งคำร้อง เป็นการคลาดเคลื่อนผลก็เท่ากับศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องนั่นเอง ผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลในคดีขัดทรัพย์: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ใช้ราคาซื้อขายจริง แม้ต่างจากราคาประเมินเจ้าพนักงานบังคับคดี
มาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอยู่ในลักษณะ 6 หมวดที่ 3 ส่วนที่ 2 ว่าด้วยความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งหมายถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีว่าความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีจะตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายใดเพียงใด อันเป็นดุลพินิจของศาลส่วนกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มก่อนที่จะรับคำร้องขอไว้พิจารณา อันเป็นการสั่งชั้นตรวจรับคำร้องขอของผู้ร้องตามมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องขอของผู้ร้องมีทุนทรัพย์ 500,000 บาท แต่ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลมาในจำนวนทุนทรัพย์เพียง 220,000 บาท อันถือว่าคำร้องขอนั้นมิได้ปิดแสตมป์สมบูรณ์ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ คือ เสียค่าขึ้นศาลให้ครบได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าผู้ร้องไม่ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นก็ย่อมมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอนั้น คำสั่งไม่รับคำคู่ความเช่นนี้ ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกาได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 227,228 และ 247
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไม่มีมูลที่จะร้องขอ ซึ่งเท่ากับสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอนาถาของผู้ร้อง แล้วสั่งต่อไปว่า ถ้าผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีเกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวต่อไป ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในกำหนด 15 วัน ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดก็ให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และสั่งให้ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มผู้ร้องมิได้นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่าให้ถือว่าทิ้งคำร้องนั้นมีผลแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่า ทิ้งคำร้อง เป็นการคลาดเคลื่อนผลก็เท่ากับศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องนั่นเอง ผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดราคาทรัพย์สินในคดีขัดทรัพย์: ศาลใช้ดุลพินิจจากสำนวน
ผู้ร้องขัดทรัพย์ตีราคาทรัพย์ 80,000 บาท และเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์นั้นศาลชั้นต้นกำหนดราคา 230,000 บาท ได้ตามมาตรา 190(2) เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดอยู่ในสำนวนก็ไม่ต้องไต่สวนก่อนมีคำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลและประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทน
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 1 เพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา บริษัทผู้ร้องโดย พ.กรรมการผู้จัดการร้องขัดทรัพย์ ก่อนชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288(1) เมื่อปรากฏว่า พ.ซึ่งยื่นคำร้องแทนบริษัทผู้ร้องเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีนี้โดยเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดตามคำพิพากษากับจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว ที่ดินที่นำยึดก็มีชื่อในโฉนดเป็นของจำเลยที่ 1ผู้ร้องเป็นแต่อ้างว่าให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อแทนไว้ พยานหลักฐานเบื้องต้นจึงพอแสดงว่าคำร้องขัดทรัพย์ไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ศาลย่อมสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาลได้ และการวางเงินเช่นนี้เป็นเพียงเพื่อประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์อาจได้รับเท่านั้น ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องได้รับความเสียหายจริงๆ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีชั้นร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าเรือนพิพาทซึ่งผู้ร้องได้ร้องขัดทรัพย์เข้ามาราคา 3,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังว่าเรือนพิพาทเป็นของจำเลย คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น
คดีชั้นร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าเรือนพิพาทซึ่งผู้ร้องได้ร้องขัดทรัพย์เข้ามาราคา 3,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยฟังว่าเรือนพิพาทเป็นของจำเลย คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ยึดพืชผล: ศาลฎีกาพิพากษายืนคำสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ เนื่องจากผู้ร้องพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเจ้าของทรัพย์
ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์และให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงยึดพืชผลที่จำเลยปลูกในที่ดินนั้นที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาว่าที่ดินที่ปลูกพืชผลเป็นของผู้ร้องมิใช่ที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ หาเป็นประเด็นในคดีร้องขัดทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของร่วมมรดกและการบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินรวม เจ้าของร่วมไม่มีอำนาจขัดทรัพย์
ผู้ตายถึงแก่กรรมโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกสวนของตนให้แก่ผู้ใดไว้ สวนจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมทุกคน
ครอบครัวของจำเลยอยู่ร่วมเรือนเดียวกันกับผู้ร้อง จำเลยแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีส่วนเป็นเจ้าของสวนยางพารารายนี้เช่น เป็นผู้นำสำรวจที่ดินสวนยางพารานี้เพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ และเป็นผู้ไปเสียภาษีบำรุงท้องที่เอง ทั้งได้ไปแจ้งใบสุทธิยางผู้ร้องรับว่าสวนยางพารายังมิได้แบ่งปันกันในระหว่างทายาท ฉะนั้น จำเลยซึ่งเป็นทายาทด้วยผู้หนึ่ง จึงมีสิทธิเป็นเจ้าของสวนยางพารารวมอยู่ด้วย
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษา จึงมีสิทธิที่จะยึดสวนยางพาราซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของรวมบางส่วนเพื่อบังคับชำระหนี้ได้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันไม่มีอำนาจร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์มีสิทธิจะยึดที่ดินแปลงใดของจำเลยตามคำพิพากษามาบังคับชำระหนี้ก็ได้เพราะโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้โดยสิ้นเชิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: การยึดทรัพย์โดยมิชอบ แม้มีการขัดทรัพย์ ก็ไม่ทำให้ อายุความสะดุดหยุดลง
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์ของโจทก์โดยอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์เพราะโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์นั้น และฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ดังนี้ โจทก์จะต้องฟ้องภายในกำหนด 1 ปีนับแต่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ การยื่นคำร้องขัดทรัพย์นั้นก็ไม่เป็นเหตุให้อายุความในเรื่องละเมิดสะดุดหยุดลง
of 14