พบผลลัพธ์ทั้งหมด 122 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3600/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท ยาแผนโบราณ: ศาลลงโทษฐานผลิตและขายโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ฟ้องแยกกรรม
การผลิตและการขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต กับการผลิตและการขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานั้น จำเลยกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันและยาแผนโบราณเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวกัน แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นบทหนัก คำฟ้องของโจทก์มุ่งประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง กับฐานผลิตและขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาอีกกระทงหนึ่ง คำฟ้องดังกล่าวมิได้แยกการกระทำเป็นการผลิตกรรมหนึ่งและเป็นการขายอีกกรรมหนึ่งดังที่โจทก์ฎีกา จึงเป็นฎีกาที่ขอให้ลงโทษจำเลยนอกเหนือไปจากคำฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและขายยาเสพติดเป็นกรรมเดียวกัน ศาลไม่ลงโทษซ้ำซ้อน
พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา13 บัญญัติห้ามผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 1 หรือประเภท 2 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 ซึ่งมาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้น การขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพ.ร.บ. ฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน.
จำเลยมีแอมเฟตามีนคลอไรด์ อัน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครอง 18 เม็ด และจำเลยขายแอมเฟตามีนคลอไรด์ ดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อไป 3 เม็ด ยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลย 15 เม็ด แอมเฟตามีนคลอไรด์ ทั้ง 18เม็ด เป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยครอบครองและขายไปในเวลาต่อเนื่องกัน การครอบครองในลักษณะเช่นนี้ก็คือการมีไว้เพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 106 อีกกรรมหนึ่ง.
จำเลยมีแอมเฟตามีนคลอไรด์ อัน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครอง 18 เม็ด และจำเลยขายแอมเฟตามีนคลอไรด์ ดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อไป 3 เม็ด ยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลย 15 เม็ด แอมเฟตามีนคลอไรด์ ทั้ง 18เม็ด เป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยครอบครองและขายไปในเวลาต่อเนื่องกัน การครอบครองในลักษณะเช่นนี้ก็คือการมีไว้เพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 106 อีกกรรมหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและขายยาเสพติดเป็นกรรมเดียว หากศาลลงโทษฐานขายแล้ว ไม่อาจลงโทษฐานครอบครองซ้ำได้
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 บัญญัติห้ามผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 หรือประเภท 2 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 ซึ่งมาตรา 4ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจกแลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้น การขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน จำเลยมีแอมเฟตามีนคลอไรด์อันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครอง 18 เม็ด และจำเลยขายแอมเฟตามีนคลอไรด์ดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อไป 3 เม็ด ยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลย 15 เม็ดแอมเฟตามีนคลอไรด์ทั้ง 18 เม็ด เป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยครอบครองและขายไปในเวลาต่อเนื่องกัน การครอบครองในลักษณะเช่นนี้ก็คือการมีไว้เพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 106 อีกกรรมหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดฐานขายและมีวัตถุออกฤทธิ์ การกระทำผิดฐานขายหรือมีไว้เพื่อขายถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้เพื่อขาย 5 เม็ด ขายไปแล้ว2 เม็ด ดังนี้การขายหรือมีไว้เพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวฐานขายวัตถุที่ออกฤทธิ์ชนิดแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ การมีไว้เพื่อขายถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิด
การขายหรือมีไว้เพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 นั้นเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การที่จำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้เพื่อขาย 5 เม็ด และได้ขายไปแล้ว 2 เม็ด จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวฐานขายแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานขายยาเสพติด: การมีไว้เพื่อขายและการขายเป็นกรรมเดียว
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 4 ว่า "ขาย" หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจกแลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย จำเลยมีแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายและในขณะที่ยังมีแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ จำเลยได้ขายแอมเฟตามีนไปส่วนหนึ่ง ดังนี้จำเลยมีความผิดฐานขายแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13เพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3447/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท: การพิจารณาว่าเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลก เปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์อันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้เพื่อขายจำนวน 5 เม็ดและจำเลยขายไป 4 เม็ดยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลยอีก 1 เม็ดแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 5 เม็ดดังกล่าว จึงเป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวคือการขายนั่นเอง หาใช่เป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกระทงหนึ่งไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าตอบแทนจากการขายไม่ใช่ค่าจ้าง: กรณีไม่มีเวลาทำงานปกติ
โจทก์ไม่มีเวลาทำงานปกติ จะทำวันใดหรือไม่ทำวันใดก็ได้การที่โจทก์ขายสินค้าแต่ละชิ้นแล้วได้เปอร์เซ็นต์นั้นมิใช่เป็นการคำนวณค่าจ้างตามผลงาน เงินเปอร์เซ็นต์จากการขายที่โจทก์ได้รับจึงไม่ใช่เงินที่นายจ้างจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาปกติของวันทำงานและไม่ถือว่าเป็นเงินค่าจ้าง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเงินได้
โจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 และบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 โจทก์ต้องเสียภาษีการค้า โจทก์ซื้อที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และเพิ่งแบ่งที่ดินบางส่วนมาสร้างตึกแถวขึ้นภายหลัง เพื่อประสงค์จะขายตึกแถวพร้อมที่ดินโดยแบ่งเป็นคูหา ตึกแถวที่สร้างขึ้นใหม่จึงเป็นตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้นมาเพื่อขายหากำไรโดยเฉพาะ เงินได้จากการขายตึกแถวเป็นเงินได้พึงประเมินตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8)เพราะคำว่า "การอื่น" นอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 40(8) นั้นหมายถึงเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 40(1) ถึง (7) ก็ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบพรมให้ขายแล้วไม่ชำระเงิน ไม่เป็นความผิดอาญา แต่เป็นผิดสัญญา
โจทก์ร่วมมอบพรมให้จำเลยเป็นตัวอย่างในการสั่งซื้อหากลูกค้าต้องการพรมนั้นก็ให้ขายได้แต่จำเลยต้องชำระเงินค่าพรมให้โจทก์ร่วมตามราคาที่ตกลงกัน หากขายไม่ได้ก็ต้องคืนพรมแก่โจทก์ร่วมดังนี้การที่จำเลยไม่ชำระราคาพรมหรือคืนพรมแก่โจทก์ร่วมจึงเป็นเพียงผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้เท่านั้นไม่มีมูลความผิดทางอาญา