คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คนอนาถา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 126 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3398/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการพิจารณาฎีกาและการสั่งรับฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถา: ศาลต้องกำหนดให้ชำระค่าธรรมเนียมก่อนสั่งรับหรือไม่
เมื่อจำเลยฎีกาพร้อมคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่นั่งพิจารณาคดีรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและยื่นคำร้อง ขอฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาและคำร้องขอฟ้อง ฎีกาอย่างคนอนาถาว่า รอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ก่อนจึงจะ พิจารณาสั่ง ต่อมาผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่นั่งพิจารณาคดีนี้ ไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามกฎหมาย ก็ชอบที่จะสั่งยกคำร้องขอฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถานั้นเสีย โดยไม่ต้องไต่สวนคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสาม แต่ศาลชั้นต้นต้องกำหนดให้จำเลย นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นฎีกามาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้น เห็นสมควรกำหนดก่อน เมื่อถึงกำหนดแล้วไม่ชำระ จึงจะสั่งในฎีกาของจำเลยว่ารับหรือไม่รับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18ศาลชั้นต้นยังไม่ควรก้าวล่วงไปสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยเสียในตอนนี้ เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ถูกต้องและศาลอุทธรณ์ไม่ได้แก้ไข ศาลฎีกาจึงอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)(2)ประกอบด้วยมาตรา 247 แก้ไขให้ถูกต้องโดยให้ศาลชั้นต้นสั่งฎีกา ของจำเลยเสียใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3398/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระบวนการฎีกา การพิจารณาคำร้องขอฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถา และการสั่งรับ/ไม่รับฎีกาต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
เมื่อจำเลยฎีกาพร้อมคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่นั่งพิจารณาคดีรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องขอฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกา และคำร้องขอฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถาว่า รอฟังคำสั่ง ศาลอุทธรณ์ก่อนจึงจะพิจารณาสั่ง ต่อมาผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่นั่งพิจารณาคดีนี้ไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามกฎหมาย ก็ชอบที่จะสั่งยกคำร้อง ขอฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถานั้นเสียโดยไม่ต้องไต่สวนคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสามแต่ศาลชั้นต้นต้องกำหนดให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมชั้นฎีกามาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนดก่อน เมื่อถึงกำหนดแล้วไม่ชำระจึงจะสั่งในฎีกาของจำเลยว่ารับหรือไม่รับฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18ศาลชั้นต้นยังไม่ควรก้าวล่วงไปสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยเสียในตอนนี้ เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ถูกต้องและศาลอุทธรณ์ไม่ได้แก้ไข ศาลฎีกาจึงอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)(2)ประกอบด้วยมาตรา 247 แก้ไขให้ถูกต้องโดยให้ศาลชั้นต้นสั่งฎีกาของจำเลยเสียใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและการนำสืบพยานเพิ่มเติม
การร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสี่นั้น กฎหมายมิได้บังคับว่าเมื่อมีผู้ยื่นคำร้องขอดังกล่าวศาลจะต้องอนุญาตและทำการไต่สวน จึงเป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้แล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อคำร้องขอไม่ได้ระบุว่าจำเลยมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดอันจะทำให้เห็นว่าฐานะของจำเลยมิได้เป็นดังเช่นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้ว จึงเป็นการยื่นคำร้องขอที่เลื่อนลอย ไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8238/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ต้องยื่นภายใน 7 วัน มิฉะนั้นขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย จำเลยอาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย แต่จำเลยกลับยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อเกินกำหนดระยะเวลา7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการเพื่ออุทธรณ์หลังศาลยกคำร้องขอเป็นคนอนาถา: กำหนดระยะเวลาและสิทธิในการยื่นคำร้องใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองมีสิทธิดำเนินการเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของตนได้โดยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดกรณีหนึ่ง หรือยื่นคำร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ อีกกรณีหนึ่ง เมื่อจำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการในกรณีหลังก็ต้องยื่นคำร้องเสียภายในกำหนด 15 วัน เช่นเดียวกันเพราะเป็นการใช้สิทธิเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเหมือนกัน แต่จำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ เมื่อพ้นกำหนด15 วัน แล้วจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ตั้งประเด็นในปัญหาว่าโจทก์ไม่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน จึงหมดสิทธิคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการเพื่ออุทธรณ์หลังศาลยกคำร้องขอเป็นคนอนาถา ต้องยื่นภายใน 15 วัน แม้กฎหมายไม่ได้กำหนด
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองมีสิทธิดำเนินการเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของตนได้โดยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดกรณีหนึ่ง หรือยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสี่ อีกกรณีหนึ่ง เมื่อจำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการในกรณีหลังก็ต้องยื่นคำร้องเสียภายในกำหนด 15 วันเช่นเดียวกันเพราะเป็นการใช้สิทธิเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเหมือนกัน แต่จำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ เมื่อพ้นกำหนด15 วัน แล้วจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ตั้งประเด็นในปัญหาว่าโจทก์ไม่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน จึงหมดสิทธิคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการเพื่ออุทธรณ์หลังศาลยกคำร้องขอเป็นคนอนาถา ต้องกระทำภายในกำหนดเวลาที่ศาลกำหนด
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์จำเลยทั้งสองมีสิทธิดำเนินการเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของตนได้โดยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน15วันตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดกรณีหนึ่งหรือยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคสี่อีกกรณีหนึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการในกรณีหลังก็ต้องยื่นคำร้องเสียภายในกำหนด15วันเช่นเดียวกันเพราะเป็นการใช้สิทธิเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเหมือนกันแต่จำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคสี่เมื่อพ้นกำหนด15วันแล้วจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ตั้งประเด็นในปัญหาว่าโจทก์ไม่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นภายใน8วันจึงหมดสิทธิคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นจำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8188/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและการรับผิดร่วมในค่าฤชาธรรมเนียม: สิทธิเฉพาะตัวของจำเลยแต่ละราย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยที่ 1อุทธรณ์พร้อมกับขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แต่การยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลรวมทั้งเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถานั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยแต่ละคน แม้ศาลจะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาก็ไม่มีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย ดังนั้นจำเลยที่ 2 ซึ่งยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ งดสืบพยานจำเลยที่ 2 โดยเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท จะขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 งดการวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายความซึ่งต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นจนกว่าศาลจะมีคำสั่งคำร้องขอดำเนินคดีอย่าง คนอนาถาของจำเลยที่ 1 แล้วไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8188/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการคดีอย่างคนอนาถาไม่ผูกพันจำเลยร่วมกัน และค่าธรรมเนียมศาลกับการวางเงินค่าธรรมเนียมเป็นคนละส่วนกัน
การยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลรวมทั้งเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 157 นั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยแต่ละคน แม้ศาลจะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาก็ไม่มีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วยแต่อย่างใด ค่าขึ้นศาลเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งซึ่งกฎหมายบังคับให้คู่ความที่ยื่นคำฟ้อง ฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกา จะต้องเสียในขณะยื่นคำฟ้อง กับการวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งในการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกานั้น เป็นเงินคนละส่วนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8188/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ส่งผลถึงลูกหนี้ร่วมกัน และค่าธรรมเนียมศาลกับการวางเงินค่าธรรมเนียมเป็นคนละส่วนกัน
การยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลรวมทั้งเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา157นั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยแต่ละคนแม้ศาลจะอนุญาตให้จำเลยที่1ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาก็ไม่มีผลถึงจำเลยที่2ด้วยแต่อย่างใด ค่าขึ้นศาลเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งซึ่งกฎหมายบังคับให้คู่ความที่ยื่นคำฟ้องฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาจะต้องเสียในขณะยื่นคำฟ้องกับการวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งในการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกานั้นเป็นเงินคนละส่วนกัน
of 13