พบผลลัพธ์ทั้งหมด 140 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิมรดกกรณีสมรสซ้อน: สุจริตของผู้สมรสย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติให้ใช้บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 5 บัญญัติว่า "บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของการหมั้น การสมรส ฯลฯ" ดังนั้น ปัญหาว่าการสมรสของโจทก์หรือของจำเลยฝ่ายใดจะสมบูรณ์และมีสิทธิได้รับมรดกของสามีที่ตายจึงต้องวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เดิมจะนำบรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ซึ่งออกมาใช้บังคับขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาขึ้นมาปรับแก่คดีหาได้ไม่
คำว่า สิทธิ ตามมาตรา 1494 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติว่า เหตุที่การสมรสถูกเพิกถอนไม่เป็นผลให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสียสิทธิที่ได้มา เพราะการสมรสนั้น มีความหมายรวมถึงสิทธิในการรับมรดกด้วย ดังนั้น แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับเจ้ามรดกจะเป็นโมฆะและต้องถูกเพิกถอนเพราะเจ้ามรดกมีจำเลยเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่า โจทก์ทำการสมรสโดยสุจริตโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกตามมาตรา 1494 ดังกล่าว
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยแถลงว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างเจ้ามรดกกับโจทก์จำเลยต่างก็สุจริต ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามทะเบียนสมรสว่าของฝ่ายใดจะสมบูรณ์และมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกแล้วต่างฝ่ายไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์จำเลยตกลงกันกำหนดประเด็นข้อพิพาทให้ศาลวินิจฉัยซึ่งเป็นการสละข้อต่อสู้ในประเด็นข้ออื่นตามคำฟ้องและคำให้การแล้ว คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเท่าที่คู่ความตกลงกำหนดไว้เท่านั้น จำเลยจะหยิบยกขึ้นกล่าวอ้างต่อมาว่า ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องไม่ใช่ทรัพย์มรดก หรือเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบหาได้ไม่ เมื่อศาลเห็นว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกก็วินิจฉัยต่อไปได้ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกเพียงใด โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การ
คำว่า สิทธิ ตามมาตรา 1494 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติว่า เหตุที่การสมรสถูกเพิกถอนไม่เป็นผลให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสียสิทธิที่ได้มา เพราะการสมรสนั้น มีความหมายรวมถึงสิทธิในการรับมรดกด้วย ดังนั้น แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับเจ้ามรดกจะเป็นโมฆะและต้องถูกเพิกถอนเพราะเจ้ามรดกมีจำเลยเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่า โจทก์ทำการสมรสโดยสุจริตโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกตามมาตรา 1494 ดังกล่าว
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยแถลงว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างเจ้ามรดกกับโจทก์จำเลยต่างก็สุจริต ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามทะเบียนสมรสว่าของฝ่ายใดจะสมบูรณ์และมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกแล้วต่างฝ่ายไม่ติดใจสืบพยานบุคคล ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์จำเลยตกลงกันกำหนดประเด็นข้อพิพาทให้ศาลวินิจฉัยซึ่งเป็นการสละข้อต่อสู้ในประเด็นข้ออื่นตามคำฟ้องและคำให้การแล้ว คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเท่าที่คู่ความตกลงกำหนดไว้เท่านั้น จำเลยจะหยิบยกขึ้นกล่าวอ้างต่อมาว่า ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องไม่ใช่ทรัพย์มรดก หรือเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบหาได้ไม่ เมื่อศาลเห็นว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกก็วินิจฉัยต่อไปได้ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกเพียงใด โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ใช่โรงเรือน ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ม.1312
ถังส้วมซิเมนต์ของโรงเรือนของจำเลยรุกล้ำเข้าไปฝังอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต ถังส้วมมิใช่โรงเรือนและอยู่นอกโรงเรือน ไม่เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือน ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 1312
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนตัวผู้เช่าทำให้สัญญาเช่าเดิมระงับ และไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.เช่านา
จำเลยเช่านาโจทก์ทำมาตั้งแต่ พ.ศ.2510 เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ ครั้นพ.ศ. 2517 จำเลยให้บุตรของจำเลยสองคนเช่าทำนาดังกล่าวกับโจทก์ ดังนี้ เป็นการเปลี่ยนตัวผู้เช่าจากจำเลยมาเป็นบุตรของจำเลยเป็นผู้เช่าโดยตรงกับโจทก์ ฉะนั้นสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยจึงระงับสิ้นไปแล้วตั้งแต่พ.ศ.2517 จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 625/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความคุ้มครองของ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 ไม่ครอบคลุมความผิดฐานนำเข้าอาวุธปืนจากต่างประเทศ
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 5 มุ่งคุ้มครองเฉพาะความผิดฐานมีอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามเท่านั้นไม่ คุ้มครองถึงความผิดฐานนำเข้ามาจากภายนอกราชอาณาจักรซึ่งอาวุธปืนดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1299/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประกันภัยกรณีใบอนุญาตขับขี่ขาดต่ออายุ ไม่ถือเป็นการถูกตัดสิทธิโดยผลของกฎหมาย
แม้ขณะเกิดเหตุคนขับรถของโจทก์จะขาดต่ออายุใบอนุญาตให้ขับขี่ก็ตาม หาได้หมายความว่าความสามารถในการขับรถยนต์ของบุคคลนั้นบกพร่อง หรือเสียสิทธิอันต้องห้ามตามกฎหมาย บุคคลนั้นยังคงสามารถที่จะทำการขับรถยนต์ได้โดยปกติตราบเท่าที่ใบอนุญาตให้ขับรถยนต์มิได้ถูกยึดหรือยกเลิกเพิกถอนโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย จึงถือไม่ได้ว่าการขาดต่ออายุใบอนุญาตให้ขับรถยนต์ ของบุคคลนั้นเป็นการถูกตัดสิทธิโดยผลของกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาที่เกิดจากคำพิพากษาศาลก่อนพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ไม่ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.ดังกล่าว
การเช่านาที่เป็นผลจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งกระทำต่อหน้าศาล และศาลได้พิพากษาและออกคำบังคับเสร็จสิ้นไปแล้ว ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ออกใช้บังคับ การเช่านาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและคำบังคับตามคำพิพากษา พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ย่อมไม่ลบล้าง หรือให้ความคุ้มครองถึงการเช่านาที่ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วอย่างในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเอกสารโดยรู้ว่าเป็นของผู้ซื้อรายอื่น ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ห้างโจทก์มิใช่ผู้สั่งซื้อสินค้ารายพิพาทและทราบอยู่แล้วว่าบริษัทผู้ขายส่งของมาโดยลงชื่อผู้รับผิดเป็นห้างโจทก์ แท้จริงเจ้าของสินค้าคือจำเลยที่ 2 แต่โจทก์ก็ยังรับใบอินวอยส์ ตั๋วแลกเงิน และใบตราส่งจากธนาคาร ถือได้ว่าโจทก์รับเอกสารต่างๆ ดังกล่าวไว้โดยไม่สุจริต โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ที่จะได้รับความคุ้มครองหรือรับประโยชน์จากบทกฎหมายมาตรา 614,615 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การใส่ความให้เสียหายโดยมีเจตนาเฉพาะตัว ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
บริษัทโจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์รายวันแนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์มีโจทก์ที่ 2 เป็นผู้อำนวยการ จำเลยที่ 2 เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการจำเลยที่ 3 เป็นบรรณาธิการข่าวในประเทศหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีเงินสวัสดิการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในกองบรรณาธิการรวมหนึ่งล้านเก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันบาทเศษ และบริษัทโจทก์ยังไม่ได้แบ่งรายได้ค่าโฆษณาเข้าสมทบอีก 1,247,402 บาท 40 สตางค์ จำเลยที่ 2,3 กับเจ้าหน้าที่ในกองบรรณาธิการหลายสิบคนเข้าชื่อกันมีหนังสือถึงโจทก์ที่ 2 ให้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเข้าสมทบเงินสวัสดิการ โจทก์ไม่ยอมจ่าย เพราะเกรงว่าจำเลยที่ 2 จะเอาไปจ่ายให้เฉพาะผู้ที่ออกจากงานพร้อมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งมีเหตุที่จะอ้างเช่นนั้นได้และต่อมาก็ปรากฏว่าเงินสวัสดิการหนึ่งล้านเก้าแสนบาทเศษที่อยู่ที่จำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 2 ได้จ่ายให้ผู้ที่ออกจากงานพร้อมกับจำเลยที่ 2 จนหมดสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องโจทก์บิดพลิ้วไม่ยอมจ่ายเงินฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2 เขียนข้อความลงในหน้าหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิไทม์ จำหน่ายโฆษณาแก่ประชาชนทั่วราชอาณาจักรกล่าวหาว่าโจทก์โกงแม้กระทั่งเงินสวัสดิการของออฟฟิสบอยและคนถูบ้านก็ดี โจทก์มีเหลี่ยมโกงและทำความระยำก็ดีตลอดจนเปลี่ยนนามสกุลโจทก์ที่ 2 เป็นเบี้ยวตระกูล ซึ่งคำว่าเบี้ยวนี้ จำเลยที่ 2 ก็ยอมรับว่าหมายถึงฉ้อโกง ดังนี้ก็ดี หาเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียของตน หรือเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมไม่ แต่เป็นเรื่องจำเลยที่ 2 มุ่งใส่ความโจทก์ทั้งสองให้ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้เขียนและบรรณาธิการจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ประกอบด้วยมาตรา 326
ได้ความเพียงว่าจำเลยที่ 2 ผู้เป็นประธานกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้หมิ่นประมาทโจทก์เพราะมีสาเหตุกันเป็นส่วนตัว ข้อเท็จจริงยังไม่พอฟังว่ากระทำไปในฐานะประธานกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 บริษัทจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย
ได้ความเพียงว่าจำเลยที่ 2 ผู้เป็นประธานกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้หมิ่นประมาทโจทก์เพราะมีสาเหตุกันเป็นส่วนตัว ข้อเท็จจริงยังไม่พอฟังว่ากระทำไปในฐานะประธานกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 บริษัทจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลในกรณีความตายจากเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่เจาะจง
จำเลยทำสัญญาประกันภัยรับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้กับ ส. ผู้ตาย โดยมีข้อสัญญาว่า ถ้า ส. ถึงแก่กรรม จำเลยจะต้องจ่ายเงินให้แก่บุตรของ ส. ทั้งสามคนตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งมีข้อยกเว้นว่า กรมธรรม์ประกันภัยไม่คุ้มครองถึงความตายที่เกิดจากถูกฆาตกรรม แต่การที่คนร้ายขว้างลูกระเบิดไปยังโต๊ะอาหารโดยตั้งใจฆ่าคนอื่นที่นั่งอยู่กับ ส. แล้วสะเก็ดระเบิดถูก ส. ด้วยนั้น ความตายของ ส. ไม่ได้เกิดจากถูกฆาตกรรม แต่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ จำเลยจึงต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่บุตรทั้งสามของ ส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 518/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยรถยนต์: “ถูกขโมยทั้งคัน” ครอบคลุมการปล้นทรัพย์ด้วย
สัญญาประกันภัยรถยนต์ซึ่งบริษัทจำเลยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ผู้เอาประกันภัยมีข้อความ รวมถึงกรณีรถถูกขโมยทั้งคันด้วย คำว่า "ถูกขโมยทั้งคัน" ตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวนอกจากมีความหมายถึงการที่รถถูกคนร้ายลักไปแล้ว ย่อมหมายความรวมถึงการที่รถถูกคนร้ายปล้นเอาไปด้วย