คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 502 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรมธรรม์ประกันภัย: การยกเว้นความรับผิดเมื่อผู้ขับขี่ใบอนุญาตหมดอายุ แต่ความเสียหายมิใช่จากความประมาท
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่าจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่เพียงใดโดยกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อนก่อนสืบพยานโจทก์คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์พิพาทไว้แก่จำเลยตามกรมธรรม์ประกันภัยท้ายคำแถลงของจำเลยและผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์เกินกว่า180วันและขอให้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ1.10และ3.9.2เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่โจทก์และจำเลยแถลงไม่สืบพยานศาลชั้นต้นจึงได้นัดฟังคำพิพากษาดังนี้กรณีจึงถือได้ว่าโจทก์และจำเลยได้สละข้อต่อสู้อื่นๆแล้วทั้งตามคำให้การของจำเลยจำเลยก็มิได้อ้างเหตุว่าผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้เป็นฝ่ายประมาทดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้ไม่ได้ขับรถโดยประมาทนั้นกรณีจึงเป็นไปตามคำฟ้องของโจทก์การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นจึงเป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้วและหาใช่เป็นการวินิจฉัยเกินไปหรือนอกเหนือจากคำฟ้องไม่ ตามตารางกรมธรรม์ข้อ1.10มีข้อความว่า"บริษัทอาจจะไม่รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์นี้เว้นแต่ผู้เอาประกันภัยได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาประกันภัยและเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์นี้"ซึ่งมีความหมายรวมถึงเงื่อนไขตามข้อกำหนดของสัญญาทุกๆข้อและรวมถึงข้อ3.9ตอนท้ายด้วยและข้อ3.9.2มีข้อความว่า"การขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใดๆหรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกิน180วันฯลฯในเวลาเกิดอุบัติเหตุ"และตอนท้ายของข้อ3.9มีข้อความว่า"การยกเว้นตามข้อ3.9จะไม่นำมาใช้ในกรณีที่ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นและมิใช่ความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์นี้"ดังนี้เมื่อผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้แม้จะขาดต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์เกิน180แต่กรณีที่ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นและมิใช่เป็นความประมาทของผู้ขับจำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ตามตารางกรมธรรม์ข้อ1.10ต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิเคราะห์พยานหลักฐานความประมาทในคดีรถชน: จำเลยไม่ได้ประมาทเนื่องจากผู้ตายไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร
จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ80ถึง90กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อขับรถมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีรถแล่นอยู่ข้างหน้าเห็นผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ตัดข้ามถนนจำเลยใช้สัญญาณแตรเตือน2ครั้งก่อนหักหลบไปทางขวาแต่ผู้ตายตกใจเร่งเครื่องยนต์พุ่งออกมาอีกจำเลยห้ามล้อรถยนต์แล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถได้ทันทีเมื่อปรากฏว่าเส้นทางเดินรถของจำเลยเป็นทางเอกซึ่งผู้ตายจะต้องหยุดรอให้รถของจำเลยผ่านไปก่อนประกอบกับขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนการที่ผู้ตายเห็นแสงไฟรถของจำเลยยังขับข้ามถนนจนเกิดชนกันขึ้นเป็นการพ้นวิสัยที่จำเลยจะหลีกเลี่ยงได้จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งบุคคลที่อยู่ในภาวะเช่นจำเลยต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้วแม้รอยห้ามล้อรถจำเลยจะยาวประมาณ22เมตรก็ไม่อาจบ่งชี้ว่าจำเลยขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของรถที่แล่นสวนมาเมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมายังไม่เพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยกระทำโดยประมาทจึงฟังลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีขับรถประมาทต้องอาศัยการพิสูจน์ความประมาทตามฟ้อง การนำสืบเกินคำฟ้องไม่อาจรับฟังได้
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยประมาทขับรถล้ำเส้นแบ่งกลางถนนเข้าไปชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับในช่องเดินรถของผู้ตายแต่อย่างใด การที่โจทก์ร่วมนำสืบไปในทำนองเช่นนั้นจึงเป็นการนำสืบนอกคำฟ้องไม่อาจรับฟังได้ ผู้ตายเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ล้ำเส้นแบ่งกลางถนนเข้ามาชนกับรถยนต์กระบะที่จำเลยขับในช่องเดินรถของจำเลยเมื่อไม่ปรากฎจากการนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้อง ย่อมไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เช่าซื้อรถมีสิทธิทำประกันภัย และผู้รับประกันภัยต้องรับผิดในค่าเสียหายที่เกิดจากความประมาทของผู้ขับ
โจทก์ผู้เช่าซื้อรถโดยสารเป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถที่เช่าซื้อมีสิทธิเอาประกันภัยความเสียหายอันอาจเกิดแก่รถนั้นได้เมื่อโจทก์นำรถนั้นไปร่วมรับส่งคนโดยสารกับบริษัท ขนส่ง จำกัดเพื่อหาประโยชน์ร่วมกันแล้วไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอกโดยประมาทเลินเล่อโจทก์และบริษัท ขนส่ง จำกัดจึงต้องร่วมกันรับผิดโดยจำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในนามของโจทก์เมื่อโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายไปแล้วจึงมีสิทธิเรียกให้จำเลยรับผิดใช้เงินดังกล่าวแก่โจทก์ส่วนเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ตกลงยินยอมเสนอหรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยเป็นข้อตกลงเพื่อป้องกันมิให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นจำเลยจะยกเอาเงื่อนไขนี้มาปัดความรับผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7231/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถชนคนข้ามถนน ผู้ขับมีหน้าที่ต้องระมัดระวังและให้สิทธิคนเดินเท้า
จำเลยขับรถโดยสารมาติดสัญญาณจราจรไฟสีแดงหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นคันแรกโดยจอดอยู่ช่องขวาสุดริมเกาะกลางถนนเพื่อเลี้ยวขวาไปทางท่าช้าง เวลาเดียวกันส.และผู้ตายกำลังจะข้ามถนนเมื่อส. และผู้ตายก้าวลงจากทางเท้าข้ามถนนตรงทางข้ามนั้นเป็นจังหวะเดียวกับสัญญาณไฟจราจรซึ่งอยู่ข้างหน้าจำเลยเปลี่ยนเป็นไฟสีเขียว จำเลยจึงเร่ง ออกรถโดยไม่ทันดูว่าส. และผู้ตายกำลังข้ามถนนในทางข้ามอยู่ ถึงแม้จำเลยจะเลี้ยงขวาเมื่อสัญญาณจราจรไฟสีเขียว จำเลยก็จะต้องขับรถด้วยความระมัดระวังและต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้ามด้วยตามมาตรา 22(4) วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 จำเลยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นการขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ ส. ได้รับอัตราสาหัสและผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 22(4),43(4),152 และ 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการขับรถตัดหน้าและอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารทางการแพทย์
เมื่อช่องว่างระหว่างเกาะกลางถนนมีรูปเป็นส่วนโค้งและส่วนเว้าที่แสดงว่าเป็นช่องกลับรถของรถที่สวนทางมา แต่ไม่ใช่ช่องกลับรถของรถจำเลยที่สวนทางไป และยังมีป้ายเครื่องหมายจราจรห้ามกลับรถปักไว้ตรงหัวเกาะ การที่ ว.ขับรถบรรทุกของจำเลยเคลื่อนออกจากไหล่ทาง แล้วเลี้ยวขวาตัดหน้ารถทางตรงที่แล่นตามมาเพื่อจะกลับรถข้ามไปยังอีกถนนหนึ่งนั้น โดยปกติวิสัยจะต้องใช้ความระมัดระวังดูแลให้รถที่แล่นตามมาได้ผ่านพ้นไปให้ปลอดภัยเสียก่อน ว. ขับรถบรรทุกเลี้ยวขวาตัดหน้ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ในระยะกระชั้นชิดโดยไม่ระมัดระวังดูแลดังกล่าวเป็นเหตุให้รถเฉี่ยวชนกัน จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของ ว. แต่ฝ่ายเดียว
การที่ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลหายไป หาอยู่2 - 3 วัน ก็ไม่พบ กรณีจึงถือได้ว่าต้นฉบับเอกสารสูญหาย เมื่อศาลยอมรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวก็เท่ากับศาลอนุญาตให้นำสำเนาเอกสารมาสืบแทนต้นฉบับ ศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารนั้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93(2) และมีอำนาจกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่ารักษพยาบาลแก่โจทก์ตามเอกสารดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6425/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์จากความเสียหายสินค้าอันเกิดจากระบบป้องกันอัคคีภัยบกพร่องและการจัดเก็บสารเคมีไม่ถูกต้อง
โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าเคมีภัณฑ์ของแข็งไวไฟประเภทถ่านผงสีดำซึ่งผู้เอาประกันสั่งซื้อจากประเทศสหรัฐอเมริกา สินค้าดังกล่าวขนส่งมาถึงประเทศไทยการท่าเรือแห่งประเทศไทยจำเลยที่3ซึ่งเป็นผู้รับฝากทรัพย์โดยมีบำเหน็จค่าฝากได้รับฝากสินค้าดังกล่าวไว้โดยนำไปเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้าอันตรายของจำเลยที่3บริเวณท่าเรือกรุงเทพต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้คลังสินค้าอันตรายของจำเลยที่3ทำให้สินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้วจึงรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาฟ้องคดีนี้ได้ สถานที่ที่จำเลยที่3นำสินค้าเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นสารเคมีประเภทของแข็งไวไฟไปเก็บรักษาไว้ได้แก่คลังสินค้าอันตรายนั้นมีการจัดเก็บสารเคมีอื่นที่อาจทำปฏิกริยากับสินค้าดังกล่าวรวมอยู่ด้วยและสถานที่ที่จัดเก็บมีระบบการป้องกันและระงับอัคคีภัยที่ไม่มีประสิทธิภาพดีเพียงพอดังนั้นเมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นซึ่งมีสาเหตุมาจากการกระทำปฏิกริยาทางเคมีของสารเคมีที่เก็บไว้รวมกันแล้วลุกลามไหม้สินค้าพิพาทเสียหายจึงถือได้ว่าจำเลยที่3มิได้ใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินที่รับฝากเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้นตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา659วรรคสองบัญญัติไว้จำเลยที่3จึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6362/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังภาพถ่ายเอกสารประกอบการพิจารณาคดี และการวินิจฉัยความประมาทจากภาพถ่ายความเสียหายของรถยนต์
คู่ความทั้งสองฝ่ายต่างไม่ได้ตัวโจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 1ผู้ซึ่งขับรถยนต์ที่ชนกันทั้งสองคันมาเบิกความต่อศาล แม้จำเลยที่ 2 จะมีสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีมาแสดงว่าพนักงานสอบสวน เปรียบเทียบปรับโจทก์ที่ 2 ให้ข้อหาขับรถโดยประมาท แต่รายงานดังกล่าวเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งที่ จำเลยที่ 2 อ้างเข้ามาเพื่อสนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงของตนซึ่งศาลมีอำนาจเต็มที่ในอันที่จะวินิจฉัยพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 2 นำมาสืบนั้นเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ เมื่อนำข้อเท็จจริงที่ปรากฏในรายงานดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับภาพถ่ายความเสียหายของรถยนต์เกิดเหตุทั้งสองคันแล้วปรากฏว่าข้อเท็จจริงขัดกัน เชื่อว่าเหตุเกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ตามที่ปรากฏในภาพถ่าย แม้โจทก์จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารค่าซ่อมรถให้จำเลยแต่ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบเพราะโจทก์ได้แนบภาพถ่ายใบเสนอราคาและใบสั่งจ่ายที่โจทก์ชำระค่าซ่อมรถมาท้ายฟ้องทั้งเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลจึงมีอำนาจรับฟังได้ เอกสารที่ต้นฉบับหายศาลชั้นต้นยอมให้สืบพยานบุคคลประกอบสำเนาภาพถ่าย ถือได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้นำสำเนาภาพถ่ายมาสืบจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5947/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดจากความเข้าใจผิดเรื่องวันที่ ศาลไม่รับรองเหตุผล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์เพียงวันที่14 มกราคม 2537 ต่อมาวันที่ 24 มกราคม 2537 โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่าดูตัวเลข 14 เป็น 24 จึงเข้าใจว่าศาลอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 24 มกราคม 2537 ดังนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นได้เขียนวันที่ไว้ชัดเจนแล้วการดูวันที่ผิดเป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยตามป.วิ.พ. มาตรา 23 โจทก์ยื่นอุทธรณ์วันที่ 24 มกราคม 2537 จึงพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตขยายให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5092/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยความประมาทและการแบ่งความรับผิดในคดีรถชน ศาลฎีกาชี้ว่าการวินิจฉัยความประมาทของทั้งสองฝ่ายไม่เกินกรอบประเด็นอุทธรณ์
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค3ฟังข้อเท็จจริงว่าจ.ผู้ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้มีส่วนประมาทโจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้นั้นเป็นปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดว่าเหตุเกิดจากความประมาทของจำเลยที่1หรือไม่อันมีความหมายรวมไปถึงว่าความประมาทดังกล่าวจะมีผลทำให้จำเลยที่1ต้องรับผิดต่ออีกฝ่ายหรือไม่เพียงใดและที่ศาลอุทธรณ์ภาค3วินิจฉัยว่าเหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่1และจ.ซึ่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันค่าเสียหายทั้งสองฝ่ายจึงเป็นพับไปนั้นเป็นการวินิจฉัยไปตามพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยในประเด็นพิพาทไม่เป็นการฟังข้อเท็จจริงขึ้นใหม่โดยไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์
of 51