คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดต่างกรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4385/2562

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกระทำชำเรา หน่วงเหนี่ยวกักขัง และข่มขืนใจ แม้เป็นการกระทำต่อเนื่อง แต่เป็นความผิดต่างกรรมกัน
ภายหลังจากจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 โจทก์ยังฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 310 วรรคแรก จากกรณีที่จำเลยจับผู้เสียหายที่ 1 มัดไว้กับเก้าอี้เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง และฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต จนผู้ถูกข่มขืนใจกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคแรก จากกรณีที่จำเลยข่มขู่ผู้เสียหายที่ 1 มิให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกผู้ใด มิฉะนั้นจะใช้มีดฟันให้ตาย เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งด้วย ซึ่งลักษณะความผิดในแต่ละข้อหาดังกล่าวแม้จะเป็นการกระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงอยู่ในวาระเดียวกันโดยมุ่งหมายมิให้ผู้เสียหายที่ 1 บอกเรื่องที่จำเลยกระทำต่อบุคคลอื่น แต่ความผิดทั้งสองข้อหาดังกล่าวอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากความผิดฐานกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 ได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่ไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยครบทุกกรรมได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8170/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: ความผิดต่างกรรมกันจากการก่อสร้างต่อเนื่องและหลอกลวงค่าจ้าง
แม้ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4510/2556 และ 2355/2557 ของศาลชั้นต้น จะมีมูลกรณีสืบเนื่องมาจากสัญญาจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าฉบับเดียวกัน และโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเดียวกันก็ตาม แต่การทำงานตามสัญญาจ้างฉบับเดียวกัน แม้ต้องกระทำต่อเนื่องกันไป ตามสัญญาหากลักษณะของความผิดตามฟ้องเป็นการกระทำที่มีเจตนาแตกต่างกันและต่างขั้นตอนกัน ซึ่งสามารถแยกการกระทำแต่ละอันออกต่างหากจากกันได้ ทั้งเป็นการกระทำที่มุ่งประสงค์ให้มีผลต่างกรรมกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตาม ป.อ. มาตรา 91 ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ที่ 5 ที่ 8 และที่ 9 นำสืบรับกันได้ความว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าของโจทก์ตามสัญญาจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้า มีการกำหนดแบบการก่อสร้างและประเภทกับขอบเขตของงานที่จำเลยที่ 1 จะต้องกระทำและส่งมอบงานให้แก่โจทก์ตามสัญญาไว้อย่างชัดแจ้งโดยจำเลยที่ 1 จะจัดทำรายละเอียดความคืบหน้าของงานและใบส่งมอบงาน ส่งมอบให้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ ทุกเดือนไปและโจทก์จะจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่จำเลยที่ 1 ตามผลงานที่ทำได้จริงในแต่ละงวดดังกล่าวภายใต้การควบคุมงานและการตรวจสอบความถูกต้องของงานกับเอกสารที่เกี่ยวข้องของจำเลยที่ 3 ถึงที่ 9 ซึ่งโจทก์มอบหมายให้เป็นคณะกรรมการตรวจรับและผู้ควบคุมงานจ้าง ส่วนการทำงานเกี่ยวกับการทำหม้อไอน้ำเพิ่มเติมตามฟ้องโจทก์ในคดีนี้ก็เป็นการทำงานในส่วนที่ที่ประชุมบริษัทโจทก์มีมติให้ทำเพิ่มเติมขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าให้ดีขึ้น โดยโจทก์ตกลงจะช่วยเหลือเกี่ยวกับราคาที่เพิ่มจากที่ประมาณการไว้ 14,400,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเห็นได้ชัดว่าในการทำงานส่วนที่เกี่ยวกับการทำหม้อไอน้ำเพิ่มเติมของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยการควบคุมงานกับการตรวจสอบความถูกต้องของงานดังกล่าวของจำเลยที่ 3 ถึงที่ 9 ตามฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นการกระทำต่างขั้นตอนกันกับการกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4510/2556 และ 2355/2557 ของศาลชั้นต้น อันเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะต้องกระทำการก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามสัญญาจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้า และส่งมอบงานที่จำเลยที่ 1 ทำคืบหน้าไปในแต่ละเดือนให้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ ทุกเดือนภายใต้การควบคุมงานและการตรวจสอบความถูกต้องของงานของจำเลยที่ 3 ถึงที่ 9 ซึ่งสามารถแยกการทำงานในแต่ละคดีดังกล่าวต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยทั้งเก้าในคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4510/2556 และ 2355/2557 ของศาลชั้นต้น จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาแตกต่างกันและมุ่งประสงค์ให้มีผลต่างกรรมกัน การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ตามฟ้องโจทก์ คดีนี้จึงเป็นความผิดต่างกรรมกันกับการกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4510/2556 และ 2355/2557 ของศาลชั้นต้น ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4510/2556 และ 2355/2557 ของศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าวและพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงเป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 208 (2) จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเป็นความผิดต่างกรรมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ ก. ว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 2,200 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แล้วจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 240,000 บาท อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และในฟ้องข้อ ค. โจทก์บรรยายว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึกอีก 2 ซอง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แสดงว่า สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น โจทก์ขอให้ลงโทษ 2 กระทง กระทงแรกในความผิดที่เกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 2,200 เม็ด กระทงหลังในส่วนที่เกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้แก่สายลับจำนวน 2,200 เม็ด จากนั้นในวันเดียวกันและทันทีต่อเนื่องกัน เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 ยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีก 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ถือว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาครอบครองเมทแอมเฟตามีนทั้งสองจำนวนรวม 2,462 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันอันเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน กับฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,200 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวกัน จึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากได้เพราะเกินคำขอและต้องห้ามนั้น จึงไม่ถูกต้อง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 2,200 เม็ด และจำหน่ายให้แก่สายลับไปหมดแล้ว ต่อมาในวันเดียวกัน เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 ยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึกอีก 2 ซอง โดยเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองและจำหน่ายไปในตอนแรกจำนวน 2,200 เม็ด กับที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในตอนหลังจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง เป็นคนละจำนวนกัน แม้เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 จำหน่ายไปในตอนแรก เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่การมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเป็นความผิดที่มีเจตนาในการกระทำผิดแยกจากกันได้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วจำหน่ายให้สายลับไปจำนวน 2,200 เม็ด และยังร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนอยู่ที่บ้านอีกจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง อีกส่วนหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค้ามนุษย์: การบังคับใช้แรงงานด้วยการข่มขู่และควบคุมบุตร การกระทำความผิดต่างกรรมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องแยกการกระทำความผิดฐานให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าวตามฟ้องข้อ 1.4 และ 1.7 เป็นความผิดต่างกรรมกับกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามฟ้องข้อ 1.6 และ 1.9 และชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องข้อ 1.4 ส่วนข้อ 1.7 ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ประกอบกับการกระทำความผิดฐานให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าวย่อมเป็นความผิดสำเร็จนับตั้งแต่ผู้กระทำผิดให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าว ซึ่งสามารถแยกเจตนาและการกระทำออกจากความผิดฐานค้ามนุษย์ได้ ความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจึงมิใช่การกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลจึงชอบที่จะลงโทษในความผิดตามฟ้องข้อ 1.4 และ 1.7 เป็นคนละกรรมกับความผิดฐานค้ามนุษย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095-1096/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมโทษคดียาเสพติดที่ศาลชั้นต้นรวมโทษแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่ควรแก้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดต่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 โดยแยกฟ้องเป็นสองสำนวน และมีคำขอให้นับโทษของจำเลยแต่ละสำนวนต่อกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวมพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน การกระทำของจำเลยในแต่ละสำนวนจึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 โดยเรียงกระทงลงโทษจำเลยในสำนวนแรก จำคุก 25 ปี และปรับ 1,000,000 บาท และสำนวนที่สองจำคุก 25 ปี และปรับ 1,000,000 บาท จึงเป็นการนับโทษจำคุกของจำเลยทุกกระทงในสองสำนวนติดต่อกันแล้ว แม้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกคำขอให้นับโทษต่อ ก็เป็นเพียงการพิพากษาเกินเลยไปเท่านั้น ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องอุทธรณ์แต่อย่างใด เมื่อศาลชั้นต้นนับโทษต่อกันแล้วจึงต้องรวมโทษทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน และนำโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ. 2372/2555 มาบวกเข้ากับโทษจำคุกดังกล่าวด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนบัตรปลอมกับฉ้อโกง: ความผิดต่างกรรมกัน
การสับเปลี่ยนธนบัตรฉบับจริงของผู้เสียหายทั้งสี่และได้ไปซึ่งธนบัตรฉบับจริงของผู้เสียหายทั้งสี่ตามที่จำเลยกับพวกร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสี่เป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง แต่การที่จำเลยกับพวกร่วมกันมีธนบัตรปลอมไว้แล้วนำออกใช้สับเปลี่ยนกับธนบัตรฉบับจริงของผู้เสียหายทั้งสี่เป็นการมีไว้เพื่อนำออกใช้ตามความใน ป.อ. มาตรา 244 ประกอบมาตรา 247 เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่มีการรับธนบัตรนั้นไว้เพื่อนำออกใช้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นธนบัตรปลอม ไม่ใช่เมื่อมีการนำออกใช้ การกระทำความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว จำเลยกับพวกย่อมมีเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกันและสามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดได้ การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรของรัฐบาลต่างประเทศปลอม ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4072/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสมคบองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกับการกระทำความผิดฐานดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน เป็นความผิดต่างกรรมกัน
ความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่มีการสมคบโดยรวมตัวกันเป็นคณะบุคคลกระทำการชักชวน ว. ให้รับตั้งครรภ์แทนผู้อื่น โดยจะให้เงินเป็นการตอบแทนเพื่อกระทำความผิดฐานดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า โดยความผิดดังกล่าวจะกระทำในเขตแดนของรัฐมากกว่าหนึ่งรัฐ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนความผิดฐานดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า เกิดขึ้นเมื่อจำเลยทั้งสองกับพวกให้ ว. ไปรับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วนำเอาตัวอ่อนที่เกิดจากอสุจิผสมกับไข่ใส่เข้าไปในรังไข่ของ ว. ซึ่งสามารถแยกการกระทำและเจตนาในการกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกับความผิดฐานดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้าออกจากกันได้ ความผิดทั้งสองฐานนี้ จึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครองกับการมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองเป็นความผิดต่างกรรมกัน
นอกจากจำเลยจำหน่ายซากเป็ดแดง 54 ซาก ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อแล้ว หลังจากนั้นเมื่อเจ้าพนักงานผู้จับกุมไปตรวจค้นที่บ้านของจำเลยยังพบนกอีโก้ง 2 ตัว ที่ยังมีชีวิตอยู่ในกรงขังภายในบริเวณบ้านของจำเลย การที่จำเลยมีนกอีโก้งซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองของจำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีไว้เพื่อการค้า จึงเป็นการกระทำโดยมีจุดมุ่งหมายหรือเจตนาในการกระทำความผิดต่างกัน ประกอบกับความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 บัญญัติแยกไว้คนละมาตรา โดยความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองและซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ในมาตรา 17 และมาตรา 92 ส่วนความผิดฐานค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่ในมาตรา 29 และมาตรา 89 วรรคหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกัน การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน กรณีไม่ต้องด้วยบทนิยามของคำว่า "ค้า" ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
of 6