คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความร่วมมือ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 142 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงการพนัน: ผู้เสียหายคือผู้ถูกหลอก ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิด การพิสูจน์ความร่วมมือของจำเลยที่ 2
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันหลอกลวง พ. ให้ร่วมเล่นการพนันเพื่อกันมิให้ ส. ต้องเสียเงิน พ. ถูกหลอกลวงจึงร่วมเล่นการพนันด้วย ดังนั้นการพนันจึงเป็น เหตุการณ์ อันหนึ่งที่จำเลยกับพวกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาเงินของ พ. โดยวิธีการอันแนบเนียน พ. ไม่ได้เป็นผู้สร้างเรื่องให้มีการเล่นการพนัน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง พ. จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: การแบ่งแยกความผิดและระดับโทษ
ป. วิวาทกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงใช้เหล็กแป๊ปน้ำยาว 80 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 1 นิ้ว เป็นอาวุธตี ป.ที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญอย่างรุนแรง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้มีก้อนเลือดราว 200 มิลลิลิตร อยู่นอกเยื่อหุ้มสมองและกดสมองจนเป็นเหตุให้ ป. ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุเพียง 2 ชั่วโมงเศษย่อมแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ต้องการฆ่า ป. หรือเล็งเห็นผลได้ว่าทำให้ ป. ถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เพียงแต่วิ่งตามจำเลยที่ 1 และ ป. ไป เมื่อตามไปทันก็ช่วยจับ ป. จนล้มลง และกด ป. ให้นอนลงกับพื้นโดยไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุกับ ป. แต่อย่างใด ทั้งในระหว่างที่วิ่งไล่ตามไปนั้นหากมีเจตนาฆ่า จำเลยที่ 2 ซึ่งมีเหล็กแหลมเป็นอาวุธคงจะแทง ป. แล้ว และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ก็น่าจะทำอะไรมากกว่านั้น แต่หาได้กระทำไม่ การที่จำเลยที่ 3 ส่งเหล็กแป๊ปน้ำให้จำเลยที่ 1 ก็ไม่แน่ว่าส่งให้โดยมีเจตนาให้ใช้ฆ่า ป. และขณะที ป. ถูกจับจนล้มลง หากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 มีเจตนาร่วมกันฆ่า ป. ก็คงจะรุมทำร้าย ป. เสียในตอนนั้นแล้ว คงจะไม่ปล่อยให้ ป.ยืนขึ้นจนถูกจำเลยที่ 1 ใช้เหล็กแป๊ปน้ำตีที่ศีรษะด้านหลังซึ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกันจับ ป. ไว้ให้จำเลยที่ 1ตี และเมื่อ ป. ยืนขึ้นแล้ววิ่งหนี จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4ก็ไม่ได้ไล่ตามไปทำร้าย ป. ซ้ำอีก พฤติการณ์เช่นนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่า ป.คงฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำร้าย ป.เท่านั้น เมื่อผลการทำร้ายเป็นเหตุทำให้ ป. ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการขู่กรรโชกทรัพย์และเจตนาฆ่า แม้ไม่ได้ลงมือเองก็ต้องรับผิดชอบ
จำเลยกับพวกร่วมกันมีจดหมายขู่ผู้เสียหายให้นำเงิน 1 ล้านบาทมอบให้จำเลยกับพวก มิฉะนั้นจะฆ่าผู้เสียหายกับบุตรและภริยาผู้เสียหาย ผู้เสียหายแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจทราบ และได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้เสียหายขับรถไปบริเวณที่จำเลยกับพวกนัดหมายไว้ เมื่อผู้เสียหายขับรถไปถึง พบจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มาติดต่อเพื่อขอรับเงิน จึงถูกเจ้าพนักงานตำรวจที่ติดตามมาจับกุมได้หลังจากนั้นเกิดการยิงต่อสู้ระหว่างพวกจำเลยกับผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจ เช่นนี้ แม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกับพวก แต่ก็เป็นเวลาต่อเนื่องและเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่จำเลยร่วมกันกระทำยังไม่ขาดตอน โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาแต่ต้น ในข้อที่ว่าหากผู้เสียหายไม่ยอมมอบเงินให้ก็จะฆ่าผู้เสียหายเสีย พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจเกิดการกระทำความผิดฐานฆ่าหรือพยายามฆ่าผู้อื่นขึ้นได้ถือได้ว่าเป็นความผิดที่อยู่ในขอบเขตที่จำเลยกับพวกตกลงร่วมกันจะกระทำมาแต่ต้น จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 จึงต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย
จำเลยที่ 3 ใช้รถจักรยานยนต์ขับขี่ติดตามรถยนต์ของผู้เสียหายเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อรับเงินจากการกระทำความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ถือได้ว่ารถจักรยานยนต์เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา, ความร่วมมือ, การกระทำต่างหาก, ไม่เข้าข่ายโทรมหญิง
จำเลยที่ 1 แกล้งทำเป็นถูกผีเข้าสิงเดิน เข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายตกใจวิ่งหนี จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ตาม บีบคอ กดตัวผู้เสียหายลงกับพื้น จำเลยที่ 2 มิได้เข้าร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็นั่งอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 10 วาเมื่อจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายเสร็จแล้ว จำเลยที่ 2จึงเข้ามาลากผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ที่ข้างกอไผ่ ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายพอสมควร โดย จำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่ อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1757/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภริยาผู้ต้องหาจัดหางานต่างประเทศ ไม่มีความร่วมกระทำผิด เพียงช่วยสามีปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
ผู้เสียหายได้พบปะและติดต่อเรื่องการสมัครไปทำงานต่างประเทศกับ ล. ที่ร้านอาหารก่อนแล้วจึงตามไปดูหลักฐานการรับคนงานที่บ้านของ ล. ผู้เสียหายได้พบจำเลยซึ่งเป็นภริยาของ ล. ออกมาต้อนรับและจัดหาเครื่องดื่มรับรองตลอดจนพูดสนับสนุน ความสำคัญของบริษัทที่ ล. ทำงานว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงไม่หลอกลวงและจำเลยยังช่วยนับเงินที่พวกผู้เสียหายจ่ายเป็นค่าสมัครแก่ ล. ดังนี้เป็นเรื่องธรรมดาของภริยาที่จะพึงปฏิบัติ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วยกันกับ ล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเข้าร่วมทำร้าย: การยืนดูเฉยๆ โดยไม่มีพฤติการณ์สนับสนุน ไม่ถือเป็นความร่วมมือ
จำเลยรู้ว่า จ. กับพวกจะไปทำร้ายผู้เสียหาย จึงเดินตาม จ.กับพวกไปที่บ้าน ม. ซึ่งผู้เสียหายกำลังซ้อมดนตรีอยู่กับ ม.และพวก จ. กับพวกอีก 2 คน ขึ้นไปบนบ้านและใช้ไม้ตีทำร้ายผู้เสียหาย ส่วนจำเลยยืนดูอยู่เฉย ๆ ข้างล่างห่างที่เกิดเหตุประมาณ 6 - 10 เมตร ไม่ได้แสดงกริยาอาการจะเข้าร่วมทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยเป็นพรรคพวกของ จ. และมีเจตนาร่วมกับ จ. ทำร้ายผู้เสียหายมาแต่แรก แม้หลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยจะเดินตาม จ. กับพวกไปก็ตาม ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ จ. ทำร้ายผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือชิงทรัพย์และพยายามฆ่า: จำเลยต้องรับผิดชอบการกระทำของพวกด้วย
จำเลยกับพวกอีก 1 คน ชิงรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย โดยจำเลยเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ขวางหน้ารถผู้เสียหาย พวกของจำเลยซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจำเลยชักอาวุธปืนออกมาและบอกให้ผู้เสียหายหยุด เมื่อผู้เสียหายขัดขวางมิให้จำเลยขับรถของผู้เสียหายไปพวกของจำเลยก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทันทีและยิงซ้ำอีกแต่กระสุนไม่ลั่น แล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไปด้วยกัน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยต้องทราบดีว่าพวกของจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวมา โดยจำเลยกับพวกตั้งใจที่จะใช้อาวุธปืนที่เตรียมมานั้นประหัตประหารผู้ที่ต่อสู้ขัดขืนในการที่จำเลยกับพวกทำการชิงทรัพย์ การที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์ และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นความผิดอาญา จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายด้วย.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่าโดยเจตนา และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษจากคำให้การที่เป็นประโยชน์
จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2 คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่า, เจตนา, การกระทำโดยไม่ได้ไตร่ตรอง, ลดโทษจากประโยชน์ในการพิจารณา
จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของผู้ออกเช็คโดยมิได้กรอกจำนวนเงิน: ต้องพิสูจน์เจตนาหรือความร่วมมือในการทุจริต
จำเลยที่ 2 เป็นเพื่อนกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ลงชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท ให้จำเลยที่ 1 ไปโดยยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ จำเลยที่ 1 รับเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2แล้วทำการกรอกข้อความแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารโจทก์กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดชี้ให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นในการทุจริตของจำเลยที่ 1 ในการกรอกข้อความในการ์ดบัญชีกระแสรายวันของจำเลยที่ 2 หรือร่วมมือให้จำเลยที่ 1 กรอกข้อความสั่งจ่ายเงินลงในเช็คพิพาท
of 15