คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษาตามยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6539/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม แม้เจ้าหนี้จะผ่อนผันการชำระหนี้ก็ยังคงมีอยู่
จำเลยที่ 1 ที่ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยอมชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 โดยผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือน เดือนละ 20,000 บาทศาลพิพากษาตามยอม ผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว ศาลออกคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้ให้ตรงตามระยะเวลาเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิบังคับคดีได้ทันที การที่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ยังไม่บังคับคดีและรับชำระหนี้ต่อมาเป็นเพียงการผ่อนผันให้เท่านั้น ไม่ใช่การสละสิทธิในการบังคับคดีหรือสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 154 วรรคสอง โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จะบังคับคดีเมื่อใดก็ได้ตามสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายและเมื่อต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้งวดที่ 13 และ 14 โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จึงขอบังคับคดี การที่ศาลออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมาย แม้ภายหลังผู้ร้องจะชำระหนี้งวดที่ 13 และ 14 โจทก์ที่ 1 ที่ 2 รับไว้ ก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่ 1ที่ 2 ผู้เป็นเจ้าหนี้จะรับชำระหนี้ ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและไม่ทำให้หมายบังคับคดีกลับเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่มีเหตุที่ศาลจะเพิกถอนหมายบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6337/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบังคับคดีหลังคำพิพากษาตามยอม: ระยะเวลาเริ่มต้นนับจากกำหนดชำระหนี้ในสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลพิพากษา ตามยอมพร้อมออกคำบังคับในวันที่ 29 เมษายน 2520 โจทก์จำเลย ลงชื่อรับทราบคำบังคับกำหนดให้จำเลยใช้เงินตาม สัญญาประนีประนอมยอมความแก่โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 6 เดือน การที่โจทก์จะมีสิทธิบังคับคดีและขอให้ศาลออกหมาย บังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271,273,276 ได้นั้นจะต้องให้ระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้เพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับได้ล่วงพ้นไปแล้วโจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยได้ภายในสิบปีตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2520 จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2530

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาตามยอมและการฟ้องเพิกถอน ศาลมีอำนาจยกฟ้องหากคำขอไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้น ซึ่งตามกฎหมายคำพิพากษาของศาลจะเพิกถอนไม่ได้ เว้นแต่จะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข กลับ หรืองดเสีย โดยคำพิพากษาของศาลในลำดับที่สูงกว่าเมื่อคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาในข้อที่ไม่อาจจะพิพากษาให้ได้โดยชอบด้วยกฎหมายเช่นนี้ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำฟ้องและคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ทั้งหมดจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3958/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมและการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลมีอายุความ 10 ปีตามป.พ.พ. มาตรา 168 ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลงซึ่งถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด อายุความเริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้เป็นต้นไปตามมาตรา 169 เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงถือว่าเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 94(1) เจ้าหนี้จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5455/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผู้เยาว์: ผลผูกพันตามคำพิพากษาตามยอม แม้มิได้ขออนุญาตศาล
สัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมทำแทนจำเลยที่ 3 ผู้เยาว์ในศาล โดยมิได้ขออนุญาตจากศาลตามป.พ.พ. มาตรา 1574 ก่อน แต่เป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลชั้นต้นซึ่งมีอำนาจอนุญาตให้ผู้แทนโดยชอบธรรมทำแทนผู้เยาว์และศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาตามยอมมีผลผูกพันจำเลยที่ 3 ผู้เยาว์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5323/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาการเรียกรับเงินที่วางศาลตามคำพิพากษาตามยอม เริ่มนับจากวันที่วางเงิน ไม่ใช่วันที่รู้เรื่อง
เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมนั้น ย่อมเป็นเงินที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 323 ซึ่งโจทก์ในฐานะผู้มีสิทธิเรียกเอาเงินดังกล่าวจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาลอันเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเอาเงินนั้นได้ หาใช่นับจากวันที่โจทก์ได้รู้ว่ามีการวางเงินไม่ เมื่อโจทก์มิได้เรียกเอาเงินดังกล่าวภายใน 5 ปี เงินจำนวนนี้จึงตก เป็นของแผ่นดินและโจทก์เป็นอันสิ้นสิทธิที่จะขอรับไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอม และสิทธิเรียกร้องเงินคืนหลังชำระหนี้
โจทก์จำเลยตกลง ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ถ้า โจทก์เห็นว่าคำพิพากษาดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไรก็ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาให้ศาลสูงแก้ไขได้ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 โจทก์จะมายื่นฟ้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาของศาลนั้นเองไม่ได้ เพราะคำพิพากษามีผลผูกพันคู่ความนับตั้งแต่วันที่ได้อ่านแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาตามยอมมีผลผูกพันคู่ความ การแก้ไขต้องใช้วิธีอุทธรณ์ฎีกา ไม่ใช่ฟ้องใหม่
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ถ้าโจทก์เห็นว่าคำพิพากษาดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไร ก็ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาให้ศาลสูงแก้ไขได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 โจทก์จะมายื่นฟ้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาของศาลนั้นเองไม่ได้ เพราะคำพิพากษามีผลผูกพันคู่ความนับตั้งแต่วันที่ได้อ่านแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาตามยอมต่อบุคคลภายนอกและสิทธิในสัญญาจะซื้อขาย
จำเลยที่ 4 เคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยที่ 4 มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเกินกว่าส่วนที่ควรจะได้ ดังนี้ไม่ใช่คำพิพากษาแสดงหรือวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ที่ดินย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้ว่าโจทก์เป็นผู้จะซื้อที่ดินแปลงนั้นจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ก็ตาม คำพิพากษาตามยอมบังคับโจทก์ไม่ได้ และไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3781/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันของคำพิพากษาตามยอมต่อผู้เยาว์ที่เป็นคู่ความโดยมีผู้แทนโดยชอบธรรม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลและศาลได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว แม้จำเลยที่ 3 เป็นผู้เยาว์แต่ก็เป็นคู่ความในคดีอยู่แล้วโดยมีผู้แทนโดยชอบธรรม คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันจำเลยที่ 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145
of 13