พบผลลัพธ์ทั้งหมด 157 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขาดตอนจากผู้โอนคนแรกที่ได้มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ผู้รับโอนคนต่อมาจึงไม่ต้องรับผิด
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์จึงอ้างสิทธิของตนขึ้นใช้ยันจำเลยที่ 3 ผู้รับโอนคนใหม่ไม่ได้ ไม่ว่าจำเลยที่ 3 จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยสุจริตหรือไม่ เพราะสิทธิของโจทก์ได้ขาดตอนไปแล้วตั้งแต่ครั้งจำเลยที่ 2 รับโอนทางทะเบียนโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5310/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางต้องเป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดิน ไม่ใช่การเสียค่าตอบแทน
การได้สิทธิในทางภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 1401 ประกอบมาตรา 1382 ต้องได้ใช้ทางโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเพื่อให้ได้ทางภาระจำยอม การใช้ทางโดยเสียเงินค่าตอบแทนแก่เจ้าของที่ดินจึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิในทางนั้น โดยการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินแม้จะใช้ทางมาเกินกว่า 10 ปี ก็ไม่อาจอ้างว่าได้สิทธิภาระจำยอมตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5310/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความต้องเป็นการใช้ทางโดยปรปักษ์ การเสียค่าตอบแทนไม่ใช่การใช้โดยปรปักษ์
การได้สิทธิในทางภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบมาตรา 1382 จะต้องเป็นกรณีที่ได้ใช้ทางดังกล่าว โดยปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเพื่อให้ได้ทางภารจำยอม การที่โจทก์ใช้ทางพิพาทโดยเสียเงินค่าตอบแทนแก่เจ้าของที่ดินเดิม จึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิในทางพิพาทในที่ดินโดยการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินแม้จะเป็นเวลาเกินกว่า10 ปี ก็ไม่อาจอ้างว่าได้สิทธิภารจำยอมในทางพิพาทตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้ที่ดินโดยมีเงื่อนไขอุปการะเลี้ยงดูบุตร ถือเป็นการให้มีค่าตอบแทน
แม้ในหนังสือสัญญาให้ที่ดินเฉพาะส่วน ข้อ 4 จะมีข้อความระบุว่าเป็นการให้โดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน แต่ในข้อ 6 ยังมีข้อความระบุไว้อีกต่างหากว่า จำเลยที่ 2 ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเกิดแต่จำเลยที่ 1 อีก 3 คนด้วย ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรตามสมควรในระหว่างบุตรยังเป็นผู้เยาว์ข้อความดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งว่าเป็นเงื่อนไขที่จำเลยที่ 2 จำต้องปฏิบัติตามเป็นการแลกเปลี่ยนกับการที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 จำต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู และให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ทั้ง 3 คน แทนจำเลยที่ 1 ในส่วนที่จำเลยที่ 1จะต้องรับผิดชอบด้วย อีกนัยหนึ่งก็คือจำเลยที่ 1 ใช้มูลค่าของที่ดินพิพาทส่วนของตนมอบแก่จำเลยที่ 2 ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาของบุตรผู้เยาว์ ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องกระทำ จึงถือได้ว่าการให้ดังกล่าวเป็นการให้โดยมีค่าตอบแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยมีค่าตอบแทนทางอ้อม (อุปการะเลี้ยงดูบุตร) ไม่ถือเป็นการให้โดยเสน่หา ทำให้ไม่อาจเพิกถอนการโอนได้
แม้ในหนังสือสัญญาให้ที่ดินจะมีข้อความระบุว่า เป็นการให้โดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทน แต่ยังมีข้อความระบุไว้อีกว่าจำเลยที่ 2ผู้รับให้ต้องรับอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ของจำเลยทั้งสองอีก 3 คนด้วย ข้อความดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งว่า เป็นเงื่อนไขที่จำเลยที่ 2 จำต้องปฏิบัติตามเป็นการแลกเปลี่ยนกับการที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของตนให้จำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 จำต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ทั้ง 3 คนแทนจำเลยที่ 1 ในส่วนที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบด้วย ถือได้ว่าการให้ดังกล่าวเป็นการให้โดยมีค่าตอบแทน จำเลยที่ 1 ยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 โดยมีค่าตอบแทนก่อนที่จำเลยที่ 1 จะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาต่อโจทก์ โดยที่จำเลยที่ 2มิได้รู้ถึงหนี้ดังกล่าวมาก่อน จำเลยที่ 2 จึงมิได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบนั้นด้วย โจทก์จึงไม่อาจขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2282/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าตอบแทนจากการจัดหางาน โบนัส ถือเป็นค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย แม้เรียกชื่ออื่น
ตามสัญญาจ้างมีข้อตกลงว่า นอกจากโจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนแล้วเมื่อโจทก์จัดหางานตามโครงการมาได้ โจทก์ยังมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนร้อยละ 2.5 ของสินจ้างที่จำเลยได้รับอันเป็นผลงานที่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างทำมาได้ ย่อมถือได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่จ่ายตอบแทนการทำงานโดยตรงแม้ในสัญญาจ้างจะเรียกเงินดังกล่าวว่าโบนัสก็เป็นค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2061/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สินล้มละลาย การกระทำโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน
ลูกหนี้โอนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านในวันเดียวกันกับลูกหนี้ถูกฟ้องให้ล้มละลายในคดีอื่น เป็นการกระทำภายในระยะเวลา3 ปี ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายในคดีนี้ เมื่อฟังได้ว่าผู้คัดค้านกับลูกหนี้สมคบกันทำสัญญาจะซื้อขายและสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามยึดทรัพย์ของพนักงานเจ้าหน้าที่และมิให้บรรดาเจ้าหนี้อื่นบังคับชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้และผู้คัดค้านไม่มีเจตนาซื้อขายและชำระราคากันจริง เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน ผู้ร้องจึงมีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกแบ่งแยกและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน
ที่ดินโจทก์จำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เมื่อแบ่งแยกแล้วที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน และเมื่อฟังว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้วก็ไม่เป็นทางภาระจำยอมอีก ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5634/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าตอบแทนจากการใช้สิทธิผลิตกาแฟผงตามสูตรและกรรมวิธีของบริษัทต่างประเทศ เป็นค่าแห่งสิทธิที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
การผลิตกาแฟผงของโจทก์ในประเทศไทย อยู่ภายใต้เงื่อนไข และการควบคุมดูแลของบริษัท น. ตามสัญญาให้ความรู้ทางวิศวกรรม โดยโจทก์ต้องชำระเงินค่าตอบแทนเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อโจทก์จะได้ผลิตกาแฟผงตามสูตรและกรรมวิธีการผลิตที่ได้รับจากบริษัท น. อันเป็นสิทธิที่โจทก์ได้จากบริษัท น. ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยเงินค่าตอบแทนที่บริษัท น. ได้รับจึงหาใช่เงินได้จากวิชาชีพอิสระคือวิศวกรรมตามความหมายของมาตรา 40(6)แห่งประมวลรัษฎากรไม่ หากแต่เป็นค่าตอบแทนที่โจทก์ได้สิทธิผลิตกาแฟผลตามสูตรและความรู้ที่ได้รับตามข้อแนะนำเกี่ยวกับกรรมวิธีการผลิตของบริษัท น. ตลอดเวลาของอายุสัญญาที่ได้ทำกันไว้ ซึ่งโจทก์ต้องรักษาไว้เป็นความลับและส่งคืนบรรดาเอกสารทั้งปวงที่เกี่ยวกับสูตรและความรู้ดังกล่าวแก่บริษัท น. เมื่อสิ้นอายุสัญญาหรือสัญญาเลิกกรณีจึงเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทค่าแห่งสิทธิตามมาตรา 40(3) ซึ่งโจทก์จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งต่อเจ้าพนักงานของจำเลยตามมาตรา 70(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5434/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วง: ฝ่ายใดผิดสัญญาเมื่อมีคดีความและไม่จดทะเบียน, การคืนเงินค่าตอบแทน
โจทก์ทำสัญญาเช่าช่วงอาคารจากจำเลยทั้งสอง และตกลงจะไปจดทะเบียนการเช่าช่วงโดยทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการในการที่จะจดทะเบียนการเช่าช่วงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และได้กำหนดวันที่จะจดทะเบียนการเช่าช่วงแล้ว เป็นการที่จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาไปแล้วทุกประการ การที่จำเลยที่ 1 ถูกผู้ให้เช่าเดิมฟ้องขับไล่ออกจากทรัพย์ที่เช่าและศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และผู้ให้เช่าเดิมได้คัดค้านการให้เช่าช่วงนั้น ไม่อาจจะถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาแต่ประการใดโจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ เงินที่จำเลยที่ 1 รับจากโจทก์ในวันทำสัญญาเป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าตอบแทนการที่จำเลยที่ 1 ให้เช่าช่วง เมื่อมิได้มีการจดทะเบียนการเช่าช่วงกัน จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิอันใดที่จะได้เงินค่าตอบแทนจากโจทก์ ชอบที่จะให้โจทก์กลับคืนสู่ฐานะเดิม ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนเงินนั้นให้แก่โจทก์