พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2455/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ละเมิด แม้ผู้เสียหายได้รับเงินจากรัฐ
แม้โจทก์เป็นข้าราชการได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลบุตรผู้เยาว์ซึ่งถูกทำละเมิดจากทางราชการแล้ว ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดอีกได้ เพราะสิทธิ์ของโจทก์ที่จะได้รับเงินดังกล่าวจากทางราชการ เป็นสิทธิ์ที่รัฐกำหนดให้แก่ข้าราชการ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย
ในการละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้าง มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 444, 445 และ 446 ซึ่งหาได้ให้สิทธิ์แก่บิดาที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายเพื่อการที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิดต่อไปในอนาคตไม่
ฟ้องเรียกค่าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งต้องทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิด แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบเป็นทำนองขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่บุตรเสียความสามารถสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
หมายเหตุ วรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2519)
ในการละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้าง มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 444, 445 และ 446 ซึ่งหาได้ให้สิทธิ์แก่บิดาที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายเพื่อการที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิดต่อไปในอนาคตไม่
ฟ้องเรียกค่าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งต้องทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิด แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบเป็นทำนองขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่บุตรเสียความสามารถสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
หมายเหตุ วรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2455/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ละเมิด แม้ได้รับเงินจากราชการแล้ว และขอบเขตการฟ้องร้องตามที่ระบุในคำฟ้อง
แม้โจทก์เป็นข้าราชการได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลบุตรผู้เยาว์ซึ่งถูกทำละเมิดจากทางราชการแล้ว ก็ยังมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดอีกได้ เพราะสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเงินดังกล่าวจากทางราชการ เป็นสิทธิที่รัฐกำหนดให้แก่ข้าราชการ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย
ในการละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้างมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444,445,และ 446 ซึ่งหาได้ให้สิทธิแก่บิดาที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายเพื่อการที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิดต่อไปในอนาคตไม่
ฟ้องเรียกค่าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งต้องทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิด แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบเป็นทำนองขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่บุตรเสียความสามารถสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใดๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
หมายเหตุวรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่18/2519
ในการละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้างมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444,445,และ 446 ซึ่งหาได้ให้สิทธิแก่บิดาที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายเพื่อการที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิดต่อไปในอนาคตไม่
ฟ้องเรียกค่าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งต้องทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิด แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบเป็นทำนองขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่บุตรเสียความสามารถสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใดๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
หมายเหตุวรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่18/2519
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลจากผู้ละเมิด: ผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่มีสิทธิเรียกร้อง หากไม่ใช่ผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย
จำเลยขับเรือโดยประมาทชนเรือโดยสารของโจทก์ เป็นเหตุให้ผู้โดยสารในเรือของโจทก์บาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์ได้จ่ายไปในทางรักษาพยาบาลผู้โดยสารดังกล่าว โจทก์หาสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ไม่ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียกร้องเอาจากผู้ละเมิดได้ และไม่เป็นการรับช่วงสิทธิตามกฎหมาย ทั้งกรณีไม่ใช่เรื่องที่โจทก์จะต้องรับผิดต่อผู้โดยสารตามความแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการรับขนคนโดยสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลจากผู้ทำละเมิด: ไม่มีกฎหมายรองรับ
จำเลยขับเรือโดยประมาทชนเรือโดยสารของโจทก์ เป็นเหตุให้ผู้โดยสารในเรือของโจทก์บาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์ได้จ่ายไปในทางรักษาพยาบาลผู้โดยสารดังกล่าว โจทก์หามีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ไม่ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียกร้องเอาจากผู้ทำละเมิดได้ และไม่เป็นการรับช่างสิทธิตามกฎหมาย ทั้งกรณีไม่ใช่เรื่องที่โจทก์จะต้องรับผิดต่อผู้โดยสารตามความแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการรับขนคนโดยสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง, ค่าเสียหายจากการรักษาพยาบาล, และค่าเสียหายจากการสูญเสียความสามารถในการประกอบอาชีพ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างบริษัทจำเลยที่ 2 บริษัทจำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุไปในธุรกิจของบริษัทจำเลยที่ 2 แล้วไปเกิดเหตุขึ้น โดยชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์เสียหาย และโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะจำเลยที่ 1 ขับรถเลี้ยวเพื่อเดินทางกลับบริษัทจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1ยังอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์
ในกรณีเสียหายแก่ร่างกายนั้น การรักษาพยาบาลในเวลาอนาคต นับว่าเป็นค่าเสียหายโดยตรง ศาลคิดค่าเสียหายดังกล่าวให้ได้ ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
เมื่อผลของการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายถึงทุพพลภาพโจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ ความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ตามมาตรา 446 ด้วย โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
การที่โจทก์ฎีกาแต่เพียงว่า โจทก์ขอถือเอาอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นคำฟ้องฎีกาของโจทก์ด้วยนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ในกรณีเสียหายแก่ร่างกายนั้น การรักษาพยาบาลในเวลาอนาคต นับว่าเป็นค่าเสียหายโดยตรง ศาลคิดค่าเสียหายดังกล่าวให้ได้ ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
เมื่อผลของการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายถึงทุพพลภาพโจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบอาชีพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 และ ความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ตามมาตรา 446 ด้วย โจทก์จึงเรียกได้ทั้งสองประการ
การที่โจทก์ฎีกาแต่เพียงว่า โจทก์ขอถือเอาอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นคำฟ้องฎีกาของโจทก์ด้วยนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง, กรรมสิทธิ์รถยนต์, ค่ารักษาพยาบาลซ้ำซ้อน
การฟ้องนายจ้างให้ร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง ไม่จำต้องบอกกล่าวนายจ้างก่อนเพราะถือได้ว่าผิดนัดมาตั้งแต่วันละเมิดแล้ว
ผู้ซื้อรถจักรยานยนต์จากผู้ขายโดยชำระราคาเพียงครึ่งหนึ่งที่เหลือจะชำระเมื่อไรก็ได้ และผู้ขายจะโอนทะเบียนเป็นชื่อผู้ซื้อเมื่อชำระราคาให้ครบแล้ว ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถได้โอนเป็นของผู้ซื้อแล้ว เมื่อมีผู้ทำละเมิดให้รถจักรยานยนต์เสียหาย ผู้ซื้อมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
ข้าราชการผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการ และเบิกไปแล้ว จะฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาลจากผู้กระทำละเมิดอีกไม่ได้
ผู้ซื้อรถจักรยานยนต์จากผู้ขายโดยชำระราคาเพียงครึ่งหนึ่งที่เหลือจะชำระเมื่อไรก็ได้ และผู้ขายจะโอนทะเบียนเป็นชื่อผู้ซื้อเมื่อชำระราคาให้ครบแล้ว ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถได้โอนเป็นของผู้ซื้อแล้ว เมื่อมีผู้ทำละเมิดให้รถจักรยานยนต์เสียหาย ผู้ซื้อมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
ข้าราชการผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการ และเบิกไปแล้ว จะฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาลจากผู้กระทำละเมิดอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของบิดา: ค่ารักษาพยาบาลบุตร และค่าเสียหายในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรม
บุตรโจทก์ถูกรถยนต์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส โจทก์ซึ่งเป็นบิดาและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมมีหน้าที่รักษาพยาบาล.เมื่อต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปแล้ว จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จ่ายไป ซึ่งเป็นค่าเสียหายส่วนตัวโดยตรงได้.
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรซึ่งถูกรถยนต์ของจำเลยชนได้รับบาดเจ็บสาหัส. ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นส่วนตัว กับค่าเสียหายของบุตรโจทก์ที่ถูกรถยนต์ชนจนเสียขาทั้งสองข้าง. ทำให้ขาดความสำราญไปตลอดชีวิต และเสียความสามารถในการประกอบการงานในอนาคต. เป็นคำฟ้องแสดงชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 แล้ว. แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุในช่องคู่ความว่า. โจทก์ได้ฟ้องในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรในตอนแรกก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องในตอนต่อไปว่า. โจทก์เป็นบิดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร จึงถือได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวของโจทก์และในฐานะที่เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรโจทก์ด้วย.
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรซึ่งถูกรถยนต์ของจำเลยชนได้รับบาดเจ็บสาหัส. ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นส่วนตัว กับค่าเสียหายของบุตรโจทก์ที่ถูกรถยนต์ชนจนเสียขาทั้งสองข้าง. ทำให้ขาดความสำราญไปตลอดชีวิต และเสียความสามารถในการประกอบการงานในอนาคต. เป็นคำฟ้องแสดงชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 แล้ว. แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุในช่องคู่ความว่า. โจทก์ได้ฟ้องในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรในตอนแรกก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องในตอนต่อไปว่า. โจทก์เป็นบิดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร จึงถือได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวของโจทก์และในฐานะที่เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรโจทก์ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าสินไหมทดแทนกรณีละเมิดทางร่างกาย ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียโอกาสในการทำงาน และค่าเสียหายจากการออกจากงาน
ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงาน และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในปัจจุบันและในเวลาอนาคตด้วย การที่โจทก์ต้องถูกออกจากราชการก่อนถึงกำหนดเกษียณอายุ เพราะเสียความสามารถประกอบการงาน ทำให้เสียอาชีพขาดประโยชน์ทำมาหาได้ตามปกติไป ต้องถือว่าเป็นค่าเสียหายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผู้ละเมิดจำต้องใช้ค่าเสียหายที่ขาดประโยชน์ทำมาหาได้นี้
ค่าสินไหมทดแทนในกรณีละเมิดจะพึงให้ใช้เพียงใด ศาลวินิจฉัยได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
ค่าสินไหมทดแทนในกรณีละเมิดจะพึงให้ใช้เพียงใด ศาลวินิจฉัยได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาพยาบาลจากการทำร้ายร่างกายต้องพิสูจน์ความจำเป็นและผลโดยตรง หากบาดแผลหายด้วยเหตุอื่น จะเรียกค่าเสียหายค่ายาไม่ได้
ผู้เสียหายในกรณีลูกเข้าทำร้ายร่างกาย จะต้องนำสืบให้เห็นว่าค่ารักษาและค่ายาเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งจะนับได้ว่าเป็นผลโดยตรงอันสืบเนื่องจากกรณีที่ถูกทำร้าย จึงจะเรียกร้องเอาค่ารักษาและค่ายา นั้นจากผู้กระทำร้ายได้ ถ้าได้ความว่าบาดแผลของผู้เสียหายหายเพราะเหตุอื่น ไม่ใช่เพราะยาแล้ว ก็จะเอาค่ายามาคิดตั้งบัญชีเอาจากผู้ทำร้ายไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาพยาบาลจากทำร้ายร่างกายต้องพิสูจน์ความจำเป็นและเชื่อมโยงกับบาดแผลโดยตรง, ความรับผิดของบิดาผู้เยาว์
ผู้เสียหายในกรณีถูกเขาทำร้ายร่างกาย จะต้องนำสืบให้เห็นว่าค่ารักษาและค่ายาเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งจะนับได้ว่าเป็นผลโดยตรงอันสืบเนื่องจากกรณีที่ถูกทำร้าย จึงจะเรียกร้องเอาค่ารักษาและค่ายานั้นจากผู้กระทำร้ายได้ ถ้าได้ความว่าบาดแผลของผู้เสียหายหายเพราะเหตุอื่น ไม่ใช่เพราะยาแล้ว ก็จะเอาค่ายามาคิดตั้งบัญชีเอาจากผู้ทำร้ายไม่ได้