พบผลลัพธ์ทั้งหมด 73 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความในคดีแพ่ง: จำเลยไม่ยกข้อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ถือว่าสละสิทธิ
จำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตแม้ศาลจะให้จำเลยชนะคดีโดยอาศัยเหตุอื่น แต่ต่อมาชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้ยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้เช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจในปัญหาเรื่องอายุความต่อไปแล้วไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัย
เรื่องอายุความในคดีแพ่งศาลจะอ้างขึ้นเองโดยคู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้แม้ในคดีก่อนศาลจะเคยวินิจฉัยว่าคู่ความมีสิทธิที่จะฟ้องร้องได้ภายในอายุความ ก็มิได้หมายความว่าศาลจะยกเรื่องอายุความขึ้นวินิจฉัยได้เอง
เรื่องอายุความในคดีแพ่งศาลจะอ้างขึ้นเองโดยคู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้แม้ในคดีก่อนศาลจะเคยวินิจฉัยว่าคู่ความมีสิทธิที่จะฟ้องร้องได้ภายในอายุความ ก็มิได้หมายความว่าศาลจะยกเรื่องอายุความขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเหตุบรรดาลโทษะ แม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 249, 335(13) ก.ม.ลักษณะอาญา จำเลยให้การต่อสู้ว่าทำโดยป้องกันตัว ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 251 จำเลยอุทธรณ์ว่าทำโดยป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาชี้ขาดว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัวตามกฎหมาย แต่จำเลยกระทำโดยบรรดาลโทษะให้ลงโทษจำเลยเพียงกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 55 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยถูกหยิบยกในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า ได้ทวงค่าเช่าจากจำเลย แล้วจำเลยไม่ชำระให้ จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระค่าเช่าให้แล้ว ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ได้ทวงถาม จำเลยจะฎีกาว่าโจทก์ไม่เคยแจ้งเลิกสัญญาเช่า ทั้งที่มิได้ยกข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์นั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดประเด็นในชั้นศาลและการมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น ทำให้ประเด็นนั้นยุติในชั้นอุทธรณ์
ไนคดีที่มีข้อโต้เถียงระหว่างคู่ความพลายข้อ สาลชั้นต้นตัดประเด็นข้ออื่น ๆ หมดลงเหลือประเด็นข้อเดียวที่ทำการพิจารนาและประเด็นที่ถูกตัดเสียนั้นคู่ความมิได้โต้เถียงแย้งคำสั่งสาลชั้นต้นไว้ แต่กลับอุธรน์ไปประเด็นข้อเดียวที่สาลชั้นต้นพิจารนามาเท่านั้น ดั่งนี้ประเด็นข้ออื่น ๆ เปนอันยุติ
สาลอุธรน์ไม่มีอำนาดย้อนสำนวนไปไหสาลชั้นต้นพิจารนาพิพากสาไหม่ไนประเด็นที่คู่ความมิได้อุธรน์
โจทชนะความแล้วยึดทรัพย์ สามีจำเลยร้องขัดทรัพย์ สาลชั้นต้นกะประเด็นไห้สืบข้อเดียวว่าทรัพย์ที่ยึดเปนสินเดิมหรือสินสมรส ส่วนประเด็นที่ว่าจำเลยได้รับอนุญาตไห้กู้หรือไม่และทำเพื่อประโยชน์ด้วยกันหรือไม่ ไม่ไห้นำสืบ และคู่ความมิได้คัดค้าน ดังนี้ สาลอุธรน์กะไห้สืบพยานไนข้อหลังนี้ไม่ได้
สาลอุธรน์ไม่มีอำนาดย้อนสำนวนไปไหสาลชั้นต้นพิจารนาพิพากสาไหม่ไนประเด็นที่คู่ความมิได้อุธรน์
โจทชนะความแล้วยึดทรัพย์ สามีจำเลยร้องขัดทรัพย์ สาลชั้นต้นกะประเด็นไห้สืบข้อเดียวว่าทรัพย์ที่ยึดเปนสินเดิมหรือสินสมรส ส่วนประเด็นที่ว่าจำเลยได้รับอนุญาตไห้กู้หรือไม่และทำเพื่อประโยชน์ด้วยกันหรือไม่ ไม่ไห้นำสืบ และคู่ความมิได้คัดค้าน ดังนี้ สาลอุธรน์กะไห้สืบพยานไนข้อหลังนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่คัดค้านคำสั่งศาลในชั้นอุทธรณ์ ถือเป็นการยอมรับ ไม่สามารถมาคัดค้านภายหลังได้
ศาลอุทธรณ์สั่งให้ ศาลชั้นต้นสืบพะยานในข้ออายุจำเลยแล้วให้ส่งสำนวนคือศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาโจทก์มิได้คัดค้านคำสั่งนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วโจทก์ฎีกาคัดค้านคำสั่งนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นยุตติในชั้นอุทธรณ์: ไม่อาจรื้อฟื้นในชั้นฎีกาเมื่อพ้นอายุความ
ประเด็นข้อใดที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้วและจำเลยมิได้ฎีกาต้องถือว่ายุตติเพียงชั้นศาลอุทธรณ์จะรื้อฟื้นขึ้นฎีกาในภายหลังเมื่อเกินกำหนดอายุความฎีกาสำหรับประเด็นข้อนั้นอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างข้อกฎหมายใหม่ในชั้นอุทธรณ์ และการรับชำระหนี้บางส่วน
ข้อกฎหมายทั้งปวงที่คู่ความฝ่ายใดมิได้อ้างอิงไว้ในขณะศาลชั้นต้นจดรายงานพิจารณาจนศาลได้ออกคำสั่งไปแล้วจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างอิงในชั้นอุทธรณ์มิได้ จำเลยนำเงินมาวางศาลโจทก์ยอมรับชำระเป็นส่วน 1 แห่ง จำนวนในฟ้องดังนี้โจทก์จะมีสิทธิขอรับเงินนั้นได้เพียงไร สัญญาทางพระราชไมตรี คดีที่คนบังคับอังกฤษเป็นคู่ความฎีกาได้ ฉะเพาะแต่ในปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอสืบพยานเพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์และฎีกาหลังรับโทษแล้ว ศาลไม่อนุญาตหากไม่มีเหตุผลสมควร
วิธีพิจารณาอาชญาลักษณะพะยาน ร้องขอสืบพะยานชั้น ศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับใช้กฎหมายอาญาที่แก้ไขใหม่หลังคดีถึงที่สุด จำเลยต้องใช้สิทธิคัดค้านในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาเท่านั้น
ตาม ป.อ. มาตรา 3 แบ่งการบังคับใช้กฎหมายได้ 2 กรณีคือ กรณีที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา ศาลมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย หากศาลบังคับใช้แล้ว คู่ความไม่เห็นด้วยต้องอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านไปยังศาลสูง ส่วนอีกกรณีหนึ่งตามมาตรา 3 (1) กฎหมายที่แก้ไขใหม่บังคับใช้เมื่อคดีถึงที่สุดไปแล้ว คดีของจำเลยที่ 1 เข้ากรณีแรก เนื่องจากกฎหมายแก้ไขใหม่ขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่ากฎหมายใหม่ไม่เป็นคุณ คงใช้กฎหมายขณะกระทำความผิด หากจำเลยที่ 1 ไม่เห็นด้วยก็ต้องฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ฎีกา จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิร้องขอให้พิจารณาได้อีก เพราะกรณีตามมาตรา 3 (1) เป็นกรณีที่คดีถึงที่สุดก่อนที่จะมีกฎหมายแก้ไขใหม่ออกบังคับใช้ คำร้องของจำเลยที่ 1 จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่ร้องขอให้ศาลกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5452/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้าม กรณีจำเลยไม่โต้แย้งประเด็นความประมาทในชั้นอุทธรณ์แล้วมาฎีกาใหม่ โดยอ้างคำพิพากษาคดีอาญา
การพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 นั้น เป็นกรณีที่ศาลในคดีส่วนแพ่งจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงในประเด็นที่คู่ความยังคงโต้แย้งกันอยู่และเป็นประเด็นเดียวกันกับที่ศาลในคดีส่วนอาญาจะต้องวินิจฉัย ทั้งนี้เพื่อให้การรับฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันเป็นไปในทางเดียวกัน เมื่อคดีในส่วนอาญาศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีส่วนกระทำการโดยประมาท คดีส่วนแพ่งจึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามและพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามสัดส่วนแห่งความประมาทของตน การที่จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งเฉพาะดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหาย โดยมิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้มีส่วนประมาทด้วยแต่อย่างใด แม้ต่อมาความจะปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ภาค 6 ในคดีส่วนอาญาได้พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยก็ตาม จำเลยก็ไม่อาจจะฎีกาได้ เนื่องจากประเด็นดังกล่าวได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ทั้งเป็นการต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ด้วย