พบผลลัพธ์ทั้งหมด 116 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยคนละ 2 ปี แต่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด 3 ปี คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวถือว่า มิได้เป็นการลงโทษจำเลยโดยจำคุกเกิน 5 ปีย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และเป็นการฎีกาเรื่องดุลพินิจการลงโทษ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือนและปรับด้วยแต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด1 ปี ทั้งกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษซึ่งเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3501/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับพิจารณาเรื่องคำสั่งรื้อถอนที่ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย และการสืบพยานเพิ่มเติมที่ศาลชั้นต้นดำเนินการแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งมิได้ถูกฟ้องด้วยเป็นการไม่ชอบ หาได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นด้วย มิได้กระทบกระเทือนสิทธิหน้าที่จำเลยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบที่ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไป เมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้น และได้พิพากษาคดีใหม่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไป เมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้น และได้พิพากษาคดีใหม่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3501/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับพิจารณาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยชอบแล้ว และการสืบพยานเพิ่มเติมไม่จำเป็น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งมิได้ถูกฟ้องด้วยเป็นการไม่ชอบ หาได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นด้วยมิได้กระทบกระเทือนสิทธิหน้าที่จำเลยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบที่ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไปเมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้น และได้พิพากษาคดีใหม่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไปเมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้น และได้พิพากษาคดีใหม่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อย การริบของกลาง ไม่กระทบโทษจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่า ไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พร้อมด้วยกระสุนปืน 5 นัด กับปลอกกระสุนปืน 1 ปลอกของนาย ช. ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขเพียงการริบของกลาง ไม่กระทบโทษจำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อยขัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่าไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พร้อมด้วยกระสุนปืน5นัดกับปลอกกระสุนปืน1ปลอกของนายช.ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลยเป็นการแก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยทำสมุดปกขาวชี้แจงเรื่องการก่อสร้างอาคารเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมิได้หมายถึงว่าโจทก์ทุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เท่ากับฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะหมิ่นประมาทโจทก์ เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังว่า เป็นการชี้แจงตามความเห็นของจำเลยและคณะกรรมการที่ปรึกษาของสภามหาวิทยาลัยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเช่นกัน โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกล่าวข้อความโดยไม่สุจริต จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากจำเลยยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์ ทำให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกินกรอบพิจารณา
ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งจำเลยมิได้ยกปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นว่า ในศาลชั้นต้นเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องถือว่าข้อเท็จจริงนั้นไม่ปรากฏในสำนวน ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาจึงไม่เกิดขึ้น ศาลฎีการับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยให้ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 ประกอบด้วย มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2751/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีความผิด
ในคดีเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยเบิกความในคดีแพ่งเรื่องหนึ่งจริง แต่คดีนั้นโจทก์ขาดนัดพิจารณา.จึงไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยหรืออ้างอิงคำเบิกความของจำเลย คำเบิกความของจำเลยจึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยวินิจฉัยว่า ยังฟังไม่ได้ว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จดังนี้เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2108/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อยและประเด็นทรัพย์สินชัดเจน ศาลอุทธรณ์ฟังพยานหลักฐานชอบด้วยกฎหมาย
ในคดีร้องขัดทรัพย์ซึ่งมีราคาทรัพย์สินที่พิพาท 45,720 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด 28 รายการราคา 27,590 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปล่อยอีก 14 รายการ ราคา 15,630 บาทเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง (อ้างคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 131/2493)
ผู้ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด โดยอ้างว่าสินค้าที่ถูกยึดเป็นสินค้าประเภทผู้ร้องรับเหมาขายแล้วส่งต้นทุนคืนให้ร้านค้าส่ง กำไรตกเป็นของผู้ร้อง แต่ทางนำสืบปรากฏว่าผู้ร้องซื้อด้วยเงินสดแทบทั้งสิ้น เช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ฟังพยานหลักฐานในสำนวนแล้ววินิจฉัยว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย เป็นการฟังพยานหลักฐานชอบด้วยกระบวนพิจารณาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่นอกคำร้อง เพราะประเด็นมีว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหรือไม่
ผู้ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด โดยอ้างว่าสินค้าที่ถูกยึดเป็นสินค้าประเภทผู้ร้องรับเหมาขายแล้วส่งต้นทุนคืนให้ร้านค้าส่ง กำไรตกเป็นของผู้ร้อง แต่ทางนำสืบปรากฏว่าผู้ร้องซื้อด้วยเงินสดแทบทั้งสิ้น เช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ฟังพยานหลักฐานในสำนวนแล้ววินิจฉัยว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย เป็นการฟังพยานหลักฐานชอบด้วยกระบวนพิจารณาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่นอกคำร้อง เพราะประเด็นมีว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหรือไม่