พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวความจริงเพื่อป้องกันตนหรือส่วนได้เสีย ไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท
จำเลยฟ้องผู้เสียหายกับพวกในข้อหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำร้ายร่างกายและทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ แล้วนำสำเนาคำฟ้องไปให้นักข่าวหนังสือพิมพ์ดูพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยเป็นส่วนตัวแล้วแกล้งจับกุมและทำร้ายร่างกายจำเลย นักข่าวได้นำลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ได้ความว่าในขณะจำเลยไปเล่าเรื่องให้นักข่าวฟังนั้น จำเลยให้ดูบาดแผลที่ถูกทำร้ายด้วย และศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษพวกของผู้เสียหายคนหนึ่งฐานทำร้ายร่างกาย จำเลย (จำเลยถอนฟ้องผู้เสียหาย) ตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวทำให้เป็นที่สงสัยว่า ผู้เสียหายอาจมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยแล้วแกล้งจับกุมจำเลยดังที่จำเลยให้ข่าวในหนังสือพิมพ์ การกระทำของจำเลยเช่นนี้จึงเป็นการกล่าวข้อเท็จจริงโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวข้อเท็จจริงโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท
จำเลยฟ้องผู้เสียหายกับพวกในข้อหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำร้ายร่างกาย และทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ แล้วนำสำเนาคำฟ้องไปให้นักข่าวหนังสือพิมพ์ดูพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยเป็นส่วนตัวแล้วแกล้งจับกุมและทำร้ายร่างกายจำเลย นักข่าวได้นำลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ได้ความว่าในขณะจำเลยไปเล่าเรื่องให้นักข่าวฟังนั้น จำเลยให้ดูบาดแผลที่ถูกทำร้ายด้วย และศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษพวกของผู้เสียหายคนหนึ่งฐานทำร้ายร่างกายจำเลย (จำเลยถอนฟ้องผู้เสียหาย) ตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวทำให้เป็นที่สงสัยว่า ผู้เสียหายอาจมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยแล้วแกล้งจับกุมจำเลยดังที่จำเลยให้ข่าวในหนังสือพิมพ์ การกระทำของจำเลยเช่นนี้จึงเป็นการกล่าวข้อเท็จจริงโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดที่ไม่สุภาพต่อเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น
ถ้อยคำที่ว่า "พวกมึงตำรวจไม่มีความหมายสำหรับกู อยากจะจับก็มาจับเลย ในเมื่อกูไม่ได้กระทำผิด" ซึ่งจำเลยกล่าวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะที่จะเข้าทำการจับกุมจำเลยในข้อหาเมาสุราอาละวาดในบริเวณงานวัดนั้น เป็นแต่เพียงคำพูดที่ไม่สุภาพ ไม่สมควรจะกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่เท่านั้น ไม่เป็นผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดไม่สุภาพต่อเจ้าพนักงาน ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น
กล่าวว่า 'พวกมึงตำรวจไม่มีความหมายสำหรับกู อยากจะจับก็มาจับเลย ในเมื่อกูไม่ได้กระทำผิด' เป็นคำพูดที่ไม่สุภาพแต่ไม่เป็นดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่น การคบชู้ และพฤติกรรมภริยา ไม่เป็นเหตุให้หย่าตามกฎหมาย
ภริยาด่าสามีว่า 'ครูหมา โคตรพ่อโคตรแม่มึงเป็นหมากูจะมาเอาชีวิตมึง' เป็นเพียงดูหมิ่น ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาทสามีและบุพการีอย่างร้ายแรง
ภริยาชอบเล่นการพนันสลากกินแบ่ง กินรวบ ไพ่ผสมสิบ ออกจากบ้านไปค้างที่อื่นครั้งละหลายๆ วัน ไปคบชายแปลกหน้าพากันไปในที่ต่างๆ ไม่เป็นจงใจละทิ้งเกิน 1 ปี หรือมีชู้ ภริยาไล่แทงแต่สามีหนีทันไม่ใช่ทำร้ายบาดเจ็บ ไม่เป็นเหตุหย่า
สามีภริยาตกลงหย่ากันต่อหน้าพยานหลายคน ไม่มีผลเป็นการหย่าตาม มาตรา 1498
ภริยาชอบเล่นการพนันสลากกินแบ่ง กินรวบ ไพ่ผสมสิบ ออกจากบ้านไปค้างที่อื่นครั้งละหลายๆ วัน ไปคบชายแปลกหน้าพากันไปในที่ต่างๆ ไม่เป็นจงใจละทิ้งเกิน 1 ปี หรือมีชู้ ภริยาไล่แทงแต่สามีหนีทันไม่ใช่ทำร้ายบาดเจ็บ ไม่เป็นเหตุหย่า
สามีภริยาตกลงหย่ากันต่อหน้าพยานหลายคน ไม่มีผลเป็นการหย่าตาม มาตรา 1498
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผยแพร่ข้อความดูหมิ่นผู้อื่นผ่านหนังสือพิมพ์เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
ฟ้องว่า จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ช่องสังคมอยุธยา โดยทิดแก้ว ว่า "วันก่อนเกินผ่านตลาดหัวรอได้ยินเสียเจ๊แต๋ว มาดามของคุณประสิทธิ์ มานะประเสริฐศักดิ์ บก. แหลมทอง ตะโกนลั่นกลางตลาดว่า ถ้าคนที่ชื่อสุชาติ บุญเกษม เดินผ่านหน้าร้านเมื่อไร จะถอดรองเท้าตบหน้าสักที เสียเท่าไหร่ก็ยอม จริงหรือเปล่าจ๊ะเจ๊ "ทิดแก้ว" กลัวจะไม่จริงดังปากว่าเท่านั้นแหละ แฮะ ๆ" ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 ข้อความดังนี้เป็นข้อความดูหมิ่น เพราะทำให้ผู้เสียหายบังเกิดความอับอาย เป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 เป็นการอ้างบทมาตราที่ผิด ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 393 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นด้วยการโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ ศาลฎีกาพิพากษากลับโดยใช้บทมาตรา 393 แทน 326, 328
ฟ้องว่า จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ช่องสังคมอยุธยา โดยทิดแก้ว ว่า"วันก่อนเดินผ่านตลาดหักรอได้ยินเสียงเจ๊แต๋วมาดามของคุณประเสริฐมานะประเสริฐศักดิ์บก.แหลมทองตะโกนลั่นกลางตลาดว่า ถ้าคนที่ชื่อสุชาติบุญเกษมเดินผ่านหน้าร้านเมื่อไรจะถอดรองเท้าตบหน้าสักทีเสียเท่าไรก็ยอม จริงหรือเปล่าจ๊ะเจ๊"ทิดแก้ว" กลัวจะไม่จริงดังปากว่าเท่านั้นแหละแฮะ ๆ" ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328ข้อความดังนี้เป็นข้อความดูหมิ่น เพราะทำให้ผู้เสียหายบังเกิดความอับอายเป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393เป้นการอ้างบทมาตราที่ผิด ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 393 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะ: การดูหมิ่นก่อนยั่วยุไม่ถึงขั้นข่มเหงร้ายแรง
จำเลยกล่าวดูหมิ่นผู้ตายต่อหน้าบุคคลอื่นขึ้นก่อนว่าลักวัวและห้ามมิให้จำเลยลักวัวพวกจำเลยอีกการที่ผู้ตายกล่าวโต้ตอบเพื่อแก้หน้าขึ้นบ้างว่า 'มึงห้ามกูก็ไม่ฟังแต่น้องสาวมึง กูก็จะเย็ดอยู่' จึงเป็นการโต้ตอบเพื่อล้างความอาย และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยซึ่งมีน้องสาว โกรธขึ้นมา จึงฟันผู้ตาย จึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1277/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
โจทก์มีอาชีพทนายความ วันเกิดเหตุโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านจำเลยเพื่อเจรจาตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายบ้านและการอกเช็คซึ่งโจทก์สั่งจ่ายแก่สามีจำเลย แต่ไม่เป็นที่ตกลงกัน เมื่อโจทก์เดินออกมาจำเลยพูดว่า "ไอ้ทนายกระจอก ไอ้ทนายเฮงซวย" ดังนี้ การใช้ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการพูดดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ให้ได้รับความอับอายและเจ็บใจเท่านั้น หาใช่เป็นการใส่ความ โจทก์โดยประการที่จะทำให้โจทก์เสียชื่อเสีย ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังไม่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
โจทก์มีอาชีพทนายความ วันเกิดเหตุโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านจำเลยเพื่อเจรจาตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายบ้านและการออกเช็คซึ่งโจทก์สั่งจ่ายแก่สามีจำเลย แต่ไม่เป็นที่ตกลงกันเมื่อโจทก์เดินออกมาจำเลยพูดว่า "ไอ้ทนายกระจอกไอ้ทนายเฮงซวย" ดังนี้ การใช้ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการพูดดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ให้ได้รับความอับอายและเจ็บใจเท่านั้น หาใช่เป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังไม่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326