คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ถอนคืนการให้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 85 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ: ประเด็นสำคัญอยู่ที่การพิสูจน์พฤติกรรมเนรคุณ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ยกนาพิพาทให้จำเลย จำเลยประพฤติเนรคุณจึงถอนคืนการให้จำเลยให้การรับว่าโจทก์ยกนาพิพาทให้จริง แต่ปฏิเสธว่ามิได้ประพฤติเนรคุณประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยประพฤติเนรคุณอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิถอนคืนการให้หรือไม่ส่วนที่ว่าสัญญายกให้จะสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้นไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2043/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้เนื่องจากเนรคุณและการหมิ่นประมาท
บิดาจำเลยถึงแก่กรรมตั้งแต่จำเลยอายุ 1 ขวบ โจทก์ซึ่งเป็นปู่ได้เลี้ยงดูจำเลยตั้งแต่นั้นมาให้การศึกษา ให้เรียนเย็บผ้า เมื่อจำเลยอายุได้ 11 ปี โจทก์ได้ยกที่พิพาท 2 แปลงให้จำเลย และโจทก์ไม่มีที่ดินเหลือแล้วเพราะได้ยกให้แก่คนอื่นๆ หมดแล้วก็ตาม การให้ดังกล่าวก็หาใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาไม่ เพราะโจทก์ไม่มีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องกระทำเช่นนั้น จำเลยชี้หน้าค่าโจทก์กว่า อ้ายแก่ฉิบหาย กูไม่นับถือมึง มึงโกงที่ดินกู การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณและโจทก์ชอบที่จะถอนคืนการให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2043/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้ที่ดินเนื่องจากเนรคุณและการหมิ่นประมาท
บิดาจำเลยถึงแก่กรรมตั้งแต่จำเลยอายุ 1 ขวบ โจทก์ซึ่งเป็นปู่ได้เลี้ยงดูจำเลยตั้งแต่นั้นมาให้การศึกษา ให้เรียนเย็บผ้า เมื่อจำเลยอายุได้ 11 ปี โจทก์ได้ยกที่พิพาท 2 แปลงให้จำเลย และโจทก์ไม่มีที่ดินเหลือแล้วเพราะได้ยกให้แก่คนอื่น ๆ หมดแล้วก็ตาม การให้ดังกล่าวก็หาใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาไม่เพราะโจทก์ไม่มีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องกระทำเช่นนั้นจำเลยชี้หน้าด่าโจทก์ว่าอ้ายแก่ฉิบหาย กูไม่นับถือมึงมึงโกงที่ดินกู การกระทำ ของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ซึ่งถือได้ว่า เป็นการประพฤติเนรคุณและโจทก์ชอบที่จะถอนคืนการให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้โดยอ้างยากไร้ ต้องยากไร้จริงตามกฎหมาย
สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยเมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินนาทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยใช้ข้าวเปลือก 50 ถัง ให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้วหาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นยากไร้ ตามความหมายของมาตรา 531 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้โดยอ้างยากจน: ต้องยากจนถึงขั้นยากไร้ตามกฎหมายเท่านั้น
สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลย เมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยให้ข้าวเปลือก 50 ถังให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้ว หาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นคนยากไร้ตามความหมายของมาตรา 531(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้ที่ดินเนื่องจากบุตรประพฤติเนรคุณและไม่ได้ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา
มารดายกที่ดินให้บุตร 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ ในขณะที่บุตรนั้นมีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานแล้ว ไม่อยู่ในสภาพที่ผู้เป็นมารดามีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะทั้งที่ดินเป็นจำนวนมากราคาสูง จึงมิใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 535 (3)
การที่บุตรด่าว่ามารดาด้วยถ้อยคำว่า "อีแก่มึงจะโกงเงินกูอีแก่อย่าไปเก็บผลไม้ของกู ถ้าไม่เชื่อกูจะเอาตำรวจมาจับมึงข้อหาว่าลักทรัพย์" และด้วยถ้อยคำว่า "ใครแดกได้ก็แดกแดกไม่ได้ก็อย่าแดก" เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดา ผู้เป็นบุพพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไปนับได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทมารดาอย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้บุตรโดยไม่เป็นไปตามหน้าที่ธรรมจรรยา และการประพฤติเนรคุณทำให้ถอนคืนการให้ได้
มารดายกที่ดินให้บุตร 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ ในขณะที่บุตรนั้นมีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานแล้ว ไม่อยู่ในสภาพที่ผู้เป็นมารดามีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะ ทั้งที่ดินเป็นจำนวนมาก ราคาสูง จึงมิใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 535(3)
การที่บุตรด่าว่ามารดาด้วยถ้อยคำว่า "อีแก่มึงจะโกงเงินกู อีแก่อย่าไปเก็บผลไม้ของกู ถ้าไม่เชื่อกูจะเอาตำรวจมาจับมึงข้อหาว่าลักทรัพย์" และด้วยถ้อยคำว่า "ใครแดกได้ก็แดกแดกไม่ได้ก็อย่าแดก" เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดา ผู้เป็นบุพพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไป นับได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทมารดาอย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้เนื่องจากภาระผูกพันและการประพฤติเนรคุณ จำเป็นต้องมีภาระเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยกให้
ภารติดพันในอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1429 ซึ่งผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับชำระหนี้เป็นคราวๆ จากทรัพย์สิน หรือได้ใช้และถือเอาประโยชน์แห่งทรัพย์สินตามที่ระบุไว้นั้น เป็นภาระที่เกี่ยวกับตัวทรัพย์นั้นๆ และการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพันตามมาตรา 535(2) ก็จะต้องเป็นกรณีที่มีภาระเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยกให้เช่นกัน
อาโอนที่ดินยกให้หลานโดยเสน่หา โดยหลานสัญญาว่าจะอุปการะเลี้ยงดู ให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตตลอดชีวิตของอา และจะเป็นผู้ทำศพเมื่ออาวายชนม์นั้น กรณีเช่นนี้หามีภาระเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยกให้ไม่ จึงไม่ใช่เป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพันตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้ที่ดินมีภารติดพันและการถอนคืนการให้เนื่องจากเนรคุณ แม้ราคาไม่สมเหตุสมผล
บิดาจำนองที่ดินไว้ ได้ตกลงให้บุตรออกเงินใช้หนี้และไถ่จำนองบุตรคนใดไม่ออกเงิน บิดาก็ไม่ยกที่ดินให้บุตรได้ออกเงินชำระหนี้ บิดาได้จดทะเบียนไถ่และจดทะเบียนยกที่พิพาทให้บุตรคนนั้นไปแล้วแม้จำนวนเงินที่บุตรออกให้ใช้หนี้ไป จะไม่สมกับราคาที่ดินก็ยังเป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพันในกรณีเช่นนี้ บิดาจะถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จเพื่อกลั่นแกล้งและทำให้เสียชื่อเสียง ถือเป็นการประพฤติเนรคุณ สิทธิในการถอนคืนการให้เกิดขึ้นได้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยกกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของโจทก์ในที่ดินโฉนดที่ 530 ให้จำเลย ต่อมาจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงเป็นการประพฤติเนรคุณ ขอให้ศาลสั่งถอนคืนการ+ จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ขายให้ และไม่ได้ประพฤติเนรคุณทางพิจารณาฟังเป็นยุติได้ว่าเป็นเรื่องโจทก์ยกให้มิใช่ขาย และได้ความต่อไปว่า เมื่อบิดาโจทก์จำเลยซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของร่วมในโฉนดดังกล่าวตายลง โจทก์ยื่นขอรับมรดกส่วนของบิดา จำเลยคัดค้านและฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่ง ศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งมรดกของบิดาให้โจทก์คดีอยู่ระหว่างฎีกา โจทก์ให้คนมาเก็บหมากในที่พิพาทนั้น จำเลยจึงแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ว่าโจทก์ลักหมาก แต่ชั้นนี้ไม่ติดใจเอาเรื่องเพราะโจทก์จำเลยเป็นพี่น้องกัน หมากที่หายราคาเล็กน้อย กับหลักฐานยังไม่เป็นผิด แต่ถ้าเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก จะเอาเรื่องให้ตำรวจจัดการต่อไป ต่อมาโจทก์ให้คนมาเก็บหมากอีก จำเลยจึงให้สามีไปแจ้งความ ครั้งสุดท้ายโจทก์ให้คนมาเก็บหมากอีกจำเลยจึงแจ้งตำรวจตู้ยามจับโจทก์หาว่าลักหมาก 1 ทะลาย ตำรวจจึงควบคุมตัวโจทก์ไว้เพื่อดำเนินคดี ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยได้ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 351(2)
เป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์พิพากษาให้ถอนคืนการใช้ได้
of 9