คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทนาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการมีทนาย – แม้ศาลมิได้สอบถาม หากจำเลยมีทนายตั้งแต่แรก ก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองมีเจตนารมณ์ เพื่อให้จำเลยมีทนายช่วยเหลือในการต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีขึ้นไป แม้ก่อนเริ่มพิจารณาคดีที่มีอัตราโทษดังกล่าว ศาลชั้นต้นจะมิได้สอบถามจำเลยว่าต้องการทนายที่ศาลจะตั้งให้หรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์จำเลยได้แต่งตั้งทนายเข้ามาเองพร้อมกับยื่นคำให้การปฏิเสธ และทนายจำเลยได้ว่าความให้จำเลยมาตลอดย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีทนายในคดีอาญา: แม้ศาลมิได้ถามจำเลยก่อนเริ่มพิจารณา หากจำเลยได้แต่งตั้งทนายเองแล้ว ก็ไม่ถือว่าจำเลยเสียเปรียบ
ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา173 วรรคสอง มีเจตนารมณ์ เพื่อให้จำเลยมีทนายช่วยเหลือในการต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษจำคุกตามอัตราที่ระบุไว้แม้ก่อนเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นจะมิได้สอบถามจำเลยว่าต้องการทนายที่ศาลจะตั้งให้หรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์จำเลยได้แต่งตั้งทนายเข้ามาเองพร้อมกับยื่นคำให้การปฏิเสธและทนายจำเลยได้ว่าความให้จำเลยมาตลอดย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ เหตุสุดวิสัย ความผิดทนาย และการละเลยของโจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์เมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว อ้างเหตุว่าเพิ่งมาฟังคำพิพากษาเนื่องจากจำวันผิดพลาด โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 13 กรกฎาคม 2533แต่โจทก์เข้าใจว่าเป็นวันที่ 13 สิงหาคม 2533 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นอุทธรณ์และทนายโจทก์ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เหตุที่โจทก์อ้างดังกล่าวไม่เป็นเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 เพราะทนายโจทก์ได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายไปตรวจดูวันฟังคำพิพากษาที่ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนไปเป็นวันที่ 13กรกฎาคม 2533 และแจ้งให้ทนายโจทก์ทราบแล้ว ถือว่าโจทก์ได้ทราบคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนับแต่วันอ่าน โจทก์มีเวลาพอที่จะทำอุทธรณ์ยื่นต่อศาลได้ทันตามกำหนดเวลา แม้ทนายโจทก์ป่วยก็สามารถแต่งตั้งทนายความคนใหม่เรียงอุทธรณ์ให้ แต่โจทก์ละเลยเสียปล่อยให้เวลาผ่านไปจนสิ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ โจทก์จึงอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตเลื่อนคดีอาญาเมื่อจำเลยไม่มีทนาย และการใช้ดุลพินิจของศาล
ศาลได้อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเพราะเหตุทนายจำเลยป่วยและติดธุระมา 2 ครั้งแล้ว โดยได้กำชับให้จำเลยมีทนายความมาว่าความให้ได้ใน 2 นัด ที่เลื่อน และในนัดที่สามด้วย การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีในนัดที่สามโดยจำเลยได้ถามค้านพยานโจทก์ที่สืบในนัดนั้น และศาลชั้นต้นได้ซักถามพยานดังกล่าวไว้ด้วย ถือว่าศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจในการดำเนินกระบวนพิจารณาเหมาะสมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในคดีอัตราโทษประหารชีวิต: ศาลต้องตั้งทนายให้ แม้จำเลยไม่ร้องขอ
คดีซึ่งมีอัตราโทษประหารชีวิต ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 ที่แก้ไขใหม่ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถาม จำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้า ไม่มีก็ให้ศาลตั้งทนายให้ เป็นคนละกรณีกับวรรคสองของบทมาตราดังกล่าวที่ศาลต้องสอบถามว่าจำเลยต้องการทนายหรือไม่ดังนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 วรรคหนึ่งที่แก้ไขใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนายศาลก็ต้องตั้งทนายให้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยต้องการทนายหรือไม่ เมื่อไม่มีการตั้งทนายให้จำเลย การพิจารณาจึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในคดีโทษประหาร: ศาลต้องตั้งทนายให้ แม้จำเลยไม่ต้องการ
คดีที่มีโทษประหารชีวิต ถ้าจำเลยไม่มีทนาย ศาลต้องตั้งทนายให้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยต้องการทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ความคุ้มครองแก่จำเลยในคดีที่มีโทษประหารชีวิตเมื่อศาลตั้งทนายให้แล้วแต่จำเลยไม่ต้องการทนายก็เป็นเรื่องของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นไม่ตั้งทนายให้จำเลยจึงเป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายทราบวันนัดแล้ว แต่จำเลยไม่มาศาล ศาลไม่ถือเป็นการขาดนัด และไม่สามารถขอพิจารณาคดีใหม่ได้
ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์จนหมดพยานแล้วเลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยทราบนัดแล้ว ถึงวันนัดฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาลศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานและหรือไม่มีพยานมาสืบ จึงพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี กรณีดังกล่าวถือว่าทนายจำเลยเป็นตัวแทนของจำเลย แม้จะฟังว่าทนายจำเลยมิได้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบก็ตามแต่เมื่อทนายจำเลยทราบวันนัดตามกฎหมาย ก็ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดด้วยแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าคดีเสร็จสำนวนโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ มิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วได้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีนั้นไปฝ่ายเดียว จำเลยจึงไม่อาจนำบทบัญญัติเรื่องขาดนัดพิจารณามาใช้เพื่อขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุผลที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานได้ต้องเป็นเหตุอันสมควร ความผิดพลาดของทนายไม่ใช่เหตุ
ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ กำหนดกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานไว้ว่า คู่ความซึ่งขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน การที่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า 7 วัน เพราะทนายโจทก์ลงวันนัดชี้สองสถานในสมุดนัดความของทนายโจทก์ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเอง มิใช่กรณีมีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาได้อันจะเป็นเหตุอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานได้ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาเพียงขอให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางให้ศาลภาษีอากรกลางสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี เป็นอุทธรณ์ที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพียง200 บาท ตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. ข้อ (3)(ก) แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดทนายในการลงวันนัด ไม่ถือเป็นเหตุอันสมควรที่ยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า ศาลฎีกายืนคำพิพากษา
ศาลภาษีอากรกลางได้กำหนดวันนัดชี้สองสถานและแจ้งให้ ทนายโจทก์ทราบโดยทนายโจทก์ได้รับหมายนัดไว้แล้วด้วยตนเอง แต่ ลงวันนัดในสมุดนัดความผิดพลาดไป ทนายโจทก์จึงมิได้ยื่นบัญชี ระบุพยานตาม ข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ ดังนี้ เป็นข้อ ผิดพลาดบกพร่องของทนายโจทก์ เองมิใช่เป็นกรณีมีเหตุอันสมควร ที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตาม กำหนดเวลาตามกฎหมายได้ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องขออนุญาต ยื่นบัญชีระบุพยานโจทก์ชอบแล้ว โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลล่าง ให้สืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ (2)(ก).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5919/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายหลังคู่ความถึงแก่กรรม: ระยะเวลาและขอบเขตการดำเนินคดีแทน
การที่คู่ความแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน เป็นการแต่งตั้งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 15 ว่าด้วยตัวแทนแม้สัญญาตัวแทนจะระงับไปเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม ทนายโจทก์ก็ยังมีอำนาจหน้าที่จัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักกรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ต่อไป จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของโจทก์จะเข้ามาปกปักรักษาผลประโยชน์ของโจทก์โดยการเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ
โจทก์ถึงแก่กรรมขณะที่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์แต่ไม่มีการร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถึงแก่กรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 จนกระทั่งได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์ฟัง ถือได้ว่าเป็นการล่วงพ้นสระยะเวลาที่ตัวแทนหรือทนายโจทก์จะจัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 824 แล้ว และไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ต่อไป ทนายโจทก์ยื่นฎีกาหลังจากที่ทนายโจทก์หมดอำนาจแล้ว ฏีกาโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
of 22