คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทางพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290-1291/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าประเด็นทางพิพาท, การครอบครองปรปักษ์, ที่ดินมือเปล่า และการจดทะเบียนภารจำยอม
โจทก์จำเลยท้ากันว่า ถ้าพยานคนหนึ่งเบิกความว่าทางพิพาทมีมาเกิน 10 ปี จำเลยยอมแพ้ถ้าไม่มีทางพิพาทมาก่อนโจทก์ยอมแพ้คำสั่งไม่อนุญาตให้ยกเลิกคำท้าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาพยานเบิกความว่ามีทางมา 20 ปี จำเลยต้องแพ้ข้อที่ว่าจำเลยครอบครองมากว่า 10 ปีไม่มีประเด็นในคำท้า แต่เป็นที่ดิน ส.ค.1 โอนทางทะเบียนไม่ได้ศาลไม่พิพากษาให้จดทะเบียนภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1060/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอม: การฟ้องเปิดทางเมื่อถูกปิดกั้นโดยไม่ต้องฟ้องเจ้าของที่ดิน
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยปิดกั้นทางภารจำยอม ขอให้เปิดสิ่งปิดกั้นทางภารจำยอมนั้น หาได้ฟ้องขอให้พิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมและให้จดทะเบียนสิทธิภารจำยอมไม่ จึงไม่จำต้องฟ้องเจ้าของที่ดินและไม่จำต้องเรียกเจ้าของที่ดินมาเป็นจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ เพราะเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ที่จะใช้ทางพิพาท อันจะมีผลว่าจำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้นทางพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการ通行ทางพิพาท: อนุญาตการใช้ทางสำหรับคน สัตว์ และเครื่องจักรกลเกษตร แต่เว้นรถยนต์
ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิเดินผ่านตามทางพิพาทรวมถึงสัตว์พาหนะและพาหนะอย่างอื่น เว้นแต่รถยนต์ ดังนี้โจทก์นำรถไถนาซึ่งเป็นรถ 2 ล้อ ใช้เครื่องยนต์ สำหรับลากจูงเครื่องอุปกรณ์ไถนาผ่านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะ และสิทธิการใช้ทางของเจ้าของที่ดินอื่น การละเมิดสิทธิในการใช้ทาง
จำเลยได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณะแล้ว การอุทิศที่ให้เป็นทางสาธารณะย่อมสมบูรณ์แม้จะมิได้จดทะเบียน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 506/2490) การที่จำเลยปักเสาลงในที่พิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งมีที่ดินอยู่ในซอยตากสิน 8 ไม่อาจใช้ซอยดังกล่าวได้เหมือนเดิม ทำให้โจทก์เสียหายเป็นพิเศษกว่าคนอื่น ๆ เป็นการละเมิดโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยระงับความเสียหายได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1138-1139/2501)
โจทก์บรรยายฟ้องว่าซอยตากสิน 8 มีมาประมาณ 20 ปี โดยเจ้าของที่ดินแต่ละรายสละที่ดินของตนรวมทั้งจำเลยด้วยเพื่อเป็นทางสำหรับให้ประชาชนใช้ร่วมกันโจทก์และ บริวารใช้สอยซอยตากสิน 8 ผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะโดยผ่านที่ดินจำเลยเกินกว่า 10 ปีแล้วซอยตากสิน 8 จึงเป็นทางภารจำยอม จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้มีทางอยู่เลยจำเลยและ อ. เพิ่งทำเป็นถนนขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502 ดังนี้จำเลยมิได้หลงผิดต่อสู้ว่าทางพิพาทมิได้ตกอยู่ในภารจำยอมแต่อย่างใด และการที่ศาลฟังว่าจำเลยอุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณะแล้วไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะโจทก์ได้ บรรยายการอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะผ่านเข้าออกทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว เพียงแต่กล่าวอ้างเป็นทางภารจำยอมไปเท่านั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 217/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความ ทางพิพาทปิดกั้น ค่าเสียหายละเมิด และอำนาจฟ้องจำเลยร่วม
ค่าเสียหายฐานทำละเมิดปิดทางภารจำยอมติดต่อกันตลอดมาคงขาดอายุความเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งปีก่อนฟ้อง
เมื่อจำเลยจงใจทำผิดกฎหมายโดยแกล้งปิดทาง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายย่อมเป็นผู้ทำละเมิด และจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์นำสืบถึงค่าเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนไม่ได้ ศาลก็อาจกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
โจทก์ใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินจำเลยสำหรับล้อเกวียนบรรทุกข้าวเข้าออกระหว่างโรงสีโจทก์ (ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์)กับทางสาธารณประโยชน์ตลอดมากว่า 10 ปี ทางพิพาทย่อมตกเป็นภารจำยอมโดยทางอายุความ แม้เพื่อประโยชน์การค้าก็ไม่มีกฎหมายจำกัด ว่าจะเป็นภารจำยอมไม่ได้
คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นไม่ใช่คำฟ้อง แต่เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้หมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความแล้ว บุคคลภายนอกก็ย่อมเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) แม้มิได้เป็นคู่ความตามคำฟ้องมาแต่แรก ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้จำเลยร่วมนั้นเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอมเกิดจากการใช้ทางต่อเนื่อง แม้เจ้าของที่ดินมิได้สละสิทธิ
ทางพิพาทเป็นทางเดิน คนใช้มา 40-50 ปี ก่อนตกมาเป็นของจำเลย และอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยเมื่อจำเลยมิได้สละสิทธิ์ครอบครองให้เป็นทางสาธารณะ จึงไม่เป็นทางสาธารณะแต่เป็นทางภารจำยอม ซึ่งแม้จะใช้ได้ในบางฤดูกาล ก็ไม่ทำให้ภารจำยอมสิ้นไป
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณะซึ่งโจทก์กับราษฎรได้ใช้มากว่า 50 ปี เป็นการบรรยายกล่าวอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าไม่ใช่ทางสาธารณะ แต่เป็นทางภารจำยอมศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นทางภารจำยอมได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การเตือนให้แก้ไขทางก่อนสิ้นสิทธิใช้ทาง
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าเมื่อปรากฏว่าเส้นทางไม่เรียบร้อยเป็นหลุมเป็นบ่อ จำเลยได้เตือนให้โจทก์ทำให้เรียบร้อยแล้วโจทก์ไม่ทำให้เรียบร้อย เมื่อจำเลยมาแถลงต่อศาลและศาลได้ไปดูสภาพของทางไม่เรียบร้อยดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าโจทก์ขาดสิทธิในการที่ใช้ทางนั้นต่อไป ดังนี้ ข้อความที่ว่าจำเลยเตือนให้โจทก์ทำให้เรียบร้อยนั้น เป็นข้อสัญญาประการหนึ่งที่จะทำให้โจทก์สิ้นสิทธิในการใช้ทางพิพาท กล่าวคือ แม้จะได้ความว่าทางไม่เรียบร้อยเพราะโจทก์ผิดสัญญา หากจำเลยยังไม่เตือนโจทก์ทำให้เรียบร้อยแล้ว โจทก์ก็ยังไม่สิ้นสิทธิที่จะใช้ทางพิพาท
คำว่า ค่าฤชาธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น รวมถึงค่าทนายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขยายทางพิพาท แม้ไม่ได้จดทะเบียน ก็มีผลบังคับเป็นบุคคลสิทธิได้
การที่โจทก์จำเลยตกลงให้โจทก์ออกทุนขยายทางพิพาทให้กว้างเพื่อใช้ร่วมกัน แต่สัญญาข้อตกลงนี้มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 นั้น ย่อมไม่ทำให้โจทก์ได้ทรัพย์สิทธิเป็นภารจำยอม แต่การไม่จดทะเบียนฯดังกล่าวนั้นหาได้ทำให้สัญญาข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะแต่อย่างใดไม่ คือเป็นเพียงยังไม่บริบูรณ์เท่านั้น โดยเหตุนี้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงมีผลก่อให้เกิดบุคคลสิทธิเรียกร้องบังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา ฉะนั้น โดยอาศัยสัญญาดังกล่าวโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยคู่สัญญามิให้ขัดขวางในอันที่โจทก์จะใช้ทางพิพาทตามข้อตกลงในสัญญาได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอม ทางพิพาท การใช้สิทธิในที่ดินของผู้อื่น ระยะเวลา 10 ปี
การผ่านหรือเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1353 แม้จะเป็นการใช้สิทธิในทรัพย์ของผู้อื่น ก็ทำให้ผู้ที่มิใช่เจ้าของซึ่งผ่านหรือเข้าไปพ้นจากการเป็นผู้ทำละเมิด แต่เจ้าของที่ดินห้ามได้เสมอ เมื่อห้ามแล้วยังฝ่าฝืนก็ต้องตกเป็นผู้ละเมิด ถ้าไม่ห้ามและการผ่านหรือเข้าไปในที่ดินดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจของผู้ผ่านหรือเข้าไปเอง และถ้าเป็นเวลา 10 ปีหรือกว่า 10 ปีขึ้นไป ที่ดินที่ถูกผ่านหรือเข้าไปก็ต้องตกเป็นภาระจำยอม
ฤดูแล้งคนทั่วไป วัวควาย ล้อเลื่อน ใช้ทางพิพาทกว้าง 4 ศอก ฤดุทำนาเฉพาะคนอย่างเดียวเท่านั้นใช้ทางพิพาทกว้าง 1 ศอก โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร เป็นเวลา 10 ปี หรือเกิน 10 ปีขึ้นไป ทางพิพาทย่อมตกเป็นภาระจำยอมให้ฤดูทำนากว้าง 1 ศอก ฤดูนอกนั้นกว้าง 4 ศอก โจทก์เพิ่งได้เอากระบือไปทำนาและพากลับบ้านด้วย โดยผ่านทางพิพาทเป็นเวลา 2 ปี ไม่ทำให้ทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมเกินกว่า 1 ศอก เพื่อให้กระบือผ่านในฤดูทำนาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอม ทางพิพาท การใช้สิทธิในที่ดินของผู้อื่น การห้าม และการครอบครองปรปักษ์
การผ่านหรือเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1353 แม้จะเป็นการใช้สิทธิในทรัพย์ของผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นซึ่งมิใช่เจ้าของซึ่งผ่านหรือเข้าไปพ้นจากการเป็นผู้ทำละเมิด แต่เจ้าของที่ดินห้ามได้เสมอ เมื่อห้ามแล้วยังฝ่าฝืนก็ต้องตกเป็นผู้ละเมิด ถ้าไม่ห้ามและการผ่านหรือเข้าไปในที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจของตนเอง ถ้าเป็นเวลา 10 ปีหรือกว่า 10 ปีขึ้นไปที่ดินนั้นก็ต้องตกอยู่ในภาระจำยอม
ฤดูแล้งคนทั่วไป วัวควาย ล้อเลื่อน ใช้ทางพิพาทกว้าง 4 ศอกฤดูทำนาเฉพาะคนอย่างเดียวเท่านั้นใช้ทางพิพาทกว้าง 1 ศอก โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร เป็นเวลา 10 ปี หรือเกิน 10 ปีขึ้นไป ทางพิพาทย่อมตกเป็นภาระจำยอมในฤดูทำนากว้าง 1 ศอก ฤดูนอกนั้นกว้าง 4 ศอกโจทก์เพิ่งได้เอากระบือไปทำนาและพากลับบ้านด้วย โดยผ่านทางพิพาทเป็นเวลา 2 ปี ไม่ทำให้ทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมเกินกว่า 1 ศอกเพื่อให้กระบือผ่านในฤดูทำนาด้วย
of 7