คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นับโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 212 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญา: การรับสารภาพของผู้ต้องหาต่อหน้าศาลชั้นต้นมีผลผูกพันในการนับโทษ
เมื่อปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 5463/2532,5524/2532 และคดีดำที่ 2497/2532,3145/2532 และ 5904/2532ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาให้นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 5463/2532,5524/2532,6066/2532(ดำที่ 3145/2532),6100/2532(ดำที่ 2497/2532) และ 1752/2532(ดำที่ 5904/2532) ของศาลชั้นต้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อคดีอื่นต้องมีความเกี่ยวพันกัน หากไม่มีความเกี่ยวพัน การรวมโทษเกิน 20 ปีทำได้
การนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นได้ไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) นั้น ต้องปรากฏว่าคดีอื่นนั้นเป็นการกระทำความผิดในลักษณะที่เกี่ยวพันกันกับคดีที่ขอให้นับโทษต่อจนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกัน หรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ปรากฏว่าผู้เสียหายทั้ง 5 คดีก่อนไม่ใช่บุคคลเดียวกันกับผู้เสียหายในคดีนี้ พยานหลักฐานทั้ง 5 คดีก่อนก็ไม่ใช่พยานหลักฐานชุดเดียวกันกับคดีนี้ ทั้ง 5 คดีดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกันกับคดีนี้จนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้จึงนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยทั้ง 5 คดีดังกล่าว โดยรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นเกิน 20 ปีได้ แม้ศาลชั้นต้นจะได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม หากปรากฏว่าการนับโทษต่อขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 91(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นย่อมจะมีคำสั่งแก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่ได้ ไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเพราะเป็นเรื่องการบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่นต้องเป็นคดีที่เกี่ยวพันกันและรวมโทษแล้วไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)
การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด โดยให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นอีกรวมแล้วเกิน 20 ปีเมื่อปรากฏว่าการนับโทษต่อดังกล่าวขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ศาลชั้นต้นย่อมจะมีคำสั่งแก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่ เป็นให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยคดีอื่นดังกล่าวโดยรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นไม่เกิน 20 ปี ได้ไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องการบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นจะต้องออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้ถูกต้องตามกฎหมาย การนับโทษต่อจากโทษในคดีอื่นได้ไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) นั้น ต้องปรากฏว่าคดีอื่นดังกล่าวเป็นการกระทำผิดในลักษณะที่เกี่ยวพันกันกับคดีนี้จนอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีอาญา: ห้ามบวกโทษซ้ำเมื่อศาลชั้นต้นรวมโทษแล้ว แม้จำเลยมิได้โต้แย้ง
ศาลชั้นต้นได้บวกโทษซึ่งรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1684/2529 เข้ากับโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1634/2530ไว้แล้ว จึงนำโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1684/2529 มาบวกกับโทษในคดีนี้อีกไม่ได้ แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาก็แก้ไขให้ถูกต้องได้ โดยให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 1634/2530 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5934/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกซ้อนทับในคดีอาญาหลายกระทง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโทษไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
คดีแรกศาลพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหาฉ้อโกง จำคุก 4 ปี นับแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2528 คดีหลังศาลพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหา ฉ้อโกงประชาชน ความผิดต่อ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และความผิดต่อ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมจำคุก 20 ปี นับแต่วันที่ 8 เมษายน2528 เมื่อศาลมิได้พิพากษาให้นับโทษ ในคดีหลังต่อจากคดีแรกโทษจำคุกในคดีแรกจึงซ้อนและเกลื่อนกลืน ไปกับโทษจำคุกในคดีหลัง จำเลยจึงมิได้รับโทษเกินกว่า 20 ปี ไม่ขัดต่อ ป.อ. มาตรา 91(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4015/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีระหว่างการคุมขัง: ห้ามรวมโทษกับคดีอื่น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสอดคล้องเจตนารมณ์กฎหมาย
จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ในระหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาลเป็นกรณีที่โจทก์ไม่อาจฟ้องคดีนี้รวมกับคดีอื่น และไม่อาจรวมพิจารณาคดีนี้กับคดีอื่นเข้าด้วยกันได้ ต้องนับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอื่น ๆ ทุกคดี หากนับโทษคดีนี้รวมกับคดีอื่น ๆ ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ก็เท่ากับว่าผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 50 ปี ถ้ากระทำความผิดอีกในระหว่างที่ต้องโทษอยู่ย่อมไม่ต้องรับโทษเลย ซึ่งมิใช่เจตนารมณ์ของกฎหมาย สำหรับคดีอื่น ๆ คดีใด จำเลยจะขอปรับโทษใหม่ได้หรือไม่จำเลยชอบที่จะไปร้องขอในคดีนั้น ๆ เอง จะร้องขอเข้ามาในคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องคดีอาญาและการนับโทษต่อเนื่อง จำเป็นต้องบรรยายฟ้องระบุตัวบุคคลให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นหลายคดีรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว แต่ภายหลังโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขคดีที่ขอให้นับโทษต่ออีก ซึ่งหลังจากศาลอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องครั้งหลังแล้ว คำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี คงมีแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว ถือว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในคำบรรยายฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้อง ก็หมายความเพียงว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำบรรยายฟ้องเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อคำฟ้องไม่ได้บรรยายข้อเท็จจริงชัดเจน แม้จำเลยจะรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นหลายคดีรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรีขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว แต่ภายหลังโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขคดีที่ขอให้นับโทษต่ออีก ซึ่งหลังจากศาลอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องครั้งหลังแล้ว คำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533ของศาลอาญาธนบุรี คงมีแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว ถือว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวดังนี้ ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในคำบรรยายฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้อง ก็หมายความเพียงว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำบรรยายฟ้องเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5874/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษปรับเพื่อเพิ่มโทษทางอาญา: เมื่อใดถือว่าพ้นโทษปรับแล้ว
วันพ้นโทษปรับนับแต่วันที่จำเลยชำระค่าปรับครบถ้วน
จำเลยเคยต้องโทษปรับตามพระราชบัญญัติการพนัน พ้นโทษปรับแล้วยังไม่ครบ 3 ปี มากระทำผิดตามพระราชบัญญัติการพนันอีก ศาลวางโทษทั้งจำทั้งปรับในคดีหลังได้ ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5867/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษปรับเพื่อเพิ่มโทษในความผิดซ้ำ พ.ร.บ.การพนัน: โทษปรับถือเป็นโทษแล้ว ทำให้การกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี ต้องเพิ่มโทษ
การปรับเป็นโทษอย่างหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18(4)เมื่อศาลลงโทษปรับจำเลยและมีการชำระค่าปรับครบถ้วนแล้วในวันเวลาใดย่อมถือได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษนับแต่วันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้วหากจำเลยพ้นโทษปรับมาแล้ว ยังไม่ครบกำหนด 3 ปี มากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการพนันอีก จึงเข้าหลักเกณฑ์ต้องวางโทษหนักขึ้นตามที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ อนุมาตรา (1)หรือ (2) แล้วแต่กรณี.
of 22