พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3290/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับไล่บริวารออกจากบ้านหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด และสิทธิในทรัพย์มรดก
การที่ผู้ร้องอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทในฐานะเป็นบุตรของจำเลยและ ส. ย่อมถือว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะที่เป็นบริวารของจำเลยและ ส.เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกไปจากบ้านพิพาท ผู้ร้องจะอ้างว่ามีสิทธิอยู่ในบ้านพิพาท ซึ่งเป็นมรดกของ ส. หาได้ไม่ เพราะสิทธิดังกล่าวยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่และเป็นแต่เพียงสิทธิที่จะได้รับมรดก ไม่ใช่สิทธิที่จะอยู่ในบ้านพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะบริวารในคดีขับไล่
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนาย ส. สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการเป็นบริวาร: ข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อคดีเดิมต้องห้าม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนาย ส. สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการร้องคัดค้านคำบังคับคดีของบุคคลที่อ้างว่าตนไม่ใช่บริวารของจำเลย และมีสิทธิในที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้และคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องคำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วยเมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีกรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะบริวารและการบังคับตามคำพิพากษา: การอ้างสิทธิพิเศษจากห้างหุ้นส่วนและการเป็นคู่ความแทน
ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กรณีจึงถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย ของจำเลยก็หาทำให้ผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนข้อที่ผู้ร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ทรัพย์พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายประการใดที่จะอ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้น ขึ้นยันโจทก์ได้ และที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีคดีอีก 2 คดีที่พิพาทกันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินคดีนี้และคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น แม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะ แต่ผู้ร้องก็หามีสิทธิอย่างอื่นนอกเหนือไปกว่า สิทธิของผู้ร้องสอดก่อนมรณะไม่ ซึ่งคดี 2 คดีนั้นก็ปรากฏว่าผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความโดยตรง และประเด็นข้อพิพาทต่างกับประเด็น ที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้ ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้อง เป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ฉะนั้น คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาถึงบริวาร และการอ้างสิทธิพิเศษจากความเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ได้รับการยินยอม
ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารกรณีจึงถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย ของจำเลยก็หาทำให้ผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนข้อที่ผู้ร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ทรัพย์พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายประการใดที่จะอ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้น ขึ้นยันโจทก์ได้ และที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีคดีอีก 2 คดีที่พิพาทกันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินคดีนี้และคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น แม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะ แต่ผู้ร้องก็หามีสิทธิอย่างอื่นนอกเหนือไปกว่า สิทธิของผู้ร้องสอดก่อนมรณะไม่ซึ่งคดี 2 คดีนั้นก็ปรากฏว่าผู้ร้อง มิได้เป็นคู่ความโดยตรง และประเด็นข้อพิพาทต่างกับประเด็น ที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้ ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้อง เป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ฉะนั้น คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมและการบังคับคดีแก่บริวาร: คำพิพากษาคดีครอบครองปรปักษ์ยันได้ถึงเจ้าของรวมและภริยา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนเรือนออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินตามฟ้องเป็นที่ดินในเขตโฉนดของจำเลยหากจำเลยครอบครองล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์จำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนนั้นโดยการครอบครองปรปักษ์เมื่อปรากฏว่าที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินที่ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยจึงเป็นการที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกเมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่ดินในเขตโฉนดของโจทก์พิพากษาให้จำเลยรื้อห้องแถวและบ้านของจำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาดังกล่าวจึงใช้ยันผู้ร้องได้ทั้งการที่ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมกับจำเลยและเป็นภริยาจำเลยในระหว่างที่โจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการปฏิเสธสัญญาเช่าของผู้ให้เช่าเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา, การเป็นบริวารของจำเลย
โจทก์จำเลยทำสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ โดยจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างตึกแถวในที่ดินของโจทก์ แล้วจัดหาผู้เช่ามาทำสัญญากับโจทก์ แต่จำเลยกลับเข้าอยู่ในตึกแถวเสียเองโจทก์บอกเลิกสัญญาและฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถว อ่านคำพิพากษาเมื่อ วันที่ 15 มีนาคม 2521 ผู้คัดค้านเข้าไปอยู่ในตึกแถวตามสัญญาลงวันที่ 1ธันวาคม 2521 โดยจำเลยสัญญาว่าจะนำผู้คัดค้านไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์เมื่อข้อ 7 ของสัญญามีว่า จำเลยรับรองว่าจะนำตึกแถวที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียกเก็บเงินกินเปล่าให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 1 ปี หากเกินกำหนดนี้แล้ว ต้องเสียค่าเช่าห้องที่ไม่มีคนเช่าอยู่ให้กับโจทก์ ดังนี้ จำเลยต้องนำผู้เช่ามาทำสัญญาเช่ากับโจทก์ภายใน 1 ปี นับแต่ วันก่อสร้างเสร็จ ถ้าเกินกำหนดนี้แล้วโจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าที่จำเลยจัดหามาได้ จำเลยก่อสร้างตึกแถวเสร็จเมื่อ พ.ศ.2501 สัญญาระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้คัดค้านได้ จึงถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้คัดค้านให้ต้องออกจากตึกแถวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3736/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่ - ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา - สถานะบริวาร/ผู้เช่า
ชั้นบังคับคดีคดีขับไล่ผู้เช่าและบริวารออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละห้าพันบาท ผู้ร้องอ้างว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขับไล่ผู้ร้องออกจากที่พิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ข้อที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยแต่เป็นผู้เช่าที่พิพาทเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว & ฐานะบริวารในที่ดิน
คนต่างด้าวอาจมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ หากได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี การที่จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวทำสัญญาจองซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยยังมิได้รับอนุญาต ไม่ทำให้สัญญานี้เป็นโมฆะ ส่วนจำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือไม่ จำเลยจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 86 วรรคสอง ต่อไป
จำเลยเป็นผู้จองซื้อที่ดินและบ้านพิพาท ผู้ร้องเป็นภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ดังนั้นการที่ผู้ร้องเข้าอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาท จึงเป็นการเข้าอยู่ในฐานะบริวารของจำเลย
จำเลยเป็นผู้จองซื้อที่ดินและบ้านพิพาท ผู้ร้องเป็นภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ดังนั้นการที่ผู้ร้องเข้าอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาท จึงเป็นการเข้าอยู่ในฐานะบริวารของจำเลย