พบผลลัพธ์ทั้งหมด 96 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2732/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์ กรณีโจทก์ให้บุตรยืมรถโดยไม่ปรึกษาบิดามารดา
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขอยืมรถยนต์ของโจทก์ไปใช้และเกิดความเสียหาย โดยจำเลยที่ 2และที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดามิได้รู้เห็นด้วยและโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ยืมโดยมิได้บอกกล่าวจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่มีโอกาสทักท้วงโจทก์และห้ามปรามจำเลยที่ 1 จึงเป็นการสุดวิสัยที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาจะใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามสมควรแก่หน้าที่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2732/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์ กรณีโจทก์ให้บุตรยืมรถโดยไม่แจ้งบิดามารดา
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขอยืมรถยนต์ของโจทก์ไปใช้และเกิดความเสียหายโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดามิได้รู้เห็นด้วยและโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ยืมโดยมิได้บอกกล่าวจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่มีโอกาสทักท้วงโจทก์และห้ามปรามจำเลยที่ 1 จึงเป็นการสุดวิสัยที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาจะใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามสมควรแก่หน้าที่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์: การพิสูจน์ความระมัดระวัง
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรอยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 บิดามารดาผู้แทนโดยชอบธรรม เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาที่จะขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 แม้จะมิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามสมควรแก่หน้าที่ก็ตาม เพราะการใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามควรแก่หน้าที่นั้น เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะต้องพิสูจน์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 648/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของผู้เยาว์ แม้มิได้ระบุความประมาทเลินเล่อในการดูแล
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรอยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 บิดามารดาผู้แทนโดยชอบธรรม เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาที่จะขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นบิดามารดาของจำเลยที่1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 แม้จะมิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามสมควรแก่หน้าที่ก็ตามเพราะการใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามควรแก่หน้าที่นั้น เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะต้องพิสูจน์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 648/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2056/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อละเมิดของบุตรผู้เยาว์ และผลผูกพันของข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหาย
บุตรโจทก์กับบุตรจำเลยเป็นเพื่อนกันได้พากันขับรถพาเพื่อนออกไปเที่ยวโดยมีบุตรโจทก์เป็นผู้ขับ หลังจากพาเพื่อนกลับมาแล้วบุตรโจทก์ได้ขับรถออกไปกับบุตรจำเลยอีก โดยจำเลยไม่ทราบและไม่มีพฤติการณ์ใดที่ส่อแสดงให้เห็นว่าบุตรจำเลยจะทำหน้าที่ขับรถแทนบุตรโจทก์ หลังจากนั้นบุตรจำเลยโดยความประมาทเลินเล่อขับรถโจทก์ไปประสบอุบัติเหตุเสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังดูแลบุตรจำเลยตามสมควรแก่หน้าที่ในขณะนั้นแล้ว จำเลยไม่ต้องร่วมรับผิดกับบุตรผู้เยาว์ด้วย
แม้จำเลยจะไม่ต้องร่วมรับผิดกับบุตรผู้เยาว์ในผลแห่งละเมิดที่บุตรผู้เยาว์กระทำลงเพราะจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าหลังจากเกิดเหตุจำเลยได้ไปตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่บุตรจำเลยทำละเมิดต่อพนักงานสอบสวน แสดงว่าจำเลยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการทำละเมิดของบุตรจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย
แม้จำเลยจะไม่ต้องร่วมรับผิดกับบุตรผู้เยาว์ในผลแห่งละเมิดที่บุตรผู้เยาว์กระทำลงเพราะจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าหลังจากเกิดเหตุจำเลยได้ไปตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่บุตรจำเลยทำละเมิดต่อพนักงานสอบสวน แสดงว่าจำเลยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการทำละเมิดของบุตรจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รับรอง และความรับผิดของบิดามารดาต่อการละเมิดของบุตร
ทะเบียนบ้านของจำเลยที่โจทก์อ้างเป็นพยานเอกสารนั้น เป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลภายนอก โจทก์จึงไม่ต้องยื่นหรือส่งสำเนาเอกสารนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(2) อย่างไรก็ดี การไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ทำให้การรับฟังพยานเอกสารเช่นว่านี้เสียไป ถ้าหากศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารเช่นว่านี้เป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
โจทก์อ้างทะเบียนบ้านของจำเลยซึ่งเป็นสำเนา ไม่มีเจ้าหน้าที่ทะเบียนท้องถิ่นรับรอง ปรากฏว่าเอกสารนี้เป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายมาจากต้นฉบับซึ่งทนายโจทก์ได้เซ็นชื่อรับรองว่าเป็นสำเนาถูกต้องแล้ว จำเลยก็มิได้นำสืบหักล้างว่าเอกสารนี้มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับแต่อย่างใด หากจำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้อง สำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยก็มีอยู่ สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารเช่นนี้ได้
การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเศษ กับยอมให้จำเลยที่ 1 ซื้อรถมาขับขี่ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ง่าย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้เยาว์ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทชนบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย
โจทก์อ้างทะเบียนบ้านของจำเลยซึ่งเป็นสำเนา ไม่มีเจ้าหน้าที่ทะเบียนท้องถิ่นรับรอง ปรากฏว่าเอกสารนี้เป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายมาจากต้นฉบับซึ่งทนายโจทก์ได้เซ็นชื่อรับรองว่าเป็นสำเนาถูกต้องแล้ว จำเลยก็มิได้นำสืบหักล้างว่าเอกสารนี้มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับแต่อย่างใด หากจำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้อง สำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยก็มีอยู่ สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารเช่นนี้ได้
การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเศษ กับยอมให้จำเลยที่ 1 ซื้อรถมาขับขี่ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ง่าย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้เยาว์ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทชนบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รับรอง และความรับผิดของบิดามารดาต่อการละเมิดของบุตรผู้เยาว์
ทะเบียนบ้านของจำเลยที่โจทก์อ้างเป็นพยานเอกสารนั้น เป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลภายนอก โจทก์จึงไม่ต้องยื่นหรือส่งสำเนาเอกสารนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(2) อย่างไรก็ดีการไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ทำให้การรับฟังพยานเอกสารเช่นว่านี้เสียไป ถ้าหากศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารเช่นว่านี้เป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
โจทก์อ้างทะเบียนบ้านของจำเลยซึ่งเป็นสำเนา ไม่มีเจ้าหน้าที่ทะเบียนท้องถิ่นรับรอง ปรากฏว่าเอกสารนี้เป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายมาจากต้นฉบับซึ่งทนายโจทก์ได้เซ็นชื่อรับรองว่าเป็นสำเนาถูกต้องแล้วจำเลยก็มิได้นำสืบหักล้างว่าเอกสารนี้มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับแต่อย่างใด หากจำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้อง สำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยก็มีอยู่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารเช่นนี้ได้
การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเศษ กับยอมให้จำเลยที่ 1 ซื้อรถมาขับขี่ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ง่าย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ร่วมกับจำเลยที่ 1ผู้เยาว์ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทชนบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย
โจทก์อ้างทะเบียนบ้านของจำเลยซึ่งเป็นสำเนา ไม่มีเจ้าหน้าที่ทะเบียนท้องถิ่นรับรอง ปรากฏว่าเอกสารนี้เป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายมาจากต้นฉบับซึ่งทนายโจทก์ได้เซ็นชื่อรับรองว่าเป็นสำเนาถูกต้องแล้วจำเลยก็มิได้นำสืบหักล้างว่าเอกสารนี้มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับแต่อย่างใด หากจำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้อง สำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยก็มีอยู่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารเช่นนี้ได้
การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเศษ กับยอมให้จำเลยที่ 1 ซื้อรถมาขับขี่ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ง่าย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ร่วมกับจำเลยที่ 1ผู้เยาว์ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทชนบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3344/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการละเมิดของบุตรผู้เยาว์ และการใช้ข้อเท็จจริงในคดีอาญาในคดีแพ่ง
อัยการได้ฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นคดีอาญา ซึ่งถือว่าฟ้องแทนโจทก์คดีนี้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาผูกพันจำเลยที่ 3 ว่าจำเลยที่ 3 ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าทางโค้งโดยไม่ลดความเร็วลงเป็นเหตุให้ชนผู้ตาย ซึ่งเดินอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือของจำเลยถึงแก่ความตาย
จำเลยที่ 3 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นมานานพอสมควรแล้วแต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 กลับยืนยันว่าไม่เคยทราบว่าจำเลยที่ 3 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นมาก่อนเลย แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 3 ตามสมควรแก่หน้าที่ของบิดามารดาพึงดูแลบุตรผู้เยาว์ จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 3 กระทำไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 429
จำเลยที่ 3 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นมานานพอสมควรแล้วแต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 กลับยืนยันว่าไม่เคยทราบว่าจำเลยที่ 3 ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นมาก่อนเลย แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 3 ตามสมควรแก่หน้าที่ของบิดามารดาพึงดูแลบุตรผู้เยาว์ จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 3 กระทำไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 429
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร การใช้รถผิดประเภท และการดูแลตามสมควร
จำเลยที่ 1 อายุ 17 ปี อยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดา จำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟซึ่งลุกไหม้ที่ไร่อ้อยเป็นเหตุให้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหาย แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 เคยเห็นจำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์มาก่อนและมิได้ว่ากล่าวห้ามปรามก็ตามการขับรถแทรกเตอร์ของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 รู้เห็นและมิได้ห้ามปรามนั้นเป็นการขับรถแทรกเตอร์ตามปกติ แต่การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1ในคดีนี้เป็นการขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟ โดยรถแทรกเตอร์ของโจทก์มิได้มีไว้เพื่อใช้ในการดับไฟ เป็นการใช้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ผิดจากปกติ หาใช่การขับรถที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ว่ากล่าวห้ามปรามไม่ ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง1 กิโลเมตรเศษย่อมไม่อาจห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟได้ และการที่ไฟไหม้ไร่อ้อยเป็นเหตุเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่อาจคาดหมายและกำชับล่วงหน้ามิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3ไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นบิดามารดาและการรับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย: บทบัญญัติใหม่ใช้ไม่ได้กับความสัมพันธ์เดิม
การเป็นบิดากับบุตรระหว่างนาย บ. กับผู้ร้องมีอยู่แล้วในวันที่ 16 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นวันที่บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ใช้บังคับ จึงนำบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่มาใช้บังคับ หาได้ ไม่
ปัญหาว่าการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรจะต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่บุตรบรรลุนิติภาวะนั้นศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มิฉะนั้นคดีไม่มีประเด็นข้อนี้
ปัญหาว่าการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรจะต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่บุตรบรรลุนิติภาวะนั้นศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มิฉะนั้นคดีไม่มีประเด็นข้อนี้