คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปฏิบัติตาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 96 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยสุจริตและการปฏิบัติตามคำสั่งศาลถึงที่สุด แม้การยึดทรัพย์เริ่มแรกจะชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้คืนทรัพย์ จำเลยต้องปฏิบัติตาม
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิทางศาล จะเป็นการกระทำละเมิดต่อเมื่อกระทำโดยไม่สุจริต มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาท จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่นำยึดทรัพย์ไม่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาท คดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วนั้น โดยต้องคืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไป ดังนี้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความ จำเลยจะฎีกาโต้เถียงในคดีนี้ว่าตนยังมีสิทธิ์ยึดหน่วงอีกย่อมฟังไม่ขึ้น ทั้งการที่โจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืนจากจำเลย ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดแล้ว แต่จำเลยไม่คืนให้ มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสาบานต่อหน้าศาล: การปฏิบัติตามคำท้าและผลผูกพันทางกฎหมาย
ตามคำท้าของจำเลยไม่ปรากฏว่าต้องทำพิธีกรรมอย่าง ครบถ้วนแบบโบราณ โดยมีพระภิกษุหรือพราหมณ์มาทำพิธีต่อ หน้าพระแก้วมรกตด้วย อันเป็นการชุมนุมเทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกมาเป็นสักขีพยาน เมื่อเจ้าหน้าที่ธุรการของศาลรายงานว่า ตัวโจทก์ได้กล่าวคำสาบานตามที่คู่ความตกลงกันที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามตามคำท้าแล้วดังนี้โจทก์ได้กล่าวคำสาบานตามคำท้าของจำเลย โดยชอบแล้ว จำเลยต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์และการจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และกำหนดเวลาให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์แต่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาที่กำหนดนั้นถือว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2984/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามขั้นตอนอุทธรณ์คำสั่งพนักงานเงินทดแทน หากไม่ปฏิบัติตาม จะไม่มีสิทธิโต้แย้งคำสั่งในศาล
เมื่ออธิบดีกรมแรงงานมีคำสั่งยกอุทธรณ์ของจำเลย และให้จำเลยจ่ายเงินทดแทนตามคำสั่งของพนักงานเงินทดแทนแล้ว จำเลยหาได้นำคดีไปสู่ศาลไม่ คำสั่งของอธิบดีกรมแรงงานจึงเป็นที่สุด จำเลยจะดำเนินการใด ๆ ในศาลแรงงานอีกไม่ได้รวมทั้งให้การต่อสู้คดี ทั้งนี้โดยต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯมาตรา 8 วรรคท้าย เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเงินทดแทน จำเลยจึงไม่มีสิทธิต่อสู้ว่าคำสั่งของพนักงานเงินทดแทนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหมายความรวมถึงพนักงานเงินทดแทนกระทำโดยปราศจากอำนาจด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1938/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำบังคับและการออกหมายบังคับคดี ศาลต้องมีคำบังคับก่อนออกหมายบังคับคดีได้
ศาลพิพากษาตามยอมและมีคำสั่งท้ายคำพิพากษาเพียงว่าบังคับคดีตามยอม เท่านั้นยังถือไม่ได้ว่าศาลได้มี คำบังคับแล้วและที่ศาลมีคำสั่งว่าบังคับคดีใน 30 วัน นั้นหมายความว่าให้มีคำบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความภายใน 30 วัน ตามที่บัญญัติไว้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 และมาตรา273 เสียก่อนมิใช่เป็นคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 วรรคแรกศาลจะออกหมายบังคับคดีให้ทันทีได้ต่อเมื่อเห็นว่าคำบังคับ ได้ส่งให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา ได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญแล้วและระยะเวลาที่ศาล ได้กำหนดไว้เพื่อปฏิบัติตามคำบังคับนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว ด้วยเมื่อปรากฏว่าการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ ดังกล่าวคู่ความฝ่ายซึ่งถูกบังคับคดีย่อมขอให้ศาลมีคำสั่งให้ยกหมายบังคับคดีเสียได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1703/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำบังคับที่ไม่อาจทำได้เนื่องจากกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือ ศาลไม่ถือว่าจงใจขัดขวาง
ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเช็คพิพาทให้โจทก์ แต่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เนื่องจากเช็คพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นไปแล้วกรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ อันจะเป็นเหตุให้กักขังจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันกับการปฏิบัติตามคำบังคับศาล: นายประกันผูกพันกับเงื่อนไขการปฏิบัติตามคำสั่งศาลของผู้ถูกบังคับคดี
ศาลชั้นต้นออกหมายจับ ส. ตามคำร้องของโจทก์ในฐานะที่ ส.เป็นบริวารของจำเลยและไม่ออกไปจากตึกแถวพิพาทตามคำบังคับของศาล เพื่อให้ ส. ปฏิบัติตามคำบังคับ.ซึ่ง ส. อาจถูกกักขังจนกว่าจะออกไปจากตึกแถวพิพาท แต่ไม่เกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันจับ. ส.จะขอประกันตัวได้ภายในเงื่อนไขที่ว่า ตนยอมที่จะปฏิบัติตามคำบังคับ ทั้งตามคำร้องที่นายประกันยื่นต่อศาลเพื่อขอประกันตัว ส. ก็ระบุไว้ชัดว่า เพื่อให้ ส. ออกไปปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ และคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ประกันตัวก็ระบุว่าเพื่อให้ ส. ออกไปปฏิบัติตามคำบังคับภายใน 20 วันนับแต่วันที่มีคำสั่ง ฉะนั้น ข้อที่ว่า ส. จะต้องปฏิบัติตามคำบังคับจึงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันเมื่อ ส. ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือว่านายประกันผิดสัญญาประกัน ศาลริบเงินประกันนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3563-3564/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกลับเข้าทำงานต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมหรือเทียบเท่า หากต่ำกว่าถือไม่เป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษา
การรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานในตำแหน่งซึ่งต่ำกว่าเดิมจะถือว่าเป็นการรับกลับเข้าทำงานเสมือนหนึ่งว่าไม่เคยเลิกจ้างมิได้ เมื่อมีคำร้องของลูกจ้างว่านายจ้างมิได้ให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมศาลย่อมมีอำนาจจะวินิจฉัยว่าตำแหน่งซึ่งนายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานต่ำกว่าตำแหน่งเดิมหรือไม่เพราะเป็นคำสั่งในการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาหาใช่เป็นการขยายความนอกเหนือไปจากคำพิพากษาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำพิพากษา: จำเลยต้องไถ่ถอนจำนองก่อนชำระค่าสินไหมทดแทน
ตามคำพิพากษาอันดับแรกที่ให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทโอนให้แก่โจทก์โดยรับเงินจากโจทก์นั้นไม่ปรากฏว่าเพราะเหตุใดจำเลยจึงไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาในอันดับแรกนี้เสียก่อน จำเลยกลับรีบนำเงินค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาอันดับหลัง มาวางต่อศาล ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับจำนวนเงินที่จำเลย จำนองไว้กับธนาคารในระหว่างที่ศาลชั้นต้นยังมิได้ออกคำบังคับแสดงว่าจำเลยสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาอันดับแรกได้และก็ไม่ปรากฏว่าธนาคารผู้รับจำนองมีเหตุขัดข้องไม่ยอมให้จำเลยไถ่ถอนการจำนองแต่ประการใด การกระทำของจำเลยจึงชวนให้สงสัยว่าน่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อจะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของคำพิพากษาตั้งแต่อันดับแรกเป็นต้นไปตามลำดับ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ เลือกปฏิบัติชำระเงินค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษา อันดับหลัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้ากันใช้ผลคดีอื่นเป็นข้อวินิจฉัยคดีปัจจุบัน หากฝ่ายแพ้ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้าน และที่ดินพิพาทกับเรียกค่าเสียหายอ้างว่าบ้านและที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัย จำเลยให้การว่าบ้านและที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลยให้ภริยาโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินแทน ก่อนตายบิดาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ ภริยาโจทก์ จำเลยและน้อง ๆ รักษาบ้านและที่ดินพิพาทไว้เป็นที่อยู่อาศัยของญาติพี่น้อง แล้วจำเลยได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งว่า โจทก์คดีนี้ยอมยกที่ดินและบ้านพิพาทตีใช้หนี้แก่จำเลยแล้ว ขอให้โจทก์คดีนี้ใช้เงิน 198,000 บาท ให้จำเลย หรือโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ในชั้นพิจารณาคดีนี้โจทก์จำเลยตกลงกันว่า ถ้าผลอีกคดีหนึ่งนั้นโจทก์ในคดีนี้ชนะคดีจำเลยยอมแพ้คดีนี้ด้วย และยอมชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง แต่ถ้าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าว โจทก์ก็ต้องแพ้คดีนี้ด้วย โดยโจทก์ต้องยอมชำระเงินให้จำเลย 198,000 บาท เพื่อให้จำเลยออกจากบ้านและที่ดินพิพาทหรือยอมโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ออกเงินช่วยรักษาพยาบาลภรรยาโจทกย์จริง แต่จำเลยฟ้องรวมมากับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้ว่าค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลอย่างละเท่าไร ไม่อาจพิพากษาให้ได้ จึงพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิจำเลยไปฟ้องเรียกเงินทดรองในการรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์ ดังนี้ คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ถือว่าผลคดีตรงตามคำท้าแล้ว คือโจทก์คดีนี้เป็นฝ่ายชนะในคดีนั้น จำเลยจึงต้องแพ้คดีนี้ตามคำท้า จำเลยจะอ้างว่าคดียังไม่เสร็จเด็ดขาด และจำเลยยังไม่สละสิทธิข้อต่อสู้ในคำให้การคดีนี้หาได้ไม่
of 10