พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ: การสืบพยานนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณโดยกล่าวในฟ้องว่าจำเลยด่าว่าโจทก์และทำร้ายร่างกายโจทก์จนได้รับบาดเจ็บเป็นการเนรคุณโจทก์ ดังนี้ ข้อที่จำเลยไม่ยอมให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์เพราะความยากไร้ของโจทก์ และจำเลยสามารถที่จะให้ได้ ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งของการประพฤติเนรคุณนั้น โจทก์มิได้บรรยายยกเป็นประเด็นในคำฟ้อง แม้โจทก์จะได้นำสืบในข้อนี้ก็เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็นรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ: ประเด็นสำคัญอยู่ที่การพิสูจน์พฤติกรรมเนรคุณ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ยกนาพิพาทให้จำเลย จำเลยประพฤติเนรคุณจึงถอนคืนการให้จำเลยให้การรับว่าโจทก์ยกนาพิพาทให้จริง แต่ปฏิเสธว่ามิได้ประพฤติเนรคุณประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยประพฤติเนรคุณอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิถอนคืนการให้หรือไม่ส่วนที่ว่าสัญญายกให้จะสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้นไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนของให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ นับแต่วันที่ทราบเหตุ
โจทก์ฟ้องคดีเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณ เมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันที่โจทก์ทราบเหตุเช่นนั้นฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา533
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ: ข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผู้รับให้บอกปัดไม่ยอมให้สั่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ผู้ให้ในเวลาที่โจทก์ยากไร้และจำเลยยังสามารถให้ได้อันเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ จำเลยให้การเพียงว่าโจทก์มิได้อยู่ในฐานะยากจน แต่มีฐานะมั่นคงและจำเลยได้อุปการะโจทก์อยู่ด้วยดีตลอดมา ประเด็นจึงมีว่าโจทก์ยากไร้และจำเลยบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งจำเป็นแก่โจทก์ ทั้ง ๆ ที่จำเลยสามารถให้ได้หรือไม่เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉยว่าโจทก์ไม่ใช่คนยากไร้ จะฟ้องเรียกให้ถอนคืนการให้มิได้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาโจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาว่าทรัพย์สินที่โจทก์มีเป็นที่ดินจะขายก็ไม่ทันที่จะนำมาใช้ตามความจำเป็นหาได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้โดยเสน่หาแล้วประพฤติเนรคุณ โจทก์มีสิทธิเรียกคืนได้
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ยังไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์จึงไม่อาจจดทะเบียนการให้ได้โจทก์มอบการครอบครองที่พิพาทให้จำเลยโดยเจตนายกให้โดยเสน่หาจำเลยได้สิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วเมื่อประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์เรียกถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้ทรัพย์: การประพฤติเนรคุณต้องแสดงให้เห็นว่าทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาท และผู้รับไม่ใช่ผู้ยากไร้
มารดายกทรัพย์ให้บุตร ต่อมาบุตรกับมารดาเถียงกันเรื่องเข็มขัดทองเป็นของมารดาหรือของบุตร บุตรแจ้งความต่อตำรวจว่ามารดายักยอกทรัพย์และขอให้อัยการฟ้องมารดาเรียกเข็มขัดทองนั้น มารดาสาบานต่อหน้าพระตามคำท้า มีบุคคลหลายคนเห็นเป็นแต่มารดาสมัครใจสาบานตามคำท้าในศาลเอง ไม่เป็นหมิ่นประมาทมารดาที่จะเพิกถอนการให้
มารดายังมีสวนมะพร้าวและตัดจากขาย มีรถยนต์บรรทุกจากขายไม่ใช่ผู้ยากไร้ที่บุตรจะต้องช่วย
มารดายังมีสวนมะพร้าวและตัดจากขาย มีรถยนต์บรรทุกจากขายไม่ใช่ผู้ยากไร้ที่บุตรจะต้องช่วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทมารดาโดยบุตร และการเพิกถอนการยกที่ดินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ
หมิ่นประมาทตามมาตรา 531 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาจำต้องถึงกับเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาไม่ เพียงแต่ได้ความว่า กระทำการโดยเจตนาหมิ่นก็ถือว่าประพฤติเนรคุณแล้ว การที่จำเลยด่าโจทก์ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยด้วยถ้อยคำว่า "อีโคตรพ่อ อีโคตรแม่มึง อีหน้าด้าน อีหน้าหมา อีไม่มีศีลธรรม" และด้วยถ้อยคำหยาบอื่น ๆ อีกในทำนองว่าโจทก์เป็นคนโกงหักหลังได้แม้กระทั่งลูกของตน เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ผู้เป็นมารดา ขาดการเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตร จึงนับว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามมาตรา 531 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514-1515/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้โดยเสน่หาจากเหตุประพฤติเนรคุณและการฉ้อฉลของผู้รับ
ผู้ให้ซึ่งเป็นมารดาผู้รับพูดกับผู้รับว่า อย่าขายที่นาพิพาทเลย ผู้รับกลับเถียงว่านาของกู จะขาย จะทำไม มึงยกให้กูแล้ว อีแม่หมาๆ อีดอกทอง เมื่อไหร่มึงจะตาย ดังนี้ถือได้ว่าผู้รับได้ประพฤติเนรคุณ โดยหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ผู้ให้มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้จากผู้รับได้แล้ว
การเพิกถอนการให้ด้วยเหตุประพฤติเนรคุณนั้น ผู้ให้ชอบที่จะเรียกถอนการให้ได้นับแต่วันทราบเหตุเนรคุณ ภายในกำหนดอายุความตามมาตรา 533 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หากผู้รับได้โอนกรรมสิทธิ์ ที่นาพิพาทให้บุคคลอื่นซึ่งได้รับโอนโดยไม่สุจริต ผู้ให้มีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉลนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา237 โดยถือว่าผู้ให้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้และเป็นฝ่ายต้องเสียเปรียบจากการที่ผู้รับผู้เป็นลูกหนี้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่นาพิพาทนั้นไป
การเพิกถอนการให้ด้วยเหตุประพฤติเนรคุณนั้น ผู้ให้ชอบที่จะเรียกถอนการให้ได้นับแต่วันทราบเหตุเนรคุณ ภายในกำหนดอายุความตามมาตรา 533 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หากผู้รับได้โอนกรรมสิทธิ์ ที่นาพิพาทให้บุคคลอื่นซึ่งได้รับโอนโดยไม่สุจริต ผู้ให้มีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉลนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา237 โดยถือว่าผู้ให้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้และเป็นฝ่ายต้องเสียเปรียบจากการที่ผู้รับผู้เป็นลูกหนี้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่นาพิพาทนั้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากภาระผูกพันและการประพฤติเนรคุณ จำเป็นต้องมีภาระเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยกให้
ภารติดพันในอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1429 ซึ่งผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับชำระหนี้เป็นคราวๆ จากทรัพย์สิน หรือได้ใช้และถือเอาประโยชน์แห่งทรัพย์สินตามที่ระบุไว้นั้น เป็นภาระที่เกี่ยวกับตัวทรัพย์นั้นๆ และการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพันตามมาตรา 535(2) ก็จะต้องเป็นกรณีที่มีภาระเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยกให้เช่นกัน
อาโอนที่ดินยกให้หลานโดยเสน่หา โดยหลานสัญญาว่าจะอุปการะเลี้ยงดู ให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตตลอดชีวิตของอา และจะเป็นผู้ทำศพเมื่ออาวายชนม์นั้น กรณีเช่นนี้หามีภาระเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยกให้ไม่ จึงไม่ใช่เป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพันตามกฎหมาย
อาโอนที่ดินยกให้หลานโดยเสน่หา โดยหลานสัญญาว่าจะอุปการะเลี้ยงดู ให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตตลอดชีวิตของอา และจะเป็นผู้ทำศพเมื่ออาวายชนม์นั้น กรณีเช่นนี้หามีภาระเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยกให้ไม่ จึงไม่ใช่เป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพันตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119-120/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและการถอนคืนการให้เนื่องจากกลฉ้อฉล ประพฤติเนรคุณ และหลอกลวง
โจทก์มีที่ดินอยู่แปลงเดียวปรารภว่าจะแบ่งให้บุตรทั้ง 4 คนอ. ซึ่งเป็นบุตรีคนหนึ่งกับ ช.สามีรบเร้าให้แบ่งที่ดินยกให้อ. ก่อนโดยรับรองจะส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์เดือนละ 200 บาท ครั้นโจทก์แบ่งแยกที่ดินแล้ว อ. กับ ช.ก็แนะนำให้โอนที่ดินแปลงที่ยกให้แก่ อ. นั้น โดยทำนิติกรรมเป็นขายให้แก่ ช.โดยโจทก์ไม่ได้รับเงินเลยเมื่อได้ที่ดินแล้วอ. กับ ช.ก็ส่งเสียเงินแก่โจทก์ตามที่รับรองไว้ต่อมาช. เกิดผิดใจกับโจทก์ ช. กับ อ. ก็ถือโกรธไม่ยอมส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์ทำให้โจทก์ประสบความแร้นแค้นและ ช. ยังด่าว่าโจทก์ว่า 'คนแก่หัวหงอก พูดจากลับกลอก ไม่มีสัตย์' ต่อหน้าบุคคลหลายคนซึ่งเป็นญาติก็มี ไม่ใช่ญาติก็มีดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้อง ช. เรียกถอนคืนการให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2)(3)
โจทก์โอนที่ดินให้จำเลยโดยทำนิติกรรมเป็นขายให้ แล้วนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างพยานเอกสารว่าโจทก์ถูกจำเลยหลอกลวงให้โอนให้ โดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินราคาที่ดินนั้น ดังนี้ โจทก์มีสิทธินำสืบได้เพราะเป็นการสืบทำลายล้างเอกสารนั้นว่ามีขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยซึ่งเป็นบุตรีโจทก์ หลอกโจทก์ว่า ย. ผู้เคยมีกรณีขัดแย้งอยู่กับโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ขอให้โจทก์โอนที่ดินให้เป็นของจำเลยเสียหากแพ้คดีจะได้ไม่ถูกยึดทั้งรับรองว่าภายหลังจะโอนกลับคืนให้แล้วจำเลยก็ให้โจทก์ทำนิติกรรมเป็นโอนขายแก่จำเลยโดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินเลย ดังนี้ ต่อมาโจทก์รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง ได้เตือนให้จำเลยโอนคืนแล้วจำเลยขัดขืน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียได้
โจทก์ฎีกาโดยรับอนุญาตให้ฟ้องฎีกาได้อย่างคนอนาถา เมื่อจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลฎีกา และศาลเห็นว่าจำเลยจะต้องเป็นผู้รับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความทั้งสองฝ่ายศาลฎีกาย่อมสั่งให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกานั้นให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์ผู้ฎีกาอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 158
โจทก์โอนที่ดินให้จำเลยโดยทำนิติกรรมเป็นขายให้ แล้วนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างพยานเอกสารว่าโจทก์ถูกจำเลยหลอกลวงให้โอนให้ โดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินราคาที่ดินนั้น ดังนี้ โจทก์มีสิทธินำสืบได้เพราะเป็นการสืบทำลายล้างเอกสารนั้นว่ามีขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยซึ่งเป็นบุตรีโจทก์ หลอกโจทก์ว่า ย. ผู้เคยมีกรณีขัดแย้งอยู่กับโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ขอให้โจทก์โอนที่ดินให้เป็นของจำเลยเสียหากแพ้คดีจะได้ไม่ถูกยึดทั้งรับรองว่าภายหลังจะโอนกลับคืนให้แล้วจำเลยก็ให้โจทก์ทำนิติกรรมเป็นโอนขายแก่จำเลยโดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินเลย ดังนี้ ต่อมาโจทก์รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง ได้เตือนให้จำเลยโอนคืนแล้วจำเลยขัดขืน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียได้
โจทก์ฎีกาโดยรับอนุญาตให้ฟ้องฎีกาได้อย่างคนอนาถา เมื่อจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลฎีกา และศาลเห็นว่าจำเลยจะต้องเป็นผู้รับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความทั้งสองฝ่ายศาลฎีกาย่อมสั่งให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกานั้นให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์ผู้ฎีกาอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 158