คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผลบังคับใช้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งนายกฯ ตามธรรมนูญการปกครองฯ มีผลบังคับใช้ได้ การงดสืบพยานระหว่างพิจารณาไม่ถือเป็นอุปสรรคคดี
ในระหว่างที่ใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ถือว่าธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรเป็นกฎหมายสูงสุด บรรดาคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรดังกล่าวและโดยมติคณะรัฐมนตรีจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและใช้บังคับได้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดสืบพยานจำเลยมิได้ทำให้คดีเสร็จสิ้นไปทั้งเรื่องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาในประเด็นดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันของบริษัทเครดิตฟองซิเอร์: ผลบังคับใช้เมื่อไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย แต่เป็นกิจการที่อยู่ในวัตถุประสงค์ของบริษัท
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ทำสัญญาค้ำประกันหนี้จำเลยที่ 1 ที่กู้เงินจากโจทก์ เมื่อการค้ำประกันหนี้เป็นกิจการที่จำเลยที่ 2 อาจได้รับอนุญาตให้กระทำได้ และอยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของจำเลยที่ 2 ตามหนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนไว้ด้วย ฉะนั้น หากโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมรู้ด้วยว่าจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ก็จะถือว่านิติกรรมสัญญานั้นมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการฝ่าฝืนต้องห้ามโดยกฎหมายไม่ได้ สัญญาค้ำประกันดังกล่าวจึงมีผลใช้บังคับได้
(วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2531)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันของบริษัทเครดิตฟองซิเอร์: ผลบังคับใช้เมื่อทำนอกขอบอนุญาต แต่มีวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิ
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ทำสัญญาค้ำประกันหนี้จำเลยที่ 1 ที่กู้เงินจากโจทก์ เมื่อการค้ำประกันหนี้เป็นกิจการที่จำเลยที่ 2 อาจได้รับอนุญาตให้กระทำได้ และอยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของจำเลยที่ 2 ตามหนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนไว้ด้วยฉะนั้น หากโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมรู้ด้วยว่าจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ก็จะถือว่า นิติกรรมสัญญานั้นมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการฝ่าฝืนต้องห้ามโดยกฎหมาย ไม่ได้ สัญญาค้ำประกันดังกล่าวจึงมีผลใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมไม่เป็นกฎหมาย จึงไม่ลบล้างความผิดก่อนประกาศใช้
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่ให้โรงงานบางประเภทได้รับยกเว้นจากการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 ในส่วนที่เกี่ยวกับการขอใบอนุญาตทั้งหมด ไม่ใช่กฎหมาย จึงไม่มีผลลบล้างการกระทำซึ่งเป็นความผิดอันได้กระทำลงก่อนประกาศฉบับนี้ใช้บังคับตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3560/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลบังคับใช้ของ พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2526 และสิทธิบำนาญพิเศษของบุตรที่ศาลมีคำพิพากษา
เงินเพิ่มพิเศษมีผลใช้บังคับในการรวมเป็นเงินเดือนสุดท้ายตามพ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2526 มาตรา 9มีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันประกาศใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้บำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษพ.ศ. 2521 มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวต้องตีความว่า บุตรซึ่งได้มีคำพิพากษาของศาลว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก่อนวันที่พ.ร.บ. ฉบับนี้ใช้บังคับย่อมมีสิทธิเรียกร้องและฟ้องเรียกบำนาญพิเศษในฐานะทายาทผู้มีสิทธิเมื่อ พ.ร.บ. ฉบับนี้ใช้บังคับแล้วกรณีเช่นนี้หาใช่เป็นกรณีที่กฎหมายมีผลใช้บังคับย้อนหลังไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3045/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งกรรมสิทธิ์รวม และผลบังคับใช้กับจำเลยอื่น
โจทก์กับจำเลยทั้งสามมีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดินพิพาท การกำหนดลงไปในเอกสารรวมสองฉบับว่า ผู้ใดได้ที่ดินส่วนใด ย่อมเป็นการระงับข้อพิพาทอันจะมีขึ้นให้เสร็จไป เพราะเป็นการตกลงเพื่อให้เป็นที่แน่นอนไม่โต้เถียง แย่งกันเอาที่ดินส่วนนั้นส่วนนี้ ทั้งตามข้อตกลงก็ระบุว่าจะนำช่าง รังวัดทำการปักหลักเขตแสดงว่า มีการตกลงกันแน่นอนแล้วมิฉะนั้นย่อมจะนำช่าง รังวัดที่ดินเพื่อแบ่งแยกมิได้ และหลังจากรังวัดแล้วจึงจะรู้เนื้อที่ของแต่ละคนเป็นที่แน่นอน เอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 ฟ้องแย้งเป็นเรื่องจำเลยขอให้บังคับโจทก์จะขอให้บังคับจำเลยด้วยกันมิได้เพราะขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 178.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายที่ดิน และผลบังคับใช้ต่อคู่กรณีเดิม
โจทก์ที่1ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดสรรที่ดินชำระราคาแล้วบางส่วนจำเลยจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้เมื่อแบ่งแยกโฉนดเสร็จต่อมาโจทก์ที่1ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินรายเดียวกันนี้ให้แก่โจทก์ที่2โดยโจทก์ที่1ตกลงโอนเฉพาะสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่1ตามสัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์ที่1กับจำเลยให้แก่โจทก์ที่2ส่วนหนี้ของโจทก์ที่1ที่จะต้องชำระราคาส่วนที่เหลือยังคงอยู่กับโจทก์ที่1ตามเดิมดังนี้สิทธิที่จะขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนที่ดินให้โดยสภาพย่อมเปิดช่องให้โอนกันได้ไม่เป็นการเฉพาะตัวหรือมีกฎหมายห้ามโอนแต่ประการใดกรณีนี้โจทก์ที่1ยังคงเป็นลูกหนี้ที่จะต้องชำระค่าที่ดินให้จำเลยและจำเลยก็ยังคงเป็นลูกหนี้ที่จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่ไม่มีการเปลี่ยนตัวลูกหนี้อันจะต้องมีการทำสัญญากันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา350โจทก์ที่1มีสิทธิโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อขายให้แก่โจทก์ที่2ได้เมื่อการโอนได้ทำเป็นหนังสือและโจทก์ที่1ได้มีหนังสือบอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา306แล้วโจทก์ทั้งสองจึงร่วมกันฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่2ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนอาคารต่อเติมที่ไม่ได้รับอนุญาต จำเป็นต้องพิสูจน์การกระทำหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522แต่นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าหลังจากจำเลยได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมแล้วจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวรวมทั้งจำเลยได้ให้การรับสารภาพเมื่อถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือ จนศาลพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน500บาทก็หาทำให้ข้อเท็จจริงผูกพันจำเลยว่าจำเลยได้ทำการดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522ไม่โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมดังกล่าวตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522กรณีไม่ต้องวินิจฉัยปรับบทกฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ.2479เพราะพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารในระหว่างที่พ.ร.บ.ดังกล่าวใช้บังคับอยู่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าการชี้ขาดคดีส่วนแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามส่วนอาญานั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ไม่ได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนอาคารดัดแปลง: โจทก์ต้องพิสูจน์การดัดแปลงหลังวันที่กฎหมายควบคุมอาคารมีผลบังคับใช้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522แต่นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าหลังจากจำเลยได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมแล้วจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวรวมทั้งจำเลยได้ให้การรับสารภาพเมื่อถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือจนศาลพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน500บาทก็หาทำให้ข้อเท็จจริงผูกพันจำเลยว่าจำเลยได้ทำการดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522ไม่โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมดังกล่าวตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522กรณีไม่ต้องวินิจฉัยปรับบทกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ.2479เพราะพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารในระหว่างที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับอยู่. ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าการชี้ขาดคดีส่วนแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามส่วนอาญานั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ไม่ได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้จากการกระทำละเมิดของตัวแทน: ผลบังคับใช้และความรับผิดชอบ
คำฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านประกอบหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยที่โจทก์ส่งประกอบมาท้ายฟ้อง มีใจความว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้ เนื่องจากจำเลยที่1 ได้อนุมัติให้ อ. เบิกเงินเกินบัญชี ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยที่ 1 จะชำระหนี้ดังกล่าวให้โจทก์ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ทำหนังสือรับสภาพหนี้ โดยโจทก์งดคิดดอกเบี้ยในยอดเงินตาม หนังสือรับสภาพหนี้ แต่ถ้าครบกำหนดแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ จำเลยยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยจากยอดเงินที่ค้างชำระ โดยจำเลยที่ 2 ยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามเงื่อนไขในหนังสือรับสภาพหนี้ทุกประการดังนี้ฟ้องโจทก์ย่อมแสดงชัดแจ้งแห่งข้อหาแล้วว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ในมูลหนี้ที่จำเลยที่1 อนุมัติให้ อ. เบิกเงินเกินบัญชีไปเป็นการเกินอำนาจของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
เมื่อปรากฏว่าฟ้องโจทก์มุ่งหมายให้จำเลยที่ 1 รับผิดใน เหตุละเมิด และจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของโจทก์อนุมัติให้อ. เบิกเงินเกินบัญชี อันเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 กระทำการนอกเหนืออำนาจอย่างไรจึงไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น
การที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดอายุความเป็นการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 มิใช่เป็นกรณีรับสภาพความรับผิดเมื่อหนี้นั้นขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188
of 13