พบผลลัพธ์ทั้งหมด 173 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6790/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีประกันภัย: ผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ และข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีนี้มีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะที่โจทก์รับประกันภัยรถยนต์จนถึงวันเกิดเหตุรถยนต์คันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. และ ว. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองโดย ว. ทำสัญญาซื้อรถยนต์คันดังกล่าว จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ไม่ได้ความว่าพ. ผู้เอาประกันภัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะใดทั้งสิ้น พ.จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์คันดังกล่าว โจทก์ฎีกาว่าตามคำเบิกความพยาน-โจทก์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า พ. เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุ เป็นผู้มีส่วนได้เสียฎีกาดังกล่าวเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ในข้อที่ว่า พ. มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันเกิดเหตุในฐานะผู้เช่าซื้อหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเพื่อไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พ. เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6790/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงตามทุนทรัพย์ และประเด็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่ใช้ในการประกันภัย
คดีนี้มีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา248วรรคแรกศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะที่โจทก์รับประกันภัยรถยนต์จนถึงวันเกิดเหตุรถยนต์คันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของห้างหุ้นส่วนจำกัดส. และว. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองโดยว. ทำสัญญาซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดส. ไม่ได้ความว่าพ. ผู้เอาประกันภัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะใดทั้งสิ้นพ.จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ฎีกาว่าตามคำเบิกความพยานโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพ. เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นผู้มีส่วนได้เสียฎีกาดังกล่าวเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ในข้อทีว่าพ. มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันเกิดเหตุในฐานะผู้เช่าซื้อหรือไม่จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเพื่อไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าพ. เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5807/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการประนีประนอม แม้ไม่มีชื่อในโฉนดก็มีสิทธิเรียกร้องได้
แม้ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแต่ผู้คัดค้านที่ 2 กับพวกฟ้องขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินระหว่าง อ. กับผู้คัดค้านที่ 1 และขอแบ่งที่ดินโฉนดพิพาท ในที่สุดได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งที่ดินออกเป็น 3 ส่วน โดยผู้คัดค้านที่ 2 ได้รับส่วนแบ่งที่ดินด้วย ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้ว ผู้คัดค้านที่ 2 จึงเป็นผู้มีสิทธิจะได้รับส่วนแบ่งในที่ดินโฉนดพิพาท อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนในโฉนดที่ดินได้ จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องและมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5066/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องอุทธรณ์ฎีกาของผู้ที่มิได้เป็นคู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้ง ก.เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายผู้ร้องจึงเป็นคู่ความในคดีนี้ ส่วน ก.มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ถูกกระทบสิทธิโดยคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ถือว่า ก.เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่อยู่ในฐานะจะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ปัญหาว่าก.มีอำนาจฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246, 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4945/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการคัดค้านคำสั่งขยายเวลาชำระราคาทรัพย์ในการบังคับคดี ผู้เข้าสู้ราคาไม่มีสิทธิ
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งขยายเวลาในการชำระราคาทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้เป็นเรื่องระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ซื้อทรัพย์ในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญาผู้ร้องเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคามิได้เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาและมิใช่บุคคลผู้ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา288,289และ290จึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามมาตรา296วรรคสองไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายเมื่อแจ้งผู้มีส่วนได้เสีย การแจ้งจำเลยอื่นไม่จำเป็น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา306กำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งคำสั่งของศาลที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดแก่บรรดาบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดซึ่งทราบได้ตามทะเบียนหรือโดยประการอื่นเท่านั้นจำเลยคนอื่นซึ่งมิใช่เจ้าของทรัพย์สินที่จะขายไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับแก่ทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ต้องแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยเหล่านั้นทราบก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทโดยธรรมและการเกิดหลังเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย รวมถึงการตีความ 'ผู้มีส่วนได้เสีย' ในมรดก
ผู้คัดค้านเพิ่งคลอดหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องของผู้คัดค้าน ภายหลังผู้ตายถึงแก่ความตายประมาณ8 เดือนว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายซึ่งกรณีถือได้ว่าเป็นการยื่นคำร้องภายในอายุความมรดก ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายในฐานะทายาทโดยธรรม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1558 วรรคแรก สิทธิดังกล่าวมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ผู้คัดค้านจึงเป็นทายาทโดยธรรมลำดับที่ 1 ผู้ร้องซึ่งเป็นน้องร่วมบิดามารดากับผู้ตายทายาทโดยธรรมลำดับที่ 3 อันเป็นลำดับถัดลงมาไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตายตาม ป.พ.พ มาตรา 1629, 1630
คำว่าผู้มีส่วนได้เสียตาม ป.พ.พ. มาตรา 1713 หมายถึงผู้ได้รับประโยชน์จากทรัพย์มรดกโดยตรงมาตั้งแต่ต้น คือขณะเจ้ามรดกถึงแก่ความตายหาใช่เกิดขึ้นในภายหลังตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างคู่กรณีดังเช่นในคดีนี้ไม่
คำว่าผู้มีส่วนได้เสียตาม ป.พ.พ. มาตรา 1713 หมายถึงผู้ได้รับประโยชน์จากทรัพย์มรดกโดยตรงมาตั้งแต่ต้น คือขณะเจ้ามรดกถึงแก่ความตายหาใช่เกิดขึ้นในภายหลังตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างคู่กรณีดังเช่นในคดีนี้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6417/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์พินัยกรรมเป็นโมฆะเนื่องจากวิกลจริต ต้องมีข้อพิพาทเกิดขึ้นจากผู้มีส่วนได้เสีย
กรณีจะพิสูจน์ว่า พินัยกรรมเป็นอันเสียเปล่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1704 วรรคสอง จะต้องเป็นกรณีที่มีข้อพิพาทว่า พินัยกรรมที่บุคคลวิกลจริตทำขึ้นนั้นเสียเปล่า โดยบุคคลผู้มีส่วนได้เสียได้กล่าวอ้างขึ้นเพื่อให้มีการพิสูจน์เช่นนั้น คำร้องขอของผู้ร้องให้พิสูจน์ว่าพินัยกรรมเป็นอันเสียเปล่าต่างจากการร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลได้ กรณีของผู้ร้องยังถือไม่ได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิหรือจะต้องใช้สิทธิทางศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6077/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสที่ฝ่าฝืนกฎหมาย การฟ้องให้การสมรสเป็นโมฆะ และสิทธิของผู้มีส่วนได้เสีย
ขณะจำเลยจดทะเบียนสมรสกับ น. เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2522น. จดทะเบียนสมรสกับโจทก์อยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้นการสมรสระหว่างจำเลยกับ น. จึงฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496 เดิมซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น การตกเป็นโมฆะดังกล่าวมีผลเท่ากับว่าจำเลยและ น. มิได้ทำการสมรสกัน ดังนั้นการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์และ น. ในครั้งหลังจึงกระทำในขณะที่จำเลยไม่มีฐานะเป็นคู่สมรสของ น. การสมรสระหว่างโจทก์และ น. จึงชอบด้วยกฎหมายโจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 133 เดิม และมาตรา 1497 เดิม มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสระหว่างจำเลยกับ น. เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496 เดิมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6008/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้มีส่วนได้เสียทางอ้อม แม้มิใช่ทายาทโดยตรง
ผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 นั้น ไม่จำต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตายโดยเป็นทายาทโดยตรงไม่เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องเป็นมารดาของ ส. และเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของ ส.ส่วนส.ก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกของธ. ผู้ตาย ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของธ.ที่จะตกได้แก่ส. และยังมิได้แบ่งปันกัน อันต้องถือว่าเป็นทรัพย์มรดกที่ทายาทยังมีสิทธิร่วมกันอยู่ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้