พบผลลัพธ์ทั้งหมด 124 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651-3654/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างสำนวนคดีอื่นเป็นพยานเอกสาร มิใช่การผูกมัดผลคำพิพากษา อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมายแรงงาน
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นำสำนวนคดีอื่นซึ่งได้อ้างเป็นพยานไว้แล้วมาผูกติดกับคดีนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า "นำสำนวนคดีดังกล่าวมาผูกติดกับคดีนี้" แต่คู่ความมิได้ยอมรับกันว่าให้ศาลพิพากษาคดีโดยถือตามผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าว คำร้อง ของ โจทก์จึงมีความหมายเพียงว่า โจทก์ขออ้างถ้อยคำสำนวนตามที่ระบุในคำร้องในฐานะที่เป็นพยานเอกสารในคดีอย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อศาลแรงงานกลางพิเคราะห์พยานบุคคลของโจทก์จำเลยประกอบพยานเอกสารที่โจทก์อ้างแล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยประสบการขาดทุน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพื่อลดค่าใช้จ่าย อุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้เถียงว่า จำเลยมิได้ประสบการขาดทุน ยังสามารถจ้าง โจทก์ทั้งสี่ได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ไม่มีบทกฎหมายใดกำหนดว่า ศาลในส่วนแพ่งที่พิพากษาในคดีหลังจำต้องถือตามคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ได้พิพากษาไปก่อนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651-3654/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกสำนวนคดีแพ่งกับการพิจารณาคดีแรงงาน ศาลฎีกาตัดสินว่าเป็นการอ้างพยานเอกสาร ไม่ผูกมัดผลคำพิพากษา
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นำสำนวนคดีอื่นซึ่งได้อ้างเป็นพยานไว้แล้วมาผูกติดกับคดีนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า "นำสำนวนคดีดังกล่าวมาผูกติดกับคดีนี้" แต่คู่ความมิได้ยอมรับกันว่าให้ศาลพิพากษาคดีโดยถือตามผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าว คำร้องของโจทก์จึงมีความหมายเพียงว่า โจทก์ขออ้างถ้อยคำสำนวนตามที่ระบุในคำร้องในฐานะที่เป็นพยานเอกสารในคดีอย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อศาลแรงงานกลางพิเคราะห์พยานบุคคลของโจทก์จำเลยประกอบพยานเอกสารที่โจทก์อ้างแล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยประสบการขาดทุน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพื่อลดค่าใช้จ่ายอุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้เถียงว่า จำเลยมิได้ประสบการขาดทุนยังสามารถจ้าง โจทก์ทั้งสี่ได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 54 ไม่มีบทกฎหมายใดกำหนดว่าศาลในส่วนแพ่งที่พิพากษาในคดีหลังจำต้องถือตามคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ได้พิพากษาไปก่อนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651-3654/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างสำนวนคดีอื่นเป็นพยาน: ศาลฎีกาตัดสินว่าเป็นการอ้างพยานเอกสาร อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นำสำนวนคดีอื่นซึ่งได้อ้างเป็นพยานไว้แล้วมาผูกติดกับคดีนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า "นำสำนวนคดีดังกล่าวมาผูกติดกับคดีนี้" แต่คู่ความมิได้ยอมรับกันว่าให้ศาลพิพากษาคดีโดยถือตามผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าว คำร้อง ของ โจทก์จึงมีความหมายเพียงว่า โจทก์ขออ้างถ้อยคำสำนวนตามที่ระบุในคำร้องในฐานะที่เป็นพยานเอกสารในคดีอย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อศาลแรงงานกลางพิเคราะห์พยานบุคคลของโจทก์จำเลยประกอบพยานเอกสารที่โจทก์อ้างแล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยประสบการขาดทุน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพื่อลดค่าใช้จ่าย อุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้เถียงว่า จำเลยมิได้ประสบการขาดทุน ยังสามารถจ้าง โจทก์ทั้งสี่ได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ไม่มีบทกฎหมายใดกำหนดว่า ศาลในส่วนแพ่งที่พิพากษาในคดีหลังจำต้องถือตามคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ได้พิพากษาไปก่อนแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามฟอร์ม, คำสั่งระหว่างพิจารณา, และการกระทำโดยสุจริตที่ไม่ถือเป็นการละเมิด
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ ถ้า ศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ รับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามฟอร์ม, คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง, และการกระทำละเมิดจากความเชื่อโดยสุจริต
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 90แต่ถ้าศาลเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน.
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว.
การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว.
การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ส่งมอบตามกฎหมาย, คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง, และการกระทำที่ไม่เป็นละเมิดเนื่องจากเชื่อโดยสุจริต
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ถ้าศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ส่งสำเนา, คำสั่งรับพยานเพิ่มเติม, และการเชื่อโดยสุจริตในข้อเท็จจริง
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ ถ้า ศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ รับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311-2314/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำพยานเอกสารเข้าสืบในคดีแรงงาน: การระบุพยานและอำนาจการรับฟังของศาล
จำเลยอ้างเอกสารเป็นพยาน โดยบัญชีพยานใช้ คำรวมว่า สรรพเอกสารซึ่งหมายถึงเอกสารหลายฉบับ ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเอกสารอะไรบ้าง แต่ก็มีข้อความต่อไปว่าที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ พอถือได้ว่าจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานโดยชอบแล้ว เมื่อเอกสารที่จำเลยอ้างคือเอกสารซึ่งลอกมาจากสมุดบัญชีค่าจ้าง แสดงถึงค่าแรงค้างจ่ายของโจทก์ และเป็นแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแสดงเงินเดือนของโจทก์ ซึ่งเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยตรง จำเลยมีอำนาจนำพยานเอกสารดังกล่าวเข้าสืบได้ ถ้าโจทก์เห็นว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไร ย่อมซักค้านได้ และเมื่อจำเลยแถลงหมดพยานแล้วโจทก์อาจแถลงขอสืบพยานที่เกี่ยวข้องมานำสืบหักล้างพยานเอกสารที่จำเลยนำเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311-2314/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานเอกสารในคดีแรงงาน: การระบุเอกสารรวมและความเกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญ
จำเลยอ้างเอกสารเป็นพยาน โดยบัญชีระบุพยานใช้คำรวมว่าสรรพเอกสาร ซึ่งหมายถึงเอกสารหลายฉบับ ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเอกสารอะไรบ้าง แต่ก็มีข้อความต่อไปว่าที่เกี่ยวข้องกับโจทก์พอถือได้ว่าจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานโดยชอบแล้ว เมื่อเอกสารที่จำเลยอ้างคือเอกสารซึ่งลอกมาจากสมุดบัญชีค่าจ้าง แสดงถึงค่าแรงค้างจ่ายของโจทก์ และเป็นแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแสดงเงินเดือนของโจทก์ ซึ่งเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยตรง จำเลยมีอำนาจนำพยานเอกสารดังกล่าวเข้าสืบได้ ถ้าโจทก์เห็นว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไรย่อมซักค้านได้ และเมื่อจำเลยแถลงหมดพยานแล้วโจทก์อาจแถลงขอสืบพยานที่เกี่ยวข้องมานำสืบหักล้างพยานเอกสารที่จำเลยนำเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5983/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและการรับฟังพยานเอกสารในคดีแรงงาน
จำเลยตกลงจ่ายเงินเดือนให้โจทก์เดือนละ 2 ครั้งในวันที่ 16 และวันที่ 30 หรือ 31 ของเดือนซึ่งเป็นวันสิ้นเดือน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2531 ซึ่งเป็นวันสิ้นเดือนโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจนถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้าคือถึงวันที่ 16 มีนาคม 2531
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินค้าแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ แม้จำเลยจะมิได้ให้การปฏิเสธในเรื่องจำนวนเงินที่โจทก์ขอก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเป็นจำนวนน้อยกว่าที่ขอมา ศาลแรงงานก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาให้เพียงเท่าที่โจทก์มีสิทธิได้
จำเลยนำสืบพยานเอกสารโดยไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานสามวัน แต่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 45 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้ใช้ในการพิจารณาคดีแรงงานโดยเฉพาะจึงหาขัดต่อประมวลกฎมหายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคแรกไม่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินค้าแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ แม้จำเลยจะมิได้ให้การปฏิเสธในเรื่องจำนวนเงินที่โจทก์ขอก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเป็นจำนวนน้อยกว่าที่ขอมา ศาลแรงงานก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาให้เพียงเท่าที่โจทก์มีสิทธิได้
จำเลยนำสืบพยานเอกสารโดยไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานสามวัน แต่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 45 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้ใช้ในการพิจารณาคดีแรงงานโดยเฉพาะจึงหาขัดต่อประมวลกฎมหายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคแรกไม่