พบผลลัพธ์ทั้งหมด 259 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์จากความปกครองของบิดามารดา แม้จะได้รับอนุญาตให้ไปในบางสถานการณ์ ก็ยังถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปทำงานพักอยู่ที่บ้านนาง น.ที่กรุงเทพมหานครต่อมาผู้เสียหายเดินทางกลับบ้านบิดามารดาที่จังหวัดตราดเพื่อเที่ยวสงกรานต์ระหว่างนั้นบิดามารดาผู้เสียหายได้อนุญาตให้ผู้เสียหายไปส่งพี่สาวที่สถานีขนส่งจังหวัดตราดแล้วจำเลยพาผู้เสียหายไป ดังนี้ถือว่าระหว่างที่ผู้เสียหายทำงานพักอยู่บ้านนาง น.ที่กรุงเทพมหานคร ผู้เสียหายย่อมอยู่ในความคุ้มครองของนางน. เมื่อผู้เสียหายเดินทางมาบ้านบิดามารดาที่จังหวัดตราด ผู้เสียหายย่อมอยู่ในความปกครองของบิดามารดาการที่บิดามารดาอนุญาตให้ผู้เสียหายไปส่งพี่สาวที่สถานีขนส่งจังหวัดตราดนั้นไม่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายพ้นจากความปกครองของบิดามารดาเมื่อจำเลยพาผู้เสียหายไปจึงเป็นการพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปจากบิดามารดา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 บัญญัติขึ้นโดย ตระหนักว่าผู้เยาว์อายุไม่เกิน 18 ปี ยังขาดความสำนึก ต่อเล่ห์กลของทุจริตชนอาจถูกชักจูงให้หลงเชื่อโดยง่าย สภาพที่บิดามารดาของผู้เสียหายพยายามติดตามเรื่องบุตรหายไปแสดงว่าผู้เสียหายมิได้มีความประพฤติสำส่อนจนบิดามารดาหมดความห่วงใย การที่จำเลยทั้งสองพรากผู้เสียหายไปได้ก่อความทุกข์ใจใหญ่หลวงแก่บิดามารดาผู้เสียหายพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีเหตุผลที่จะรอการลงโทษให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนในบ้านผู้กระทำ ไม่ถือว่าพรากผู้เยาว์หากยังอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง
ผู้เสียหายอายุ 9 ปี บ้านจำเลยกับบ้านผู้เสียหายอยู่ใกล้กันก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายโดยสารรถของจำเลยไปและกลับจากโรงเรียนเป็นประจำทุกวัน เมื่อกลับจากโรงเรียนแล้วมีบ่อยครั้งที่ผู้เสียหายเล่นอยู่กับบุตรสาวจำเลยก่อนจะกลับบ้านหรือบางครั้งกลับมาถึงบ้านแล้วก็ไปเล่นกับบุตรสาวจำเลยที่บ้านจำเลย พฤติการณ์เช่นนี้แม้ขณะที่ผู้เสียหายเล่นอยู่ที่บ้านจำเลยก็ถือว่าผู้เสียหายยังอยู่ในความปกครองดูแลของ ช.ผู้ปกครองของผู้เสียหายเองก็ตาม แต่การที่จำเลยเรียกผู้เสียหายให้เข้าไปในบ้านจำเลยแล้วพาไปข่มขืนกระทำชำเราในห้องนอนของจำเลย เมื่อเป็นการกระทำในบริเวณบ้านจำเลยนั้นเอง จำเลยมิได้พาผู้เสียหายไปยังสถานที่อื่น กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากความปกครองดูแลของ ช. การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6694/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารและการกระทำอนาจารต่อเด็ก
จำเลยกับ พ.ได้พา ม.ผู้เยาว์อายุ 16 ปีเศษ และ ว.เพื่อนผู้เยาว์ไปที่บ้าน ส. ผู้เยาว์ขอให้จำเลยไปส่งผู้เยาว์ไปที่บ้าน ว. จำเลยไม่ยอมแต่กลับพาผู้เยาว์ไปที่บ้านพี่สาวของ พ.และให้ผู้เยาว์นอนค้างคืนที่บ้านพี่สาว พ.โดยจำเลยให้ผู้เยาว์นอนเตียงเดียวกับจำเลยตลอดทั้งคืน โดยจำเลยต้องการนอนกับผู้เยาว์ตามลำพัง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันไม่สมควรในทางเพศและเป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากผู้ปกครองและดูแลเพื่อการอนาจารตาม ป.อ.มาตรา319 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6694/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การกระทำอนาจารและการพากลับที่พักค้างคืนถือเป็นความผิด
จำเลยกับ พ. ได้พา ม. ผู้เยาว์อายุ 16 ปีเศษ และ ว. เพื่อนผู้เยาว์ไปที่บ้านส. ผู้เยาว์ขอให้จำเลยไปส่งผู้เยาว์ไปที่บ้าน ว. จำเลยไม่ยอมแต่กลับพาผู้เยาว์ไปที่บ้านพี่สาวของ พ. และให้ผู้เยาว์นอนค้างคืนที่บ้านพี่สาว พ. โดยจำเลยให้ผู้เยาว์นอนเตียงเดียวกับจำเลยตลอดทั้งคืน โดยจำเลยต้องการนอนกับผู้เยาว์ตามลำพังการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันไม่สมควรในทางเพศและเป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากผู้ปกครองและดูแลเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6694/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การกระทำอันไม่สมควรทางเพศและการล่อลวง
จำเลยกับ พ. ได้พา ม. ผู้เยาว์อายุ 16 ปีเศษ และ ว. เพื่อนผู้เยาว์ไปที่บ้านส. ผู้เยาว์ขอให้จำเลยไปส่งผู้เยาว์ไปที่บ้าน ว. จำเลยไม่ยอมแต่กลับพาผู้เยาว์ไปที่บ้านพี่สาวของ พ. และให้ผู้เยาว์นอนค้างคืนที่บ้านพี่สาว พ. โดยจำเลยให้ผู้เยาว์นอนเตียงเดียวกับจำเลยตลอดทั้งคืน โดยจำเลยต้องการนอนกับผู้เยาว์ตามลำพังการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันไม่สมควรในทางเพศและเป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากผู้ปกครองและดูแลเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6632/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร องค์ประกอบความผิดและเจตนาที่แท้จริงของผู้กระทำ
การที่ ป. มารดาเด็กหญิงส.ยินยอมให้เด็กหญิงส.เดินทางไปกับจำเลยก็เพื่อไปรับจ้างทำงานเป็นลูกจ้างขายผักที่ตลาดเท่านั้น มิได้ยินยอมให้จำเลยพาไปเพื่อการอนาจารแต่อย่างใด ฉะนั้น การที่จำเลยพาเด็กหญิงส.เข้าไปในโรงแรมเพื่อกระทำอนาจารหรือร่วมประเวณี แม้จำเลยยังไม่ทันกระทำการดังกล่าวก็ตามพฤติการณ์ของจำเลยก็เข้าองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคหนึ่ง และวรรคสามอันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว หาใช่เพียงขั้นพยายามไม่ จำเลยเพียงแต่ให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนว่าจำเลยพาเด็กหญิงส.ไปเพื่อการอนาจาร คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนกับคำเบิกความของจำเลยไม่ได้ยอมรับว่าจำเลยพรากเด็กหญิงส.อายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากความปกครองดูแลของนางป.มารดาเพื่อการอนาจารซึ่งเป็นข้อหาที่โจทก์ฟ้อง ส่วนการที่จำเลยมอบเงิน 7,000 บาท ให้แก่ ป. ก็เพื่อเป็นค่าทำขวัญเด็กหญิงส. ที่ถูกชายอื่นพาไปข่มขืนกระทำชำเรามิใช่การมอบให้เพราะเหตุอันเกิดจากการที่จำเลยสำนึกผิดในการกระทำ จึงไม่ใช่เหตุบรรเทาโทษตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 วรรคสอง โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยโดยปราศจากเหตุอันสมควรได้พรากเด็กหญิงส.อายุ 13 ปีเศษ ไปเสียจากความปกครองดูแลของ ป. ผู้เป็นมารดาเพื่อการอนาจารครบองค์ประกอบความผิดฐานพรากผู้เยาว์แล้ว หาจำต้องบรรยายว่าจำเลยกระทำอนาจารอย่างไรไม่ ฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ที่จำเลยอ้างว่าจำเลยสำคัญผิดในอายุของเด็กหญิงส. ว่าเกิน15 ปี แล้ว เป็นข้อที่จำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกามิใช่ข้อที่ได้ ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6405/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์: เจตนาและความสำคัญของอายุผู้เสียหาย
จำเลยสำคัญผิดโดยเข้าใจว่าผู้เสียหายอายุ 17 ปี ย่อมมีผลให้จำเลยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยไม่รู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงถือว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิดฐานนี้ ตาม ป.อ.มาตรา 59 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5038/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์และการรบกวนสิทธิในการดูแลจากผู้มีอำนาจปกครอง
ตาม ป.อ.มาตรา 319 คำว่า ผู้ปกครองหมายถึงผู้มีฐานะทางกฎหมายเกี่ยวพันกับเด็ก เช่น เป็นบิดามารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองส่วนผู้ดูแลหมายถึงผู้ควบคุมระวังรักษาเด็กโดยข้อเท็จจริง เช่น ครูอาจารย์นายจ้าง เป็นต้น
ผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะเป็นน้าและนายจ้าง โดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์ด้วย ในขณะที่ผู้เยาว์ทำงานอยู่กับผู้เสียหาย การที่จำเลยขออนุญาตจากผู้เสียหายพาผู้เยาว์ออกไปข้างนอกหรือพาไปดูภาพยนตร์ แต่ผู้เสียหายไม่อนุญาต นับเป็นการใช้อำนาจปกครองและดูแลผู้เยาว์ตามที่ได้รับมอบหมายจากบิดามารดาผู้เยาว์และตามความเป็นจริงเมื่อผู้เสียหายทราบว่าผู้เยาว์ถูกจำเลยพาไปร่วมประเวณี ก็ได้เอาใจใส่ให้ น.ไปตามจำเลยมาเจรจากัน เมื่อได้รับการปฏิเสธก็ได้ติดตามไปพบจำเลย เมื่อเจรจาตกลงกันไม่ได้ก็พาผู้เยาว์ไปแจ้งความ ล้วนเป็นการแสดงตนใช้อำนาจปกครองดูแลผู้เยาว์ตามความเป็นจริง แม้ต่อมาภายหลังผู้เยาว์จะไปทำงานที่อื่น ก็เป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุ แต่ขณะเกิดเหตุผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่พาผู้เยาว์ไปร่วมประเวณีจึงเป็นการรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิในการควบคุมดูแลผู้เยาว์โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากความดูแลของผู้เสียหาย ตาม ป.อ.มาตรา 319
ผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะเป็นน้าและนายจ้าง โดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์ด้วย ในขณะที่ผู้เยาว์ทำงานอยู่กับผู้เสียหาย การที่จำเลยขออนุญาตจากผู้เสียหายพาผู้เยาว์ออกไปข้างนอกหรือพาไปดูภาพยนตร์ แต่ผู้เสียหายไม่อนุญาต นับเป็นการใช้อำนาจปกครองและดูแลผู้เยาว์ตามที่ได้รับมอบหมายจากบิดามารดาผู้เยาว์และตามความเป็นจริงเมื่อผู้เสียหายทราบว่าผู้เยาว์ถูกจำเลยพาไปร่วมประเวณี ก็ได้เอาใจใส่ให้ น.ไปตามจำเลยมาเจรจากัน เมื่อได้รับการปฏิเสธก็ได้ติดตามไปพบจำเลย เมื่อเจรจาตกลงกันไม่ได้ก็พาผู้เยาว์ไปแจ้งความ ล้วนเป็นการแสดงตนใช้อำนาจปกครองดูแลผู้เยาว์ตามความเป็นจริง แม้ต่อมาภายหลังผู้เยาว์จะไปทำงานที่อื่น ก็เป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุ แต่ขณะเกิดเหตุผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่พาผู้เยาว์ไปร่วมประเวณีจึงเป็นการรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิในการควบคุมดูแลผู้เยาว์โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากความดูแลของผู้เสียหาย ตาม ป.อ.มาตรา 319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5038/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์: ความสัมพันธ์ผู้ดูแลตามกฎหมายและการใช้อำนาจปกครอง
คำว่า"ผู้ปกครอง"ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319หมายถึงผู้ใช้อำนาจปกครองอย่างบิดามารดาผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะน้าและนายจ้างโดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์จึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองการที่จำเลยพาผู้เยาว์ไปจากผู้เสียหายโดยปราศจากเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5038/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์จากความดูแลโดยชอบธรรมของผู้ปกครอง/ผู้ดูแล ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319คำว่าผู้ปกครองหมายถึงผู้มีฐานะทางกฎหมายเกี่ยวกันกับเด็กเช่นเป็นบิดามารดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองส่วนผู้ดูแลหมายถึงผู้ควบคุมระวังรักษาเด็กโดยข้อเท็จจริงเช่นครูอาจารย์นายจ้างเป็นต้น ผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะเป็นน้าและนายจ้างโดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์ด้วยในขณะที่ผู้เยาว์ทำงานอยู่กับผู้เสียหายการที่จำเลยขออนุญาตจากผู้เสียหายพาผู้เยาว์ออกไปข้างนอกหรือพาไปดูภาพยนตร์แต่ผู้เสียหายไม่อนุญาตนับเป็นการใช้อำนาจปกครองและดูแลผู้เยาว์ตามที่ได้รับมอบหมายจากบิดามารดาผู้เยาว์และตามความเป็นจริงเมื่อผู้เสียหายทราบว่าผู้เยาว์ถูกจำเลยพาไปร่วมประเวณีก็ได้เอาใจใส่ให้น. ไปตามจำเลยมาเจรจากันเมื่อได้รับการปฏิเสธก็ได้ติดตามไปพบจำเลยเมื่อเจรจาตกลงกันไม่ได้ก็พาผู้เยาว์ไปแจ้งความล้วนเป็นการแสดงตนใช้อำนาจปกครองดูแลผู้เยาว์ตามความเป็นจริงแม้ต่อมาภายหลังผู้เยาว์จะไปทำงานที่อื่นก็เป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุแต่ขณะเกิดเหตุผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของผู้เสียหายการกระทำของจำเลยที่พาผู้เยาว์ไปร่วมประเวณีจึงเป็นการรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิในการควบคุมดูแลผู้เยาว์โดยปราศจากเหตุผลอันสมควรเป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากความดูแลของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319