คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิสูจน์ความผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4732/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โจทก์พิสูจน์ความผิดฐานมี/พาอาวุธปืน - การที่จำเลยไม่ปฏิเสธไม่ใช่การยอมรับ
ในข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต นั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานก็ตาม แต่โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบให้ฟัง ได้ว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องทั้งสองฐานดังกล่าวด้วยจึงจะลงโทษจำเลยได้ เมื่อทางพิจารณาโจทก์มิได้นำสืบว่า อาวุธปืน ที่จำเลยใช้ยิงต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานนั้นเป็นอาวุธปืนที่จำเลย มิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว อีกทั้งโจทก์ก็ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางยืนยันความผิดของจำเลยด้วย จึงลงโทษจำเลยในข้อหาความผิด ทั้งสองฐานนี้ไม่ได้ ในการพิจารณาคดีอาญา เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเลยกระทำความผิด การที่จำเลยไม่นำสืบปฏิเสธจะถือเท่ากับว่าจำเลยยอมรับผิดตามฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาพยานหลักฐานไม่เพียงพอ โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดจำเลยโดยปราศจากข้อสงสัย
ในคดีอาญา โจทก์ต้องนำสืบให้ปราศจากความสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิด เมื่อคดีมีปัญหาว่าถ้อยคำที่จำเลยให้การต่อเจ้าพนักงานว่า บ. เป็นบุตรของ ค. นั้นเป็นเท็จหรือไม่ โดยโจทก์มี พ.เท่านั้นที่เบิกความว่า บ.ที่จำเลยพามาให้ดูไม่ใช่บุตรของ ค.กับว. พยานโจทก์นอกจากนี้ก็มีแต่คำให้การที่เจ้าพนักงานบันทึกไว้ มิได้นำพยานบุคคลมาสืบประกอบ จำเลยไม่มีโอกาสซักค้านพยานดังกล่าวได้พยานโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากพยานหลักฐานทางนิตยศาสตร์และพฤติการณ์ที่เชื่อมโยงจำเลยกับเหตุการณ์
ก่อนเกิดเหตุ 7-8 วัน จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงกันในการซื้อขายไม้วันเกิดเหตุก่อนผู้ตายถูกยิง อ. ได้ยินเสียงผู้ตายร้องด่าจำเลย ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดจ. พี่ภริยาจำเลยออกจากบ้านมาดูเห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถยนต์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อเสียปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลง จำเลยขับรถยนต์ออกไป ต่อมาไม่นานจำเลยขับรถยนต์กลับมารับภริยาและบุตรหลบหนีไป แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จึงรับฟังลงโทษจำเลยได้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหลายนัดถูกบริเวณหน้าท้อง จนถึงแก่ความตาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ปลอกกระสุนปืนของกลางซึ่งคาอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืน ฝ่ายผู้ตาย มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงริบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1965/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนเครื่องหมายการค้าที่ยังไม่ได้จดทะเบียน: ผลกระทบต่อการฟ้องร้องและการพิสูจน์ความผิด
โจทก์และโจทก์ร่วมฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเลียนเครื่องหมายการค้า คำว่า แจ๊คสัน JACKSON ของโจทก์ร่วมซึ่งได้จดทะเบียนแล้วและโจทก์ร่วมได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าของโจทก์ร่วมประเภทกางเกงยีนสำเร็จรูปนำออกจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป โดยจำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้า คำว่า JACKSONG(แจ๊คซอง) กับสินค้ากางเกงยีนของจำเลยทั้งสองเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยทั้งสองเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วม และร่วมกันจำหน่ายและเสนอจำหน่ายกางเกงยีนที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมแก่ประชาชนทั่วไป แต่ทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมกลับปรากฏว่า โจทก์ร่วมหาได้นำเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนดังกล่าวที่ได้รับโอนมาไปใช้กับสินค้ากางเกงยีนของโจทก์ร่วมไม่ โจทก์ร่วมผลิตและจำหน่ายกางเกงยีนติดเครื่องหมายการค้าคำว่า JACKSON และข้างหน้ามีรูปกีตาร์1 ตัว วางตั้งเฉียง จำเลยทั้งสองได้เลียนเครื่องหมายการค้าJACKSON ซึ่งเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่มีรูปกีตาร์ ของ โจทก์ร่วมโดยเพิ่มอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ตัว G อีก 1 ตัว ท้ายคำว่า JACKSON เป็น JACKSONGและดัดแปลงรูปกีตาร์ ให้แตกต่างจากของโจทก์ร่วมเพียงเล็กน้อยดังนี้ เมื่อปรากฏว่าเครื่องหมายการค้าคำว่า JACKSON มีรูปกีตาร์ของโจทก์ร่วมยังมิได้รับการจดทะเบียน จึงมีผลเท่ากับโจทก์และโจทก์ร่วมอ้างว่าจำเลยทั้งสองเลียนเครื่องหมายการค้ายังมิได้จดทะเบียนของโจทก์ร่วมข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาดังกล่าวจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงดั่ง ที่กล่าวในฟ้องไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: พยานหลักฐานทางการแพทย์และข้อความเบิกความที่ไม่สอดคล้องกัน
แพทย์ผู้ตรวจบาดแผลผู้เสียหายยืนยันว่า บริเวณที่กระดูกสันหลังผู้เสียหายหักไม่ใช่บริเวณที่ถูกตี การที่กระดูกสันหลังหักเข้าใจว่าเกิดจากการล้มก้นกระแทกพื้นทำให้ข้อต่อกระดูกสันหลังได้รับการกระแทก และในวันเกิดเหตุก็ตรวจศีรษะผู้เสียหายซึ่งผู้เสียหายบอกว่าถูกตีแต่ไม่ปรากฏร่องรอยการถูกตีอย่างชัดเจน ถ้าผู้เสียหายถูกตีถึงขนาดทำให้กระดูกสันหลังหักก็จะต้องมีรอยฟกช้ำเห็นได้โดยชัดเจน เมื่อไม่ปรากฏร่องรอยดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจากการถูกจำเลยทำร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้จำเลยรับสารภาพ แต่หากพยานหลักฐานโจทก์ไม่พิสูจน์ความผิดได้ ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้ตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพภายหลังที่โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้วแม้คดีนี้ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรกแต่เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 185 วรรคแรก ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานเอกสารปลอม ยักยอก และการรับของโจร: เกณฑ์ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง vs. ชั้นพิจารณา
การฟังพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องกับชั้นพิจารณาแตกต่างกัน ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเพียงได้ข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบฐานความผิดที่ฟ้องโดยไม่มีข้อพิรุธอันเป็นที่ประจักษ์ชัดก็ฟังได้แล้วว่าความผิดฐานนั้นมีมูล ส่วนข้อเท็จจริงที่ได้ความจะเป็นความจริงหรือไม่ เป็นข้อที่จะต้องพิสูจน์กันอีกชั้นหนึ่งในชั้นพิจารณา ซึ่งในชั้นนี้จะต้องพิสูจน์ให้ได้ความจนสิ้นสงสัยว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นเป็นความจริง จึงจะฟังได้ว่ามีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
คำให้การซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันก็ดี คำเบิกความซัดทอดของผู้ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแต่พนักงานสอบสวนได้กันไว้เป็นพยานก็ดีต่างมีน้ำหนักน้อย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานประกอบที่พิสูจน์ให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังไม่เพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
คำให้การซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันก็ดี คำเบิกความซัดทอดของผู้ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแต่ พนักงานสอบสวนได้ กันไว้เป็นพยานก็ดีต่าง มีน้ำหนักน้อย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานประกอบที่พิสูจน์ให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังไม่เพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ และการพิสูจน์ความผิดของจำเลย
โจทก์บรรยายฟ้องสำหรับจำเลยที่ 5 ว่า ระหว่างวันที่ 11 ตุลาคม2521 เวลาใดไม่ปรากฏชัดถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2521 เวลากลางวันจำเลยที่ 5 และที่ 8 กับพวกอีกหลายคนซึ่งบางคนถึงแก่กรรมไปแล้วได้ร่วมกันช่วยเหลือให้ความสะดวกในการที่เจ้าพนักงานได้ร่วมกันดำเนินการให้จำเลยที่ 8 ได้มีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ ในนามของนางสาว นภาพร บุญมา ซึ่งไม่ตรงต่อความเป็นจริง และเป็นความผิดโดยจำเลยที่ 5 และที่ 8 กับพวกได้ร่วมกันจ้าง หรือวาน หรือมิฉะนั้นก็ได้ใช้ให้จำเลยที่ 1 กับที่ 4 ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยที่ 5 กับพวกเป็นผู้สนับสนุนจำเลยอื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานให้ดำเนินการให้จำเลยที่ 8 ได้มีบัตรประจำตัวประชาชนในนามของผู้อื่น แม้ในตอนหลังจะบรรยายว่าจำเลยที่ 5 กับพวกได้ร่วมกันจ้าง หรือวาน หรือใช้ให้จำเลยอื่นกระทำผิดตามฟ้องก็หาได้ขัดแย้งกันเองไม่ เพราะแม้ว่าทางพิจารณาจะได้ความทางใดทางหนึ่ง จำเลยที่ 5 ก็ย่อมมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เช่นเดียวกัน ส่วนการที่จำเลยที่ 5 ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยอื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานคนใดและอย่างใดนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา หาจำเป็นต้องบรรยายมาในฟ้องไม่ ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 จึงชอบด้วยกฎหมาย.
of 16