พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องละเมิดฐานขับรถประมาท: ฟ้องสมบูรณ์เมื่อระบุเหตุละเมิดและค่าเสียหายชัดเจน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์โจทก์ ด้วยความประมาทขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องมี และจำเลยขับรถด้วยความเร็วเกินอัตรา พุ่งเข้าชนท้ายรถของโจทก์เสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ กับระบุความเสียหายว่า ค่าซ่อมรถ 2,000 บาท ค่าพาหนะที่จ่ายระหว่างซ่อมรถ 12 วัน เป็นเงิน 1,200 บาท ค่าเสื่อมราคาของรถ 5,000 บาท ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับเงินเดือนข้าราชการที่ถูกไล่ออก: การหมดอายุความฟ้องละเมิด
ตามพระราชบัญญัติเงินเดือนของข้าราชการผู้ถูกสั่งพักราชการ พ.ศ. 2502 มาตรา 7(1) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนและเงินอื่นๆ ให้แก่ผู้ถูกสั่งพักราชการ พ.ศ.2488 มาตรา 5(1) นั้น เป็นเรื่องให้จ่ายเงินเดือนแก่ผู้ถูกสั่งพักราชการโดยผลของการสอบสวนปรากฏว่าข้าราชการผู้นั้นไม่มีความผิด หรือไม่มีมลทินมัวหมองเท่านั้น แต่ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ามีความผิด และทางราชการได้มีคำสั่งไล่ข้าราชการคนใดออกจากราชการไปแล้ว กรณีเช่นนี้ ตามกฎหมายดังกล่าวกลับห้ามมิให้จ่ายเงินเดือนระหว่างพักราชการให้แก่ข้าราชการซึ่งถูกไล่ออกจากราชการนั้นด้วย
กระทรวงเศรษฐการมีคำสั่งให้ไล่โจทก์ออกจากราชการฐานผิดวินัย เมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องต่อศาลเสียภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้อายุความ 5 ปีตามมาตรา 166 หาได้ไม่
กระทรวงเศรษฐการมีคำสั่งให้ไล่โจทก์ออกจากราชการฐานผิดวินัย เมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องต่อศาลเสียภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้อายุความ 5 ปีตามมาตรา 166 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังคดีอาญาถึงที่สุด ศาลพิจารณาค่าเสียหายจากเอกสารปลอมได้ แม้คดีแพ่งเดิมไม่มีประเด็นละเมิด
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้รับไถ่ถอนจำนองเนื่องจากได้ชำระต้นเงินให้โจทก์แล้วบางส่วน มีเอกสารใบรับเงินเป็นหลักฐาน ศาลพิพากษาให้โจทก์รับไถ่ถอนจำนองตามจำนวนเงินที่ค้าง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยทางอาญาหาว่าปลอมและใช้เอกสารใบรับเงินในคดีก่อนปลอม ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยทางแพ่งหาว่าใช้เอกสารปลอม เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดสิทธิเรียกร้องต้นเงินตามจำนวนในเอกสารรับเงินปลอมนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนพิพากกันในเรื่องการไถ่ถอนจำนอง ไม่มีประเด็นในเรื่องละเมิดแต่อย่างใด ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ให้โจทก์นำสืบแก้ไขเอกสารว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังคดีอาญาถึงที่สุด: ศาลพิจารณาได้หากมูลละเมิดต่างจากประเด็นในคดีอาญาเดิม
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้รับไถ่ถอนจำนองเนื่องจากได้ชำระต้นเงินให้โจทก์แล้วบางส่วน มีเอกสารใบรับเงินเป็นหลักฐาน ศาลพิพากษาให้โจทก์รับไถ่ถอนจำนองตามจำนวนเงินที่ค้าง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยทางอาญาหาว่าปลอมและใช้เอกสารใบรับเงินในคดีก่อนปลอมศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยทางแพ่งหาว่าใช้เอกสารปลอม เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดสิทธิเรียกร้องต้นเงินตามจำนวนในเอกสารรับเงินปลอมนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนพิพาทกันในเรื่องการไถ่ถอนจำนอง ไม่มีประเด็นในเรื่องละเมิดแต่อย่างใด ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ให้โจทก์นำสืบแก้ไขเอกสารว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดเรือโดยเจ้าพนักงานและขอบเขตการฟ้องละเมิด การนำสืบต้องอยู่ในขอบเขตฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดยึดเรือของโจทก์ไว้โดยไม่มีอำนาจและไม่ดูแลรักษาเรือไว้ในที่อันสมควร ทำให้เรือเสียหายและไม่ได้ใช้เรือ ขอให้ใช้ค่าเสียหาย แต่โจทก์แถลงรับได้ความว่าจำเลยมีอำนาจยึดเรือโจทก์ไว้สอบสวนได้ตามกฎหมายและจำเลยไม่คืนเรือให้เพราะกำลังสอบสวนโจทก์เป็นผู้ต้องหาเกี่ยวกับใช้เรือทำผิดคดีอาญาอยู่ แล้วโจทก์แถลงจะขอสืบความเสียหายโดยจำเลยมีเจตนาแกล้งโจทก์ไม่ให้ใช้เรือประกอบอาชีพตั้งแต่ยึดเรือเรื่อยมานั้น เป็นการนำสืบนอกฟ้อง ส่วนข้อที่จำเลยไม่ดูแลรักษาเรือโจทก์นั้น โจทก์มิได้ขอสืบในข้อนี้ศาลสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนในการบรรยายฟ้องคดีละเมิด: รายละเอียดปลีกย่อยไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด. จำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์โจทก์ ระบุความเสียหายว่า สินค้าที่บรรทุกรถยนต์มีพืชผลต่างๆ น้ำตาลและขวดเปล่า เสียหาย 12,350 บาท รถยนต์ชำรุดเสียหายค่าแรงงานฉุดลากจากคู ค่าลากจูงไปอู่ และค่าซ่อมรถ รวม 4,700 บาท ค่าเสื่อมราคา 1,600 บาท ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการครอบครองที่พิพาทหลังคดีถึงที่สุด และอายุความในการฟ้องละเมิด
การที่คู่ความฝ่ายหนึ่งครอบครองที่พิพาทอยู่ระหว่างคดีนั้น คู่ความฝ่ายที่ครอบครองจะยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองดังกล่าวนี้มายันคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
โจทก์ประมูลซื้อที่ได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วถูกจำเลยฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตไปยึดที่จำเลยมาขาย ขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์สู้คดี แต่มิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยยังคงครอบครองที่นั้น ปล่อยจนคดีถึงที่สุด ซึ่งล่วงเลยมา 2-3 ปี จึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดศาลให้ค่าเสียหายเพียง 1 ปี นอกนั้นขาดอายุความศาลไม่บังคับให้
คดีเรื่องก่อนจำเลยฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าเป็นของโจทก์ ได้สู้คดีกัน ในที่สุดโจทก์ชนะคดีเมื่อชนะคดีแล้วโจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยเข้าครอบครองที่นั้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคนละประเด็น
โจทก์ประมูลซื้อที่ได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วถูกจำเลยฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตไปยึดที่จำเลยมาขาย ขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์สู้คดี แต่มิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยยังคงครอบครองที่นั้น ปล่อยจนคดีถึงที่สุด ซึ่งล่วงเลยมา 2-3 ปี จึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดศาลให้ค่าเสียหายเพียง 1 ปี นอกนั้นขาดอายุความศาลไม่บังคับให้
คดีเรื่องก่อนจำเลยฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าเป็นของโจทก์ ได้สู้คดีกัน ในที่สุดโจทก์ชนะคดีเมื่อชนะคดีแล้วโจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยเข้าครอบครองที่นั้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคนละประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องละเมิด: การระบุค่าเสียหายโดยรวมในฟ้องเพียงพอแล้ว รายละเอียดค่าใช้จ่ายนำสืบได้
ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดนั้น เมื่อได้กล่าวบรรยายในฟ้องว่า ต้องเสียหายอะไรบ้าง และประมาณค่าเสียหายรวมกันมาเป็นเงินจำนวนหนึ่งก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามมาตรา 172 วรรค 2 แล้วไม่จำต้องกล่าวถึงว่าเสียหายเป็นค่าอะไรเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียด ซึ่งจะต้องนำสืบกันในเวลาพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องละเมิด: การบรรยายเหตุและจำนวนเงินเรียกคืนเพียงพอต่อการดำเนินคดี
การที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่าจำเลยหลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของเครื่องสูบน้ำสองเครื่องและโจทก์ตกลงรับซื้อจ่ายราคาให้ 26,640 บาท แล้วโจทก์ขายต่อให้นายอุทัย.ภายหลังปรากฏว่าเครื่องสูบน้ำนี้เป็นของกรมชลประทาน จำเลยยักยอกมา ตำรวจจึงไปเอาคืนมา.โจทก์ได้ชดใช้ราคาเครื่องสูบน้ำแก่นายอุทัยไปแล้วจึงฟ้องให้จำเลยรับไปจากโจทก์ข้างต้น ดังนี้ถือว่าโจทก์บรรยายเหตุที่จำเลยกระทำละเมิดไว้ชัดเจน และเรียกจำนวนเงินที่จำเลยรับไปจากโจทก์คืนนับว่าเป็นฟ้องที่มีมูลกรณีชัดแจ้งแล้ว
ส่วนข้อทีโจทก์มิได้บรรยายว่าได้จ่ายเงินค่าสูบน้ำแก่นายอุทัยผู้ซื้อจากโจทก์เท่าใดและเมื่อใดนั้นตามฟ้องก็กล่าวพอจะให้เข้าใจได้ว่าใช้ตามราคาที่ขายแก่นายอุทัยและตาม 2 ข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นโดยตรงของการละเมิด.ฉนั้นจึงถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
ส่วนข้อทีโจทก์มิได้บรรยายว่าได้จ่ายเงินค่าสูบน้ำแก่นายอุทัยผู้ซื้อจากโจทก์เท่าใดและเมื่อใดนั้นตามฟ้องก็กล่าวพอจะให้เข้าใจได้ว่าใช้ตามราคาที่ขายแก่นายอุทัยและตาม 2 ข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นโดยตรงของการละเมิด.ฉนั้นจึงถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: การแจ้งความเท็จและการจับกุม – ไม่เป็นความผิดทางอาญา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิด โดยอ้างว่าจำเลยให้คนไปแจ้งความว่าโจทก์ทำผิดทางอาญาเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนจับกุมคุมขังโจทก์ไว้สอบสวน ทั้งนี้โดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่เชื่อถ้อยคำของผู้มาบอก ดังนี้เป็นการฟ้องหาว่าละเมิดตามธรรมดา ไม่ใช่ละเมิดในมูลอันเป็นความผิดทางอาญา จึงมีอายุความฟ้องร้องเพียง 1 ปี