คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยอมรับ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 138 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งค่าจ้าง: การยอมรับอัตราค่าจ้างโดยปริยาย แม้ไม่ได้ระบุในฟ้องแย้ง
คำฟ้องของโจทก์ที่เรียกค่าเสียหายอ้างว่าจำเลยผิดสัญญารับจ้างทำการฟอกและย้อมผ้าโดยระบุอัตราค่าจ้างฟอกและย้อมผ้าไว้ชัดเจนแล้ว จำเลยให้การว่าไม่ได้ผิดสัญญาและฟ้องแย้งเรียกค่าจ้าง แม้คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ระบุว่าค่าจ้างย้อมผ้าคิดในอัตราใด แต่จำเลยก็มิได้ปฏิเสธซึ่งต้องฟังว่าจำเลยยอมรับอัตราค่าจ้างตามฟ้อง ไม่จำเป็นต้องระบุไว้อีกในฟ้องแย้ง จึงเป็นฟ้องแย้งที่ชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีที่ถูกต้องเมื่อผู้เสียภาษียอมรับราคาสินค้าที่สำแดงไว้ต่ำกว่าราคาแท้จริง
โจทก์นำสืบได้ว่าราคาสินค้าแท้จริงที่จำเลยที่ 1 ได้สำแดงไว้ตามฟ้องต่ำกว่าราคาแท้จริงในท้องตลาดและเมื่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์เรียกจำเลยที่ 1 ไปพบ ตัวแทนจำเลยที่ 1 ก็ยอมรับว่าราคาสินค้าที่สำแดงไว้ตามฟ้องต่ำกว่าราคาแท้จริง ดังนั้น การประเมินราคาสินค้าให้สูงขึ้นกว่าที่จำเลยสำแดงเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่มของโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4478/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับลายมือชื่อในภาพถ่ายเอกสาร: ศาลรับฟังเป็นหลักฐานได้
เมื่อโจทก์เคยเบิกความรับว่าภาพถ่ายลายมือชื่อของโจทก์ในเอกสารหมาย ล.3 เป็นลายเซ็นของโจทก์จริง แสดงว่าโจทก์มิได้ปฏิเสธความถูกต้องของภาพถ่ายเอกสารหมาย ล.3 จึงเท่ากับโจทก์ยอมรับว่าเอกสาร ล.3 เป็นสำเนาเอกสารที่ถูกต้องแล้ว ศาลย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4478/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับความถูกต้องของสำเนาเอกสารลายมือชื่อ มีผลให้ศาลรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
เมื่อโจทก์เคยเบิกความรับว่าภาพถ่ายลายมือชื่อของโจทก์ในเอกสารหมาย ล.3 เป็นลายเซ็นของโจทก์จริง แสดงว่า โจทก์มิได้ปฏิเสธความถูกต้องของภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวจึงเท่ากับโจทก์ยอมรับว่า เป็นสำเนาเอกสารที่ถูกต้องแล้วศาลย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3006/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีหมิ่นประมาท: การบรรยายฟ้องและข้อโต้แย้งเรื่องถ้อยคำ/เอกสาร การไม่ยกข้อต่อสู้ในอุทธรณ์ถือเป็นการยอมรับ
ในคดีหมิ่นประมาท โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวอันเป็นข้อสำคัญที่ทำให้เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทแล้ว แม้จะมีข้อความในคำฟ้องไม่ตรงกับถ้อยคำในแถบ บันทึกเสียง ซึ่งโจทก์อ้างส่งเป็นพยาน แต่ส่วนใหญ่ใจความตรงกัน และเป็นการหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำพูดมิใช่หมิ่นประมาทด้วยหนังสือ โจทก์จึงไม่ต้องแนบเอกสารที่ถอด ข้อความจากแถบ บันทึกเสียงติดมาท้ายฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา158(5) วรรคสอง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยพูดเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ จึงเท่ากับยอมรับว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหานี้ถูกต้องแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3006/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหมิ่นประมาทด้วยคำพูด: การบรรยายฟ้องและข้อยอมรับของจำเลย
ในคดีหมิ่นประมาท โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวอันเป็นข้อสำคัญที่ทำให้เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทแล้วแม้จะมีข้อความในคำฟ้องไม่ตรงกับถ้อยคำในแถบบันทึกเสียงซึ่งโจทก์อ้างส่งเป็นพยาน แต่ส่วนใหญ่ใจความตรงกัน และเป็นการหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำพูดมิใช่หมิ่นประมาทด้วยหนังสือโจทก์จึงไม่ต้องแนบเอกสารที่ถอดข้อความจากแถบบันทึกเสียงติดมาท้ายฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) วรรคสอง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยพูดเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ จึงเท่ากับยอมรับว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหานี้ถูกต้องแล้วการที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2598/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับรายงานการสาบานต่อหน้าศาล มีผลผูกพันจำเลย แม้จะอ้างว่าคำสาบานนอกเหนือข้อตกลง
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า หาก ป. หุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์สาบานได้ว่า จำเลยนำเช็คตามฟ้องมาแลกเงินสดจากโจทก์ตามฟ้องจำเลยยอมแพ้คดี หากป.ไม่ยอมสาบานไม่ว่าแห่งหนึ่งแห่งใด โจทก์ยอมแพ้คดี ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลได้รายงานต่อศาลว่าได้กล่าวคำสาบานและ ป. กล่าวคำสาบานตามที่คู่ความตกลงกันไว้แล้ว เมื่อจำเลยซึ่งไปฟังการสาบานได้ลงลายมือชื่อไว้โดยไม่ปรากฏข้อทักท้วงต่อเจ้าหน้าที่ศาลว่า ป. กล่าวถ้อยคำนอกเหนือจากที่มีการตกลงกัน จึงถือได้ว่าจำเลยรับรองความถูกต้องของรายงานเจ้าหน้าที่นั้นแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานแวดล้อมและการยอมรับในชั้นสอบสวนเพียงพอพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แม้ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์โดยตรง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแต่โจทก์มีพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเชื่อได้ว่าก่อนเกิดเหตุเล็กน้อยและในขณะเกิดเหตุยิงกันจำเลยอยู่กับผู้ตายเพียงสองคนที่บ้านของจำเลย หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไปทันที ชั้นสอบสวนจำเลยยอมรับว่าหลบหนีไปเพราะจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันรับฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้เช่าซื้อขณะทำสัญญา แต่จำเลยห้ามยกข้อต่อสู้เมื่อยอมรับว่ามีสัญญาเช่าซื้อจริง
แม้ขณะที่บริษัทโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับจำเลยวัตถุที่ประสงค์ของบริษัทโจทก์ยังมิได้ระบุให้ประกอบกิจการเป็นผู้ให้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ได้แต่เมื่อจำเลยให้การและนำสืบรับว่าบริษัทโจทก์กับจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กันจริงจำเลยจะโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะการให้เช่าซื้อรถยนต์อยู่นอกขอบวัตถุที่ประสงค์ของบริษัทโจทก์ไม่ได้
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า การทำสัญญาเช่าซื้ออยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของโจทก์ และมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่ แล้ววินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าการทำสัญญาให้เช่าซื้ออยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยไม่อาจยกข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้เช่าซื้อขึ้นต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับผลประเมินภาษีแล้ว ถือเป็นการยุติสิทธิในการโต้แย้งภายหลัง แม้จะมีข้ออ้างเรื่องขาดทุนสะสม
เมื่อบริษัทโจทก์ยอมรับผลการประเมินสำหรับปี 2516 และ 2517ของเจ้าพนักงานประเมินที่เรียกเก็บภาษีเงินได้และเงินเพิ่มจากโจทก์ โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้าน และได้ชำระค่าภาษีเงินได้และเงินเพิ่มตามที่เจ้าพนักงานประเมินมีคำสั่งให้ชำระแก่จำเลยแล้วย่อมถือได้ว่าการประเมินดังกล่าวชอบแล้วและเป็นอันยุติ โจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาโต้เถียง เป็นอย่างอื่นอีกโดยอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์มิได้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ยังมียอด ขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 ปี นำมาหักกับยอด กำไรสุทธิในปี 2518 อีก.
of 14