คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยักยอกทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 543 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดดินในที่ดินผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
ผู้เสียหายมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ดูแลการปรับที่ดินแทนแม้ผู้เสียหายสัญญาว่าเมื่อปรับพื้นที่เรียกร้อยแล้วจะยอมให้จำเลยที่ 1 ทำประโยชน์ในที่ดินเป็นเวลา 3 ปีก็ตาม แต่ระหว่างปรับที่ดินของผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ย่อมอยู่ในฐานะผู้ดูแลการปรับพื้นที่แทนผู้เสียหายเท่านั้น หาใช่ผู้เสียหายมอบการครอบครองที่ดินที่จะปรับให้จำเลยที่ 1 ครอบครองไม่เมื่อฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขุดบ่อหรือสระโดยยกดินที่ขุดได้ให้ผู้ขุดเป็นการตอบแทน การที่จำเลยที่ 1 จัดการให้จำเลยที่ 2ขุดเอาดินในที่ดินของผู้เสียหายไปจึงเป็นการเอาทรัพย์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หาใช่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดดินในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
ผู้เสียหายมอบหมายให้จำเลยที่1ดูแลการปรับที่ดินแทนแม้ผู้เสียหายสัญญาว่าเมื่อปรับพื้นที่เรียกร้อยแล้วจะยอมให้จำเลยที่1ทำประโยชน์ในที่ดินเป็นเวลา3ปีก็ตามแต่ระหว่างปรับที่ดินของผู้เสียหายจำเลยที่1ย่อมอยู่ในฐานะผู้ดูแลการปรับพื้นที่แทนผู้เสียหายเท่านั้นหาใช่ผู้เสียหายมอบการครอบครองที่ดินที่จะปรับให้จำเลยที่1ครอบครองไม่เมื่อฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยที่1ขุดบ่อหรือสระโดยยกดินที่ขุดได้ให้ผู้ขุดเป็นการตอบแทนการที่จำเลยที่1จัดการให้จำเลยที่2ขุดเอาดินในที่ดินของผู้เสียหายไปจึงเป็นการเอาทรัพย์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หาใช่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6152/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์-รับของโจร: การถอนฟ้องคดีอาญาไม่กระทบความผิดฐานรับของโจร
ช.เช่ารถยนต์ของผู้เสียหายไปขับแล้วไม่ส่งคืนโดยเจตนาจะนำไปขาย เป็นความผิดฐานยักยอก ต่อมาผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ ช.ฐานยักยอกทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้อง ช.ย่อมระงับไป ส่วนความผิดฐานยักยอกยังคงอยู่จำเลยรับรถยนต์ไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของร้าย มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6152/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์และการรับของโจร: แม้ถอนฟ้องคดีอาญาฐานยักยอก สิทธิฟ้องฐานรับของโจรยังคงมีอยู่
ช.เช่ารถยนต์ของผู้เสียหายไปขับแล้วไม่ส่งคืนโดยเจตนาจะนำไปขาย เป็นความผิดฐานยักยอก ต่อมาผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ ช.ฐานยักยอกทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้อง ช. ย่อมระงับไป ส่วนความผิดฐานยักยอกยังคงอยู่จำเลยรับรถยนต์ไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของร้าย มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5778/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์กล่าวโทษยักยอกทรัพย์: เพียงพอด้วยการแจ้งความด้วยวาจา แม้ไม่มีตราบริษัท
บันทึกคำร้องทุกข์ของโจทก์ระบุว่า ศ. (จำเลย) ซึ่งเป็นลูกจ้างได้ยักยอกเงินของผู้แจ้งไป เท่าที่ตรวจพบขณะนี้เป็นจำนวนเงิน 230,000บาท ทำให้ผู้แจ้งได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีให้กับพนักงาน-สอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และลงชื่อกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ แม้มิได้ระบุว่ากระทำในนามโจทก์ ทั้งไม่ปรากฏรอยตราเครื่องหมายโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลในช่องผู้ร้องทุกข์ก็ตาม แต่คดีนี้โจทก์โดย ส.กรรมการผู้จัดการได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนด้วยวาจา มิได้ยื่นคำร้องทุกข์เป็นหนังสือ โดยพนักงาน-สอบสวนได้จัดทำคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษตามแบบฟอร์มของกรมตำรวจไว้และพนักงานสอบสวนจดบันทึกในคำร้องทุกข์ไม่ครบถ้วนตามที่ ส.แจ้งไว้ แล้วให้ส.ลงชื่อไว้โดยไม่ได้ประทับตราบริษัทโจทก์ ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ยกบันทึกคำร้องทุกข์ซึ่งพนักงานสอบสวนจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เป็นหลักฐานมาตำหนิและวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำของ ส.เป็นส่วนตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์ได้เคยวินิจฉัยปัญหานี้ไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า การร้องทุกข์ของโจทก์เป็นไปโดยชอบและพิพากษาให้คดีมีมูลจึงเป็นการไม่ชอบ
การที่ ส.กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ได้พบพนักงาน-สอบสวนแล้วแจ้งความให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหายักยอกทรัพย์ของโจทก์ ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีนั้นเป็นการเพียงพอที่จะฟังได้แล้วว่า โจทก์ในฐานะผู้เสียหายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยว่ากระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ จำเลยต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
ขณะสุราของโจทก์ร่วมหายไปไม่มีพยานรู้เห็นโจทก์ร่วมมาทราบว่าสุราขาดหายก็เนื่องจากมีการตรวจสอบบัญชีสุราคงเหลือและที่กล่าวหาจำเลยทั้งสองก็เพราะจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบในสุราที่หายไปแต่ปรากฎว่ายังมีช. พนักงานของโจทก์ร่วมอีกคนหนึ่งเป็นผู้นำสุราไปขายให้แก่ร้านค้าและเก็บเงินจากร้านค้าซึ่งภายหลังเกิดเหตุช. ได้หลบหนีไปพยานโจทก์และโจทก์ร่วมนอกจากนี้ก็ไม่มีผู้ใดยืนยันหรือชี้ชัดได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ยักยอกสุราของโจทก์ร่วมไปมีวิธีการยักยอกและนำไปจำหน่ายอย่างไรดังนั้นการที่สุราของโจทก์ร่วมขาดหายไปจากสต๊อกอาจจะเป็นเพราะช. นำไปขายและยังเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ก็ได้พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1ยักยอกสุราของโจทก์ร่วมไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769-770/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเบิกความเท็จ, การจัดการทรัพย์มรดก, หนี้สินมรดก, การยักยอกทรัพย์, สัญญาผูกพันก่อนเสียชีวิต
การที่จะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177ผู้กระทำจะต้องกระทำโดยเจตนาคือรู้อยู่แล้วว่าข้อความที่ตนนำมาเบิกความนั้นเป็นความเท็จจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกและเบิกความตามคำร้องนั้นโดยเชื่อตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่ดินและความเห็นของทนายความโดยไม่มีเจตนาที่จะเบิกความเท็จการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ กองมรดกยังมีหนี้สินตามคำพิพากษาและเจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1736ต้องถือว่าทรัพย์มรดกยังคงอยู่ในระหว่างจัดการซึ่งมีสาระสำคัญว่าตราบใดที่เจ้าหนี้กองมรดกยังไม่ได้รับชำระหนี้จะมีการแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาทมิได้ที่จำเลยยังไม่ได้แบ่งปันทรัพย์มรดกแก่โจทก์จะฟังว่าเป็นการยักยอกทรัพย์ของโจทก์ไม่ได้การที่จำเลยแบ่งขายที่ดินมรดกก็เป็นการปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้ามรดกทำไว้ก่อนตายกับผู้ซื้อถือไม่ได้ว่าเป็นการยักยอกทรัพย์มรดกของโจทก์เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7968-7969/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์และการปลอมเอกสารสิทธิที่เกี่ยวเนื่องกัน ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีหน้าที่จัดเก็บค่าบำรุงสมาชิกและค่าตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำพร้อมทั้งนำเงินดังกล่าวมาฝากธนาคารเข้าบัญชีโจทก์ร่วมในแต่ละวันดังนั้นในแต่ละวันแม้จำเลยจะออกใบเสร็จรับเงินให้แก่สมาชิกไม่ตรงกับจำนวนเงินที่รับจากสมาชิกกี่ฉบับก็ตามแต่การจะตรวจสอบรู้ว่าจำเลยยักยอกเงินไปจำนวนเท่าใดก็ต้องดูจากยอดเงินที่จำเลยนำฝากธนาคารในแต่ละวันว่าขาดหายไปเท่าใดดังนั้นจึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกในแต่ละวันเพียงกรรมเดียวเท่านั้นเมื่อจำเลยกระทำผิดฐานยักยอก68วันจำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก68กรรมหรือกระทง การปลอมเอกสารสิทธิจำเลยกระทำไปเพื่อปกปิดการกระทำผิดของจำเลยที่ได้ยักยอกเงินของโจทก์ร่วมไปเป็นการกระทำที่เกี่ยวกับการที่จำเลยยักยอกเงินดังกล่าวโดยมีเจตนาจะใช้เอกสารสิทธิปลอมที่ทำขึ้นเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของโจทก์ร่วมนั่นเองความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิกับความผิดฐานยักยอกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7188/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจแต่งตั้งสมุห์บัญชีสุขาภิบาล และความผิดฐานยักยอกทรัพย์
การแต่งตั้งเสมียนตราอำเภอหรือกิ่งอำเภอที่มีสุขาภิบาลให้เป็นสมุห์บัญชีสุขาภิบาลนั้น จะต้องเป็นเรื่องเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งนายอำเภอแม้จะเป็นกรรมการสุขาภิบาลอยู่ด้วย ก็ไม่มีอำนาจที่จะแต่งตั้งเสมียนตราอำเภอให้เป็นสมุห์บัญชีสุขาภิบาลได้ด้วยตนเอง ดังนั้นการที่ ป.นายอำเภอพรหมพิรามสั่งให้จำเลยไปปฏิบัติหน้าที่สมุห์บัญชีสุขาภิบาลจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ จำเลยไม่มีฐานะเป็นพนักงานของสุขาภิบาลและไม่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จึงลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 147 และ 157 ไม่ได้ แต่อาศัยอำนาจตามความใน ป.วิ.อ.มาตรา 192 ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของสุขาภิบาลตาม ป.อ. มาตรา 352 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711-3712/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์: การกระทำร่วมกันของผู้ครอบครองและบุคคลภายนอก
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองเพียงผู้เดียวผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์การครอบครองทรัพย์เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์อย่างหนึ่งเท่านั้น จำเลยที่1ครอบครองดูแลจัดการทรัพย์สินของโจทก์ที่2สาขาบางกะปิ เป็นผู้จัดการธนาคารอันเป็นกิจการที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับการเงินจำเลยที่1จึงเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนการกระทำของจำเลยที่1ดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา354ประกอบด้วยมาตรา353และมาตรา352วรรคหนึ่งส่วนการที่จำเลยที่2ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ร่วมกับจำเลยที่1ซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาบางกะปิของโจทก์ที่2ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่2เมื่อจำเลยที่2มิใช่เป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนจำเลยที่2ย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา352วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา83 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำหลักฐานเท็จในการที่จำเลยที่2ขอกู้เบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ที่2ครั้งแรกในวงเงิน1,000,000บาทโดยจำเลยทั้งสองประสงค์ที่จะเบียดบังเอาเงินของโจทก์ที่2ไปเป็นของจำเลยทั้งสองโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานยักยอกแล้วเมื่อต่อมาจำเลยที่2ได้ร่วมกันทำหลักฐานเท็จในการที่จำเลยที่1ขอกู้เงินเกินบัญชีเพิ่มเติมอีก3ครั้งในวงเงิน500,000บาท400,000บาทและ800,000บาทตามลำดับจากโจทก์ที่2การกระทำของจำเลยทั้งสองแต่ละครั้งนั้นจึงเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกันจำเลยทั้งสองจึงร่วมกันกระทำความผิดฐานยักยอกรวม4กรรม
of 55